- หน้าแรก
/
- รูป Côte by Mauro Colagreco


👍 สุดยอดห้องอาหารฝรั่งเศสรสเลิศวิวดีใจกลางเมือง🇹🇭 Côte by Mauro Colagreco - โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค
🌟 1 MICHELIN Star - 1 ดาวมิชลิน
🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
👨🏻🍳 Chef Davide Garavaglia - เชฟดาวิเด การาวาเกลีย
🎗 [INTRO] Côte by Mauro Colagreco เป็นห้องอาหารนอกทวีปยุโรปแห่งแรกของสุดยอดเชฟระดับโลก Mauro Colagreco ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจนมีความคล้ายคลึงกันกับห้องอาหาร Mirazur ทำให้ตัวร้านกลายเป็นหนึ่งในห้องอาหารยอดนิยมทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติอย่างรวดเร็ว
🎗 [THE PLACE] ห้องอาหาร Côte by Mauro Colagreco ตั้งอยู่ในโรงแรม Capella Bangkok โดยคำว่า Côte หมายถึงชายฝั่งทะเลบ่งบอกถึงสไตล์การเตรียมอาหารของเชฟ Mauro Colagreco ที่มักนำเสนออกมาในสไตล์ Mediterranean นั่นเอง ข้างกันกับพื้นที่ตรวจสอบการจองเป็นห้องรับรองขนาดใหญ่เหมาะกับการนั่งชิลหรือสั่งเครื่องดื่มระหว่างรอเพื่อนสมาชิกในโต๊ะ ห้องรับประทานอาหารหลักโดดเด่นด้วยกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดานแสดงให้เห็นถึงวิวมุมกว้างของแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกับแมกไม้สีเขียวอันร่มรื่นคล้ายกันกับวิวมุมกว้างของท้องทะเล Mediterranean พร้อมกับสวน Le jardin DES AROMATIQUES (THE AROMATICS garden) ณ ห้องอาหาร Mirazur โต๊ะทุกตัวปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา จานลักษณะแบน Handmade สีฟ้าน้ำทะเลพร้อมกับมีเส้นสีขาวพาดตรงกลางเป็นงานออกแบบจาก Studio Pieter Stockmans ในประเทศเบลเยี่ยมบ่งบอกถึงแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบกับผืนน้ำแห่งท้องทะเล Mediterranean แน่นอนว่าเราขอแนะนำให้เลือกจองโต๊ะริมหน้าต่างเพื่อซึมซับบรรยากาศที่ดีที่สุด
🎗 [THE CHEF, Mauro Colagreco] Mauro Colagreco เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1976 ในเมือง La Plata ประเทศอาร์เจนตินาโดยมีเชื้อสายเป็นลูกครึ่งอิตาเลียน-อาร์เจนตินา เมื่ออายุถึงเกณฑ์เขาตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่ Gato Dumas Hotel School ณ กรุง Buenos Aires ทั้งยังเคยร่วมงานกับเชฟและห้องอาหารท้องถิ่นชื่อดังมากมายอย่างเช่น Catalinas, Rey Castro, Mariani และ Azul Profundo ก่อนที่จะเข้ารับการศึกษาต่อที่ National University of La Plata's School of Economic Sciences อย่างไรก็ตามด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเดินทางสายอาชีฟเชฟ Mauro Colagreco ในวัย 25 ปีตัดสินใจลาออกและเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อรับตำแหน่ง Demi-chef de Partie กับห้องอาหารชั้นนำในแคว้น Burgundy อย่าง La Côte d'Or (3 MICHELIN Stars ในขณะนั้น) จนเกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าของเชฟ Bernard Loiseau อย่างที่เราเคยเขียนบทความเอาไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาเดินทางไปยังกรุง Paris เพื่อรับตำแหน่ง Sous-chef ที่ห้องอาหาร Arpège (3 MICHELIN Stars) และตำแหน่ง Demi-chef de Partie ที่ห้องอาหาร Alain Ducasse au Plaza Athénée (3 MICHELIN Stars - ปิดทำการไปแล้ว) และสุดท้ายคือการร่วมงานกับห้องอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองอายุกว่า 300 ปีอย่าง Le Grand Véfour (3 MICHELIN Stars ในขณะนั้น) อยู่ราว 1 ปีก่อนที่จะมองหาเส้นทางการเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองในที่สุด เชฟ Mauro Colagreco ตัดสินใจเลือกใช้อาคารเก่าในเมือง Menton เพื่อพัฒนาเป็นห้องอาหาร Mirazur โดยเปิดทำการเป็นครั้งแรกในปี 2006 ตัวร้านได้รับรางวัล Revelation of the Year จาก Gault et Millau ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนต่อด้วยรางวัล 