- หน้าแรก
/
- รูป มานี มี หม้อ เซ็นทรัลเวสต์เกต


บรรยากาศร้าน
มานีนั่งรอเสิร์ฟความอร่อยอยู่ในหม้อ ชาบูแบบไทยๆ บรรยากาศย้อนวันวานไปสมัยเรียนหนังสือมานี มี หม้อ ร้านชาบูแบบไทยๆชื่อดังที่มีสาขาอยู่ตามโซนลาดพร้าวซะเป็นส่วนใหญ่ ร้านนี้คอนเซปท์ดีครับ เพราะมีการนำตัวละครในหนังสือเรียนอย่างมานี (มานะ ปิติ ชูใจ ไม่มา ฮ่าๆ) มาเป็นตัวขายของทางร้าน พร้อมกับชื่อเมนูสุดคลาสสิคที่ทำให้เราเหมือนย้อนไปอ่านหนังสือเรียนเมื่อวัยเยาว์ นอกจากทางร้านจะทำเมนูให้ดูคลาสสิคแล้ว บรรยากาศร้านโดยรวมยังดูย้อนวันวานได้สุดๆครับ บางทีก็แอบรู้สึกว่าเข้ามานั่งทานอาหารอยู่ในงานวัดน่ารักๆเลยทีเดียว
ผมเองเคยได้ยินชื่อเสียงร้านนี้มานานพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองสักที ได้โอกาสมาเดินห้างใหม่ล่าสุดอย่าง Central Westgate แล้วเลยเล็งร้านนี้ไว้เป็นร้านแรกๆที่จะต้องมาทานให้ได้ วันนี้เลยจัดเลยครับ ชาบูของทางร้านนั้นมีจุดเด่นอยู่มันกุ้งที่เค้าบอกว่า Signature ของทางร้าน รวมถึงน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้านครับ คุณภาพโดยรวมของชาบูทางร้านนั้นถือว่าพอใช้ได้ ราคาไม่แรง อิ่มได้แม้ไม่ใช่บุฟเฟต์ครับ
[วิธีการเดินทาง]
สาขานี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ของห้างใหม่ล่าสุดอย่าง Central Plaza Westgate ในย่านบางใหญ่ ร้านอยู่ติดกับร้าน Gyu-Kaku เลยครับ โซนนี้ร้านอาหารเยอะมากมาย ยังไงลองเดินหาดูนะครับ
ห้างนี้ตั้งอยู่บนถนนกาญจนาภิเษกตัดกับถนนรัตนาธิเบศร์อยู่ตรงหัวมุมพอดี มีรถไฟฟ้า MRT ตัดผ่านพอดี ต่อไปถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้บริการก็คงจะเดินทางได้สะดวกมากขึ้น แต่ช่วงนี้ต้องขับรถมาก่อนนะครับ ด้านในห้างมีที่จอดรถสะดวกสบายถึง 5,000 คันด้วยกัน แต่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อาจจะหาที่จอดรถยากซะหน่อย ยังไงลองวนๆดูนะครับ
[บรรยากาศ/การบริการ]
อย่างที่บอกไปว่าร้านนี้บรรยากาศร้านนี้ตกแต่งได้เหมือนย้อนวันวานไปยังสมัยเรียนหนังสือ ด้านในร้านมีการ์ตูนไทยๆตกแต่งสวยงามตามฝาผนัง รวมถึงหม้อมากมายมาประดับร้านให้เข้ากับชื่อร้าน ด้านในร้านค่อนข้างกว้างขวางครับ มีที่นั่งเยอะ ลูกค้าก็เยอะด้วยเช่นกันครับ อย่างวันนี้ผมมาทานช่วงค่ำๆก็ถือว่าแน่นพอสมควรเลยครับ เชื่อว่าถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์คิวจะต้องยาวพอสมควรแน่นอนครับ
