3.8
173 เรตติ้ง (134 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในวันพฤหัสบดี เวลา 05:30
บุญรัตน์ติ่มซำ ดิลกอุทิศ
ปลานึ่ง
ติ่มซำอร่อยอร่อย วัตถุดิบชั้นเลิศ รสชาติกลมกล่อม เด่นทางหวาน ควรกินแต่พอดีกินมากไปจะเริ่มเลี่ยน บะกูดเต๋อร่อยมากสำหรับวันนี้ตั้งใจมากินร้านนี้แต่เช้าเลยทีเดียว กับติ่มซำเจ้าเก่าแก่ เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1917 สืบทอดสูตรลับความอร่อยเรียกได้ว่าคุณภาพไม่ได้ลดลงไปตามกาลเวลา ร้านเปิดตั้งแต่เช้าครับ ตั้งแต่ 6-10 โมง คนจะเต็มตั้งแต่เริ่มเปิดร้านเลยทีเดียว ใกล้ๆแปดโมงนี่มียืนถือบัดคิวรอที่นั่งกันบ้างแล้ว ใครอยากมากินร้านนี้แนะนำว่ามาเช้าหน่อยดีกว่านะครับ ผมโชคดีมาแล้วได้ที่นั่งพอดี แอบเกรงใจคนอื่นเล็กน้อย โต๊ะนั่งสี่คนแต่ผมนั่งกินคนเดียว แถมยังถ่ายรูป นั่งละเมียดกัดติ่มซำทีละคำทั้งดู ดม อม เคี้ยว กลืน ใช้เวลาพอสมควรเลยครับ แนะนำวิธีการสั่งอาหารนะครับ มาถึงแล้วหาโต๊ะว่าง ไปนั่งที่โต๊ะเลยครับ พนักงานจะยกถาดติ่มซำมาให้เลือกครับ ควรเลือกเฉพาะที่เราจะทานนะครับ ไม่ควรหยิบเผื่อคืน เพื่อสุขอนามัยที่ดี เลือกถ้วยไหนก็คีบๆวางลงบนโต๊ะเลยครับ อยากได้อะไรเพิ่มก็สั่งเป็นอย่างๆไป เมนูอื่นๆนอกจากติ่มซำก็สั่งกับพนักงานที่เดินไปมาได้เลยครับ สั่งอาหารเสร็จก็สั่งน้ำครับ น้ำก็เป็นพวกน้ำทั่วๆไป ชาเย็น ชาดำเย็น ไรงี้ แต่ทางร้านจะมีกาน้ำชาวางอยู่ทุกโต๊ะครับ สั่งน้ำแก้วนึงแล้วรีฟิลน้ำชาเอาก็ไม่มีใครว่าครับ แต่กาไหนเพิ่งเติมใหม่ๆนะร้อนอยู่ อาจจะไม่เหมาะกะคนชอบเครื่องดื่มเย็นๆนัก เริ่มเข้าสู่เนื้อหาหลักกันดีกว่าครับ "จีบหมู" เมนูเบสิกของติ่มซำเลยก็ว่าได้ สัมผัสเมื่องาบเข้าไปทั้งลูก ได้ความรู้สึกที่หยุ่นๆนุ่มลิ้น ใช้ลิ้นบี้ให้แหลกในปากแล้วทำปากจู๋ๆดูดน้ำรสชาติในเนื้อออกมาจำนวนมาก ให้ความชุ่มฉ่ำในปากดีไม่น้อย รสของขนมจีบที่กลมกล่อมเด่นหวาน ไม่มีกลิ่นคาวของวัตถุดิบเลยแม้แต่น้อย "จีบปู" เป็นเมนูมาด้วยลักษณะของขนมจีบ ห่อด้วยแป้งเกี๊ยวสีเขียว วางด้านบนด้วยปูบ่งบอกว่า "ในนี้มีปูผสมอยู่ด้วยนะ" สำหรับความรู้สึกที่หลังจากงาบเข้าปากไปนั้น ส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยแตกต่างกับจีบหมูมากนัก พยายามบี้ๆด้วยลิ้นแล้วยังไม่ค่อยได้ความรู้สึกรสชาติที่เฉพาะตัวของปู แต่ที่ได้คือ texture ของโครงปู(เปลือกปู,กระดูกปู) ที่บดละเอียดมาแทน ให้อารมณ์ที่กรุบๆดีส่วนตัวแล้วชอบ รสชาติกลมกล่อมเด่นหวานเช่นกัน "สาหร่าย" เป็นขนมจีบ ห่อสาหร่าย วางปูด้านบน รสชาติคำแรกเด่นรสและกลิ่นสาหร่ายนำมาก่อน จากนั้นรสของเนื้อขนมจีบคล้ายๆกันกับจีบหมู ต่างกันตรงที่เมื่อเคี้ยวๆไปแล้วจะผสมกันได้อย่างลงตัวกับรสและกลิ่นของสาหร่าย กลายเป็นรสชาติเฉพาะตัวของเมนูนี้ "กรรเชียงปูทอด" เมนูเด็ดที่รีวิวคนอื่นกล่าวถึงกันเยอะมากกก *Recommend* ลักษณะภายนอก ดูเป็นเนื้อสัตว์ผสม ปั้นก้อน จากการคาดเดาคิดว่าคงมีปูและหมูเป็นส่วนผสมในนั้น เคลือบด้วยแป้งที่ทอดจนออกสีเหลือง แลดูกรอบน่ากิน ชิ้นใหญ่พอสมควร ประมาณเท่าๆไข่ไก่เบอร์เล็กสุดเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ใหญ่จนจะงาบทั้งคำก็แลดูจะลำบากไป เลือกใช้วิธีงับเอาละกัน สิ่งที่ดูน่าจะเป็นแป้งที่เคลือบอยู่ภายนอกนั้นให้ความรู้สึกกรอบเมื่อกัดลึกลงไปเจอะความนุ่มของเนื้อผสมของปูกับหมู ปรุงรสกลมกล่อมออกหวานเช่นกัน ความรู้สึกตรงๆถ้าให้เทียบกับจีบปู ก็คล้ายๆกันคือหารสปูไม่เจอเพราะรสอื่นกลบหมดหรือเราไม่เทพพอ แต่เสียตรงที่มีความมันชวนเลี่ยนและกลิ่นของน้ำมันที่ใช้ทอด ทำให้ความฟินโดยรวมลดลงไป เมนูนี้ผมพลาดเองที่ดันเหลือไว้กินตอนใกล้อิ่ม เลยทำให้กินแล้วรู้สึกเลี่ยนนิดๆ แนะนำว่าควรกินเป็นอย่างแรกๆ (คหสต.) "ไส้กรอกราดซอส" ห้ามดูถูกเมนูนี้ไป ไส้กรอกรสชาติธรรมดาๆ เนื้อสัมผัสก็เกรดกลางๆ แต่พอผสมกับน้ำซอสที่ทางร้านราดมาในถ้วยด้วยแล้ว เข้ากันดีอย่างบอกไม่ถูก รสชาติกลมกล่อมเด่นเปรี้ยวนำหวานตาม รวมกับรสออกเด็มในเนื้อไส้กรอกแล้วลงตัวยิ่งนัก "ไข่นก" เป็นเนื้อของขนมจีบปั้นก้อนขนาดปานกลาง เผยให้เห็นไข่นกกระทาที่เป็นแบบฝังไว้ทั้งใบ รสชาติเนื้อๆเป็นเหมือนจีบหมู แต่เมื่อกัดส่วนที่เป็นไข่นกกระทาแตกแล้วได้รสของความเป็นไข่แดงสุกผสมรวมกันอย่างลงตัว จนเป็นรสชาติที่แตกต่างจากจีบหมูธรรมดา "ฮะเก๋า" ความอร่อยของฮะเก๋าอยู่ที่ความบางเบาของแป้ง ที่เมื่องาบเข้าไปแล้วสามารถใช้ลิ้นบี้ให้แหลกในปากอย่างไม่ยากเย็น แผ่นแป้งมีความชุ่มชื้นกำลังดี ไม่แห้งไม่เละเกินไป ไส้รสชาติกลมกล่อมอร่อยมากครับ ไม่ผิดหวัง "บะกูดเต๋" หรือ "กระดูกหมูตุ๋นยาจีน" เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดครับ ของดีมีอยู่ในน้ำสีเข้มของน้ำตุ๋นเครื่องยาจีน ที่กลิ่นหอมอบอวลชวนซดมากๆ ตักน้ำขึ้นมาหนึ่งช้อนมาดมใกล้ๆยิ่งหอมมากขึ้น ทำปากจู๋ สูดน้ำผสมอากาศเข้าไปในปากด้วยความเร็วสูง จนเกิดเสียง "ฉูบ!!!" เป็นการช่วยให้นำซุบสัมผัสกับอากาศมากขึ้น ส่งเสริมให้กลิ่นของน้ำซุบในช่องปากและลำคอมีความเข้มข้นมากขึ้น กระตุ้นประสาทสัมผัสกลิ่นที่อยู่เหนือขึ้นไปในโพรงจมูกได้อย่างดีเยี่ยม สัมผัสรสชาติของน้ำเป็นแบบเบาๆ ซดได้ทั้งวัน ให้รสที่กลมกล่อมมากถึงมากที่สุด หารสเด่นไม่เจอ เมื่อกลืนจะมีรสหวานจากเครื่องยาจีนอันเป็นจิตวิญญานของบะกูดเต๋มาเหมือนคลื่นน้ำที่ไล่ระดับจนถึงยอดแล้วจางหายไป กระดูกหมูมีมาให้ในชามผมสามชิ้น แต่ละชิ้นล้วนมีสีน้ำตาลอ่อน ลักษณะดูเปื่อยกำลังดี หลังจากงาบไปทั้งชิ้นจะได้รสชาติของน้ำตุ๋นยาจีนอันกลมกล่อม กับรสที่เป็นลักษณะเฉพาะของเนื้อหมูส่วนซี่โครง