3.1
7 เรตติ้ง (7 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 22:00
บรรยากาศ เจริญพร (จึงอังลัก) ข้าวพระรามลงสรง จุฬาฯ 5
บรรยากาศ
ย้ายรอบที่ 4 มาอยู่ที่ Stadium One แล้วจ้าร้านข้าวพระรามลงสรงเจ้าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย (อาม่าเจ้าของคอนเฟิมว่าอย่างงั้น เพราะเค้าเองก็เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว) ที่เคยได้รับรางวัลมาเยอะมาก (ถ้าดูรูปถ่าย หรือรางวัลจะตั้งไปทั่วร้านเลยครับ) แต่กระนั่นเองลูกค้าก็ค่อนข้างน้อย โดยวันที่ไปมีแค่กรุ๊ปผมเท่านั้นเองครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งย้ายมาเปิดไม่นานจากจุฬาซอย 30 มาที่ Stadium One (อาม่าบอกว่าย้ายร้านมา 4 ครั้งแล้ว ครั้งแรกอยู่ที่เฉลิมบุรีและครั้งที่สองอยู่แถวพระราม 4) ที่ร้านใหญ่ๆทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น โจ๊กสามย่าน หรือตั้งซุ่ยเฮงเองก็จะย้ายมาทำการที่นี่ใหม่ครับ สำหรับรถยนต์ส่วนตัวนำเข้าไปจอดในซอยจุฬาพร้อมเสียค่าที่จอดได้เลยครับ แต่ถ้ามอเตอร์ไซค์จะมีที่จอดแบบไม่เสียอยู่ตรงหน้าปากซอยก่อนถึงร้านได้เลยครับ หรือถ้าช่วงนี้ร้านยังเปิดตัวไม่เยอะ ก็ไปจอดที่ฟุตบาทหน้าร้านได้เลยครับ ตัวร้านค่อนข้างกว้างถึงแม้จะเป็นตึกแถวห้องเดียวก็ตาม บรรยากาศดูใหม่และสะอาดสะอ้าน ด้านหน้าจะมีตู้โชว์หมูแดงและหมูกรอบ รวมทั้งหม้อที่ต้มน้ำราดข้าวพระรามลงสรงไว้ครับ และมีเตาหมูสะเต๊ะที่จะปิ้งกันสดๆเท่านั้น ไม่มีปิ้งไว้แล้วเอาไปอุ่นเหมือนหลายๆร้านครับ สำหรับเมนูที่ลองชิมวันนี้ได้แก่ 1. ข้าวพระรามลงสรง ราคา 40 บาท: เสิร์ฟมาในจานรูปวงรีเหลี่ยมๆลายจีน ด้านล่างเป็นข้าวเก่า และด้านบนจะโปะด้วยเนื้อหมูและผักบุ้ง ราดด้วยน้ำราดพระรามลงสรงและปิดท้ายด้วยพริกเผาอีก 1 หย่อมครับ ก่อนทานต้องคลุกให้เข้ากันก่อนครับ รสชาติค่อนข้างจะพอดีเลยครับ ตัวข้าวออกแข็งก็จริงแต่เจอน้ำราดแล้วนุ่มดีครับ ไม่เค็มและไม่หวาน มีความมันให้ความรู้สึกเหมือนทานน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะครับ พริกเผาช่วยเพิ่มสีสันแต่ไม่ได้เพิ่มความจัดจ้านให้กับจานนี้ สำหรับผมถือว่าค่อนข้างโอเครเลยครับ รสชาตินี้ผมคิดว่าเป็นแบบออริจินัลแท้ๆเลยครับ ซึ่งน่าเสียดายที่คนในปัจจุบันไม่ชอบรสชาติจืดๆแบบนี้แล้วครับ เนื้อหมูจะออกเหนียวเพราะใช้เนื้อหมูสดไปลวกกับน้ำ ส่วนผักบุ้งอร่อยดีครับ ปริมาณอาหารเยอะพอสมควรเลยครับ 2. ข้าวพระลักษณ์ลงสรง ราคา 40 บาท: เปลี่ยนจากตัวข้าวมาเป็นเส้นหมี่ ตัวนี้ผมรู้สึกว่ารสชาติโดยรวมที่จืดอยู่แล้วจืดลงไปอีกครับ เพราะว่าเส้นหมี่เองจืดยิ่งกว่าข้าวอีกครับ แต่ถ้าเรื่องความอร่อยแล้วอร่อยไม่แพ้กันครับ ใครชอบเส้นก็สั่งเส้นหมี่ แต่ถ้าชอบข้าวก็สั่งพระรามครับ ปริมาณอาหารในจานเยอะพอสมควร 3. กระเพาะปลาน้ำแดง ราคา 60 บาท: เสิร์ฟมาในชามกระเบื้องใบใหญ่พอควรครับ รสชาติโดยรวมจะค่อนไปทางหวานมากกว่าครับ แนะนำว่าควรเติมจิ๊กโฉ่วเพื่อเพิ่มความเปรี้ยวมาตัดกับน้ำซุปครับ ออกเหนียวตอนร้อนๆมากกว่าครับ กะเพาะปลารสชาติดี กรุบๆ อร่อยใช้ได้ ส่วนเห็ดหอมก็ใส่มาเยอะพอควร นิ่มมาก และปิดท้ายด้วยการโรยเนื้อปูเป็นหย่อมเล็กๆ ตัวเนื้อปูสดดีไม่คาวครับ 4. หมูสะเต๊ะ ไม้ละ 6 บาท: ร้านนี้ขายหมูสะเต๊ะถูกที่สุดในย่านนี้แล้วครับ (อาม่าบอกว่าร้านที่ขายหมูสะเต๊ะแถวนี้ขึ้นราคาไปแล้ว ส่วนของอาม่ายังไม่ขึ้น) ขั้นต่ำในการสั่งคือ 10 ไม้ เสิร์ฟมาคู่กับอาจาดและน้ำซอสหมูสะเต๊ะ ตัวหมูทางร้านนี้จะทำเป็นแบบแห้งครับเพราะว่าเนื้อหมูไม่มีมันเลยครับ ซึ่งหลายคนบอกว่าไม่ถูกปากเลยครับ อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วหมูสะเต๊ะต้องแห้งจริงหรือไม่ แต่ถ้าให้ผมเดา ผมค่อนข้างมั่นใจว่าต้นตำรับต้องออกแห้ง แล้วคนไทยเอามาปรับให้เป็นหมูแบบนิ่มๆฉ่ำน้ำเพราะถูกปากกว่าครับ จะได้กลิ่นเครื่องเทศบางๆ ไม่รุนแรง จิ้มกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะที่ไม่เน้นถั่ว รสชาติดีเยี่ยมเลยครับ ส่วนอาจาดรสชาติก็ดี ออกหวานและเปรี้ยวตัดกันลงตัวครับ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นร้านต้นตำรับขนานแท้เลยครับ รสชาติจะออกจืดๆ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่น่าจะถูกปากคนไทยหลายๆคนเลยครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบรสชาติออริจินัลแล้วละก็ ร้านนี้ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยียนเสมอๆเลยครับ ส่วนการบริการถึงแม้ว่าจะช้าเพราะคนทำหลักๆเป็นอาม่า แต่แกมีความตั้งใจจะนำเสนอรสชาติอาหารแท้ๆให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกันจริงๆครับ สำหรับร้านนี้ผม Recommend เลยครับ... อ่านต่อ
29 Likes0 Comment
photo