ความพิเศษของทางร้านนี้ก็คือ ถ้าเรามารอคิวเกินกว่า 20 นาทีแล้วละก็ จะได้มันกุ้งไปเลยฟรีๆจานนึง ถ้ารอ 40 นาที ก็จะได้ 2 จาน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถือว่าแฟร์ๆครับ วันนี้ผมไม่ได้รอคิวเลยอดไป ฮ่าๆ
การบริการของพนักงานในร้านนั้นผมว่ายังไม่ค่อยลงตัวเท่าไร เข้าใจว่ามีการจ้างเด็กนักเรียนมาเป็นพนักงานเสิร์ฟด้วย แต่ละคนเลยอาจจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรสักเท่าไร บางทีอยากสั่งอะไรเพิ่มกว่าจะยื่นเมนูที่อยากสั่งให้พนักงานได้ก็ต้องมองหากันอยู่นานสองนานเลยทีเดียวครับ อาหารของทางร้านมาเสิร์ฟแบบไม่เร็วไม่ช้าเกินไป แต่แอบแปลกไปหน่อยที่วันนี้เมนูที่ผมสั่งมานั้นมาเสิร์ฟหมดแล้ว แต่หม้อชาบูดันมาหลังสุดซะงั้น ยังดีที่ไม่ได้หิวมากเท่าไร ฮ่าๆ
[รสชาติอาหาร/ความคุ้มค่า]
ชาบูของทางร้านเป็น A La Carte เมนูทั้งหมดครับ ไม่มีบุฟเฟต์ (ทีแรกคิดว่าเป็นบุฟเฟต์ กะจะมาจัดเต็ม ฮ่าๆ) วัตถุดิบต่างๆนั้นก็มีให้สั่งได้หลากหลายครับ ผมชอบตรงชื่อเมนูแต่ละอย่างของทางร้านที่ดูตั้งใจคิดมาอย่างหลายตลบแน่ๆแล้ว ฮ่าๆ วันนี้สั่งมาทานหลายเมนูเดี๋ยวจะทยอยรีวิวให้ฟังเรื่อยๆครับ
ก่อนอื่นขอเริ่มที่น้ำซุปก่อน น้ำซุปชาบูของทางร้านมีแบบเดียวครับคือน้ำซุปใส ทางร้านมีวิธีการปรุงน้ำซุปแบบสุดยอดคอมโบที่เค้าบอกว่าอร่อยมากมาย ด้วยการใส่ "หมูเทวดา" + "มันกุ้งแม่น้ำ" + "ผักชีฝรั่ง" + "ไข่ไก่" ผมลองทำตามดูเหมือนกัน แต่กลับพบว่ามันก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้นสักเท่าไร ไม่รู้ใส่น้อยไปหรืออะไรยังไงเหมือนกันครับ ฮ่าๆ
ในส่วนของน้ำจิ้มของทางร้านนั้นมีน้ำจิ้มชาบูสูตรเข้มข้น น้ำจิ้มซีฟู้ด แล้วก็พริกกระเทียมให้ปรุงใส่คู่กัน ทางร้านยังคงมีการแนะนำสูตรในการปรุงน้ำจิ้มด้วยการใส่ทุกอย่างลงไปให้หมด แล้วก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผมค่อนข้างชอบรสชาติของน้ำจิ้มทางร้านครับ เค็มนิดๆเข้มข้นๆแซ่บถูกใจ ทำให้รสชาติของชาบูที่สั่งมาทานนั้นอร่อยขึ้นเยอะพอสมควรเลยครับ
วัตถุดิบต่างๆที่ผมสั่งมาทานมีดังต่อไปนี้ครับ
- หมูติดมัน (35 บาท) - หมูสไลด์ธรรมดาๆ หมูติดมันนิดหน่อย
- หมูเทวดา (42 บาท) - หมูบดผสมเนื้อกุ้งสับ เอาจริงๆครับ ใส่ลงไปในซุปก็หายไปหมดแล้ว เลยไม่แน่ใจรสชาติมันสักเท่าไร ฮ่าๆ
- ตับหมูหมักน้ำมันหอย (38 บาท) - ตับหมูของทางร้านอร่อยมากครับ ชิ้นหนาและใหญ่ จุ่มลงหม้อแปปๆแล้วทานอร่อยมากมาย ฟินสุดๆไปเลย