เนื้อเปื่อยพอดีจนสามารถจัดการดูดเอาส่วนเนื้อๆสวนกับเอาลิ้นดันกระดูกออกไปนอกปากได้อย่างง่ายดาย "ลูกชิ้นปลา" อีกเมนูขั้นเทพที่ส่วนตัวนั้นชอบมากครับ เพราะเป็นการทำลูกชิ้นปลาจากเนื้อปลาแท้ๆ จัดเป็นชิ้นขนาดสองคำกัด เสริฟมาในถ้วยติ่มซำมีสองชิ้น เนื้อลูกชิ้นสีขาวมีจุดดำๆของพริกไทยป่นแทรกเสริมรสชาติและสีสันด้วยผักกะหล่ำและข้าวโพดอ่อนฝังอยู่ในชิ้น ในถ่วยยังมีขิงและกระเทียมซอยลอยๆมาในน้ำซุบที่คาดว่ากลั่นขึ้นในระหว่างการนึ่ง เมื่อกัดลงไปจะพบกับความเด้งดึ๋งของเนื้อลูกชิ้นที่อัดแน่นด้วยเนื้อปลา เนื้อลูกชิ้นเนียนมากครับ ไม่มีก้างปลาปน ผักกะหล่ำและข้าวโพดอ่อนทำให้ทั้งสองชิ้นมีรสชาติต่างกันเล็กน้อย ทำให้ไม่เบื่อเวลาทาน พยายามที่จะเอามาติดจมูกแล้วสูดดมชัดๆก็ไม่ได้กลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย หมอมิ้น *Recommend* "ปลานึ่ง" หนึ่งเมนูขั้นเทพสำหรับคนชอบปลา ด้วยเนื้อปลากระพงสดๆไร้ความคาว นิ้งในถ้วยติ่มซำ ดับคาวด้วยขิง กระเทียม โรยผักที่ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นขึ้นช่าย และแครอท ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมลงลงตัว เวลากินระวังก้างนิดนึงนะครับ "เต้าหู้ทอด" เป็นเมนูที่มีทั้งส่วนที่ประทับใจ และไม่ประทับใจ กล่าวคือเนื้อเต้าหู้ร้านทำเอง รสชาติหวานละมุนละม่อมแบบเต้าหู้ธรรมชาติๆ สามารถกินเปล่าๆได้เลยสำหรับคนที่ไม่เกลียดเต้าหู้ ส่วนที่ผมไม่ชอบก็คือ เค้าเอาไปชุบแป้งทอด ซึ่งได้ความกรอบทำให้สัมผัสในการกินดีขึ้น แต่สิ่งที่ต้องแลกไปคือมีกลิ่นของน้ำมันที่ใช้ทอดติดมากับแป้งเยอะ และอมน้ำมันเยอะด้วยเช่นกัน ควรกินเป็นเมนูแรกๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเลี่ยนเวลาอิ่ม ข้อควรระวัง ผมดักหยิบจากถาดที่เค้าเพิ่งยกออกมาจากหลังครัวหลังจากทำเสร็จใหม่ๆ ตัวเนื้อเต้าหู้นั้นอมความร้อนไว้มิใช่น้อย เวลากัดระวังลวกปากกันนะครับ "น้ำจิ้ม" มีสองแบบครับ แบบเผ็ดนิดๆ กับแบบไม่เผ็ด ซึ่งไม่ได้ต่างกันแค่ที่ไม่เผ็ด แต่ในรายละเอียดชองรูป,รสและกลิ่นก็ต่างออกไปด้วย น้ำจิ้มเผ็ดจะมีลักษณะเป็นน้ำจิ้มสีออกแดงเข้ม มีความโปร่งใสพอที่จะเห็นว่ามีฝอยๆของพริกลอยอยู่ รสชาติเป็นแบบ เปรี้ยวหน่อยๆนำมาก่อนตามมาติดๆด้วยรสหวาน หรืออาจจะมาพร้อมๆกัน อันนี้บอกยาก จากนั้นความเผ็ดแบบอ่อนๆค่อยตามมา ส่วนน้ำจิ้มแบบไม่เผ็ดนั้น เป็นน้ำจิ้มสีออกน้ำตาลๆ เนื้อขุ่นข้น เปรี้ยวหวานนำคล้ายกับน้ำจิ้มเผ็ด แต่ซ่อนรสชาตความเค็มเอาไว จากสี กลิ่น และรสเค็มเดาว่าคงมีเต้าเจี้ยวผสม อร่อยดีครับ ไว้จิ้มสลับกัน แต่ส่วนใหญ่ผมจิ้มรสเผ็ดมากกว่า เมนูที่ผมชิมมีเท่านี้ครับ แต่เมนูอื่นๆมีอีกมากมมาย เดี๋ยวไปรอบสองแน่ครับ ไปเก็บ Spare (แบบโบวลิ่ง) อิอิ... อ่านต่อ
2 Likes0 Comment
photo