- หน้าแรก
/
- รูป Navannavan


ร้านใหม่ที่ทั้งเท่ทั้งอร่อยของเชฟแวนNavan Navan
เราชอบอาหารของเชฟแวนมาก โดยเฉพาะทุกครั้งที่เชฟแวนจัด 4-hand event กับเชฟท่านอื่นทำ tasting menu เพราะรู้สึกว่าเชฟปล่อยพลังได้อย่างหนักหน่วง มากกว่าเวลาปกติทั่วไปที่สั่งเมนู a la carte พอเชฟแวนย้ายมาอยู่เชียงใหม่ มาทำร้านนี้ที่แม่ริม เป็น 8-course tasting menu แบบไร้ concept ทำแค่ของที่อยากทำและของที่อร่อย ยังไงเราก็ต้องตามมาค่ะ
รอบนี้ไปทานตั้งแต่ 5 โมงเย็นที่ร้านเปิดเพราะมีบินกลับกรุงเทพกันตอน 4 ทุ่ม ถนนทางเข้าถือว่าเป็นวิบากกรรมของเราเองที่ไม่อ่านโพสท์ที่เชฟบอกว่าให้ปักหมุดที่วัดมณีประดิษฐ์ก่อนจะพาไปทางไม่ยาก (ซึ่งก็ง่ายกว่ามากจริง มีไฟและหลุมน้อย แพรกลับออกมาทางนี้) Google Maps เจ้ากรรมเลยพาไปทางที่สั้นกว่าแต่วิบากสุด คือเลาะคันนาไปเลยค่ะ 😂 ไปได้ด้วยความเร็วแบบปล่อยคันเร่งพร้อมแตะเบรกตลอดเวลาและมีต้นหญ้าแห้งๆ ครูดท้องรถตลอดทาง และลุ้นมากว่าทางมันจะพาไปถึงร้านได้จริงมั้ย 555 ทั้งรถช่วยกันลุ้นเงียบกริบ รู้สึกเป็น 1 km ที่ยาวนานสุดในฐานะคนขับ
ร้านตั้งอยู่กลางทุ่งนา บรรยากาศดีมาก เป็นอาคารปูนเปลือย ดูดิบ เท่ดี ด้านในมีที่นั่งแบบ counter อยู่ 6 ที่ แล้วก็มี communal table อีก 1 โต๊ะ เมนูที่ได้ทานรอบนี้คือเมนูที่เปลี่ยนมารอบนึงละ เป็น prix fixe 2,500++ บาท แล้วก็มีเมนู izakaya สไตล์เชฟแวนให้เลือกสั่งเพิ่มเป็น a la carte กินไปกินมา เรากดเพิ่มกันไปทุกเมนูเลยค่ะ
สำหรับ tasting menu เชฟเริ่มเสิร์ฟ Snacks ก่อน เป็นกระทงทองหมูบูดูและปอเปี๊ยะสดส้มตำคอหมูย่าง ตามด้วยจานถัดมา เป็น Grilled Veg & Cuttlefish เป็น Diamond Squid เอามาสไลด์บางๆ ด้านบนเป็นโฟม Hollandaise Sauce กลมกล่อมเข้ากันดีมาก คอร์สที่สามเป็น Fish Tataki ใช้ปลา Kampachi ที่เนื้อเด้งมันอร่อยมาก ด้านบนเป็น Compressed Pear หยด Mustard Oil มานิดหน่อย ให้ฟีลเกาหลีนิดหน่อยค่ะจานนี้ Appetizer จานสุดท้ายน่าสนใจดี เป็นมัสมั่นเป็ดแบบแห้งๆ หน่อยมากับ Apple Chutney เสิร์ฟในถ้วย โรย Shallot Crumble แปลกใหม่ดีค่ะ
ก่อนจะเข้าเมน เชฟคั่นด้วยซุปค่ะ เป็น Beef Tongue Soup รสชาติแน่นและลึก ตัดรสบางๆ ให้สดชื่นขึ้นด้วยส้มจี๊ด
Main course มี 2 จานด้วยกัน จานแรกเป็น Squid Egg เชฟเอามาอัดขึ้นรูปแล้วตัดมาเสิร์ฟคู่กับซอสหมึกดำที่จริงๆ คือน้ำพริกกะปิ โห อันนี้อร่อยมากกก ซอสนี่รสชาติคือน้ำพริกกะปิจริงๆ จัดจ้านถูกใจแพร ส่วนจานสุดท้ายเป็นข้าวอบที่ไม่ใช่ข้าวอบ เป็นข้าวดอยที่ชื่อข้าวอบ texture กึ่งข้าวเหนียวกึ่งข้าวกล้องกึ่งข้าวญี่ปุ่น หอมอร่อยดี ให้ทานคู่กับปลาทอด ซึ่งวันนี้เป็นปลาเก๋าเจ้าสมุทรทอดมาหนังกรอบเนื้อฉ่ำ ทานคู่กับน้ำพริก อร่อยอีกแล้วค่ะ