- เนื้อสันสายพันธ์ออสซี่ (38 บาท) - เนื้อวัวคุณภาพดีครับ ไม่เหนียว อร่อยกำลังพอดีๆ
- ไก่หมักงา (35 บาท) - เนื้อไก่เป็นเนื้อไก่ส่วนสะโพกติดหนัง ผมค่อนข้างชอบเมนูนี้ครับ เนื้อไก่เน้นๆ แน่นๆ อร่อยดี
- ฟองเต้าหู้ห่อกุ้งแชงกรีลา (42 บาท) - ฟองเต้าหู้ห่อมาด้วยเนื้อกุ้งหมักอร่อยดีครับ
- มันกุ้งแม่น้ำ (48 บาท) - ไฮไลท์เมนูของทางร้าน ไม่สั่งไม่ได้ครับ มันกุ้งแม่น้ำเน้นๆ ใส่ลงไปในซุปแล้วทานอร่อยฟินมากครับ
- ปลาบาซาจากกระชังครูไพลิน (48 บาท) - เมนูนี้เป็นปลาอะไรก็ไม่รู้ แต่ชิ้นใหญ่มาก หนามาก ต้มลงไปนานมากก็ยังไม่สุก เลยไม่ได้ทานครับ ฮ่าๆ
- ไข่หมึก (48 บาท) - ไข่ปลาหมึกปกติมันอร่อยของมันในตัวอยู่แล้ว แต่พอเอามาต้มใส่ลงไปในชาบู ผมว่ามันยังไม่ค่อยโดนเท่าไรครับ ของแบบนี้ต้องเอาไปปิ้งนี่ฟินสุดแล้วครับ
- ตะกร้าผักยกสวนวีระ (198 บาท) - ในเซตผักนี้มีผักกาดขาว ผักบุ้ง ข้าวโพดอ่อน และเห็ดเข็มทอง ไม่ต้องถามเลยครับว่าอร่อยไหม เพราะไม่ได้แตะครับ ฮ่าๆ
- ลูกชิ้นมันกุ้ง (48 บาท) - เมนูนี้เป็นลูกชิ้นลาวาที่ด้านในเป็นมันกุ้ง ตอนทานร้อนๆอาจจะลวกปากได้นะครับ ระวังนิดนึง รสชาติของมันเหมาะกับคนที่ชอบมันกุ้งครับ เพราะมันกุ้งด้านในทะลักทะลายมากมายครับ
- เส้นชาร์ก๋วยเตี๋ยว (15 บาท) - เส้นเล็กที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆครับ
นอกจากนี้แล้วผมยังสั่งอีกเมนู Signature อย่าง "ข้าวหน้ามันกุ้งเสวย" มาทานด้วยครับ เมนูนี้ราคา 129 บาท เป็นข้าวกล้องโปะมาด้วยมันกุ้งอบเป็นแผ่นหน้าตาเหมือนหมูยอ โปะมาอีกชั้นด้วยไข่ต้มและกุ้งทอด ผมชอบเมนูนี้มากครับ มันกุ้งทานเข้าไปนี่ละลายในปากเหมือนทานฟัวกรากันเลยทีเดียว ฮ่าๆ ทานไปจนอีกคนที่มาทานด้วยกันแทบจะไม่ได้ทานแน่นอน ฮ่าๆ ส่วนไข่ต้มแล้วก็กุ้งทอดก็อร่อยตามมาตรฐานทั่วไปครับ ผมชอบมันกุ้งมากกว่า ฟินจนอยากจะสั่งเพิ่มอีกจานเลยทีเดียว
ทางร้านรับชำระเงินด้วยเงินสดเท่านั้นนะครับ ไม่รับบัตรเครดิต และเมื่อเราทานเสร็จก็หยิบแก้วน้ำใส่ใบเสร็จออกมาชำระกับพนักงานหน้าร้านได้เลยครั บไม่มีการเรียกเก็บบิลจากโต๊ะเหมือนร้านอื่นๆนะครับ
โดยรวมแล้วชาบูของทางร้านนั้นอยู่ในเกณท์อร่อยพอใช้ได้ครับ ราคาไม่แรง ทานแล้วอิ่มแปล้ได้สบายๆ ผมชอบบรรยากาศร้านมากกว่ารสชาติของชาบูทางร้านซะอีก ชาวฝั่งธนที่ยังไม่เคยลองชาบูมันกุ้งสไตล์นี้ ลองมาทานดูสักครั้งนึงได้ครับ จะได้ไม่ตกเทรน
56 Likes0 Comment