ของหวานที่ได้ทานเปิดด้วยกระเจี๊ยบที่สอดไส้ด้วยไอติมครีมชีส เปิดโลกมากเพราะความกระเจี๊ยบที่เราไม่ชอบไม่มีอยู่ในจานนี้เลย ส่วนขนมอีกจานก็ดีงามเช่นกัน เป็นไอติม Chocolate & Squid Ink เอาช้อนเคาะ Chocolate Tuiles แล้วทานคู่กันพร้อม curd ส้มจี๊ดคือดีมากๆ ค่ะ ปิดมื้อได้แบบแฮปปี้ :D
นอกจากคอร์สแล้ว ที่ร้านยังมีเมนู a la carte แนว Izakaya ให้สั่งด้วย เมนูจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นเชฟมีวัตถุดิบอะไรและอยากทำอะไรค่ะ ไม่ได้ add เป็นจานเดี่ยวเข้าไปในคอร์ส แต่สั่งมาแบ่งกันเป็นจานกลางได้เลย
วันทีไปมีให้สั่ง 6 อย่าง สั่งไปสั่งมาเราก็สั่งครบทั้ง 6 อย่างที่เชฟมีให้สั่ง เดี๋ยวเล่าเรียงไปตามความชอบเลยละกัน
- Kampachi Sashimi: จานนี้เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเลย เราว่าฝีมือการทำปลาของเชฟแวนเก่งมากๆ ค่ะ จานนี้ตัดปลามาให้ชิม 3 คัท เป็นปลาที่ aged มาแล้วน่าจะ 3-4 วัน ก่อนเสิร์ฟมีการ sear หนังปลาให้กรอบเพิ่ม texture อร่อยมากมากมากมากกโดยเฉพาะส่วนท้อง มันระเบิดระเบ้อสุด
- ก้อยควาย: จานนี้เป็นจานที่ตัดสินใจสั่งเป็นจานสุดท้าย เพราะว่าได้ชื่อว่าก้อยแน่นอนว่าใส่เลือดสดๆ ด้วย ยกมือถามเชฟว่าใส่อะไรบ้าง เชฟบอกว่ามีครบ เนื้อสด เลือด ตับดิบ ขี้เพี้ย ขอบกระด้ง ผ้าขี้ริ้ว 555 เลยคิดว่าเอาน่ะ ถ้าจะลองกินจานนี้คงไม่กล้ากินที่อื่น เชฟแวนบอกว่าเดี๋ยวทำแบบประถมให้ เลยบอกเชฟไปว่าขออนุบาลเลยค่ะ 555 สรุปก็คืออร่อยมากกกก ยิ่งทานคู่ข้าวดอยยิ่งอร่อย เชฟเสิร์ฟมาพร้อมไข่แดงดิบที่สดกิ๊กแบบแทบจะเอาตะเกียบคีบได้ ไม่มีความคาวแม้แต่นิด ตับดิบก็หวานเจี๊ยบเลย หอมสมุนไพรที่เชฟซอยใส่มาทั้งผักแพวทั้งผักชีฝรั่ง โรยด้วยหอมเจียวกรอบๆ เพิ่ม texture ไปๆ มาๆ เรากวาดเรียบ เปิดโลกสุดๆ
- ซุปหางวัว: อันนี้รสชาติมีความญี่ปุ่นนิดๆ นวลดี มากับ leek และ mochi
- Tako Wasabi: เป็นจานง่ายๆ ที่อร่อย เชฟทำให้ใหม่ๆ ตรงหน้า ใช้เป็น Kizami Wasabi เพลินมาก
- หอยท้ายเภาต้มสาเก: จานนี้เสิร์ฟมาแบบเย็น ต้องชมความเป๊ะของความสุกเพราะหอยเด้งหวานดีเลย รสชาติค่อนข้างเรียบง่ายและ zen อูมามิดี
- Grilled Diamond Squid: อันนี้เป็น Diamond Squid ย่าง เสิร์ฟมากับส้มจี๊ดค่ะ
ตอนกินเสร็จเชฟหยิบเนื้อหนอก Jasmine Wagyu MBS 11-12 ขึ้นมา trim เนื้อลายสวยมาก เชฟอยากชิมเลยแบ่งพวกเราชิมด้วย สไลซ์เป็นชิ้นหนาประมาณ 4 mm แล้วเอาไปย่างแค่ข้างเดียว เนื้อกลิ่นหอมชัด ได้เคี้ยวหน่อย ไม่รู้เชฟจะเอาไปทำเป็นเมนูอะไรต่อเหมือนกัน อ้อ ส้มผักของเชฟอร่อยสุดพลัง แนะนำให้ทำตาปริบๆ ไปขอชิม
โดยรวมแล้วแนะนำมากว่าถ้าไปเชียงใหม่ควรแวะไปค่ะ ถ้าอยากสั่งเมนูนอกเหนือจากคอร์สเพิ่มครบทุกอย่าง ไปกัน 4 คนกำลังดี (ต้องเป็น 4 คนที่กินเก่งด้วย lol) แนะนำให้รีเควสท์ว่าขอนั่ง counter แล้วก็ไปกินประมาณ 5PM-6PM กำลังสบาย รอบหน้าไปเชียงใหม่ยังไงร้านนี้จะเป็นร้านที่เรากลับไปอีกแน่นอนค่ะ
1 Like0 Comment