🌟 1 MICHELIN Star และ Chef of The Year จาก Gault et Millau ในปี 2009 สร้างประวัติศาสตร์เป็นเชฟชาวต่างชาติคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้จาก Gault et Millau มาครอง กาลเวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 ตัวร้านถูกปรับให้เป็นห้องอาหาร 🌟🌟 2 MICHELIN Stars และได้รับการยกระดับสู่การเป็นห้องอาหารระดับ 🌟🌟🌟 3 MICHELIN Stars ในเดือนมกราคมปี 2019 ปัจจุบันเชฟ Mauro Colagreco ได้เปิดห้องอาหารของตัวเองอีกตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วโลกแต่หากนับเฉพาะร้านระดับ MICHELIN Star แล้ว มีอยู่ 3 แห่งคือ Côte by Mauro Colagreco (🌟 1 MICHELIN Star), the K by mauro colagreco (🌟 1 MICHELIN Star) และ Ceto (🌟 1 MICHELIN Star) นั่นเอง
🎗 [THE CHEF, Davide Garavaglia] ถึงแม้ว่าเชฟ Davide Garavaglia จะเกิดในภูมิภาค Liguria แต่เขากลับใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กในแถบชานเมือง Milan ในภูมิภาค Lombardy หลังจากสั่งสมประสบการณ์กับห้องอาหาร D’O (2 MICHELIN Stars) ของเชฟ Davide Oldani ต่อด้วยห้องอาหาร Sketch (2 MICHELIN Stars ในขณะนั้น) ของเชฟ Pierre Gagnaire เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปร่วมงานกับห้องอาหาร Mirazur (3 MICHELIN Stars) ในปี 2015 และซึมซับปรัชญาการจัดเตรียมอาหารของเชฟ Mauro Colagreco อยู่นานเกือบ 7 ปีจนได้รับความไว้วางใจให้เดินทางมาควบควบคุมห้องอาหาร Côte by Mauro Colagreco ตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมาจนคว้ารางวัล 🌟 1 MICHELIN Star มาครองได้ในคู่มือปี 2022 พ่วงด้วยรางวัล MICHELIN Young Chef Award Presented by Blancpain ในคู่มือปี 2023 อีกด้วย
🎗 [THE FOOD] เชฟ Davide Garavaglia นำเสนออาหารฝรั่งเศสออกมาในรูปแบบร่วมสมัยโดยอาศัยวัตถุดิบชั้นเลิศจากหลากหลายแหล่งทั่วโลก ลูกค้าสามารถเลือกชิมเซ็ตเมนูสุดคุ้มค่า Escapade Lunch (4 Courses/1800++, 4 Courses with Cheese Platter/2,100++) นำเสนอมาเฉพาะช่วงกลางวันของวันพุธ-ศุกร์ ถัดมาคือเซ็ตเมนูชุดใหญ่ 3 รูปแบบคือ Côte Inspiration (5 Courses/4,100++) , Côte Experience (7 Courses/5,800++) และ Carte Blanche (9 Courses/6,500++) โดยเชฟ Davide Garavaglia จะเป็นผู้เลือกเมนูให้กับเราด้วยตัวเองตามความเหมาะสม ทีม Sommelier คัดเลือกรายการไวน์มาจากหลากหลายแหล่งทั่วโลกนำเสนอมาในราคาที่เหมาะสมกับระดับของตัวร้าน ส่วนอาหารจานที่เตรียมออกมาได้อย่างโดดเด่นคือ
✨ Langoustine / Yellow Wine / Morels Mushrooms / White Asparagus
กุ้ง Langoustine ที่ผ่านการคัดขนาดและคุณภาพมาอย่างดีเสิร์ฟมาแบบกึ่งสุกกึ่งดิบสังเกตได้จากเนื้อด้านนอกที่มีความกรอบแต่เรนื้อตรงกลางยังคงฉ่ำหวานเข้ากันกับความเค็มและกลิ่นอายของมหาสมุทรจาก Oscietra Caviar ชั้นดี เชฟเพิ่มมิติทางเนื้อสัมผัสด้วยการใส่ White Asparagus หรือหน่อไม้ฝรั่งขาวที่กำลัง In Season ในทวีปยุโรปเสิร์ฟมาแบบฝานบางเคี้ยวกรอบ นอกจากนี้ยังมี Langoustine Mousse ที่เชฟขึ้นเป็นรูป White Asparagus ให้เนื้อสัมผัสที่เนียนละมุน ยังมีองค์ประกอบของเห็ด Morels เคี้ยวหนึบ ซอสตรงกลางเตรียมมาจาก Vin Jaune หรือ Yellow Wine จากภูมิภาค Jura ในประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง (18/20)
✨ “Wild Sakura” Trout / “Rainbow” Swiss Chard / Coconut Milk / Wasabi
ปลา Sakura Touut นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น เชฟเตรียมมาอย่างดีให้เนื้อสัมผัสที่ละมุนจนแทบจะละลายในปากแต่กลับไร้ซึ่งไขมันที่จะก่อให้เกิดความเลี่ยน ข้างกันคือไข่ปลาเทร้าต์คุณภาพสูงเคี้ยวกรอบแต่ไม่มีกลิ่นคาวจับคู่กับผัก Swiss Chard หลากสีจากจังหวัดเชียงใหม่ องค์ประกอบของ Yuzu Gel และ Lime Gel ช่วยเติมแต่งรสชาติเปรี้ยวมาตัดความมันของเนื้อปลา จากนั้นพนักงานจะเทราดซอสอุ่น ๆ ที่เตรียมขึ้นมาจากกะทิพร้อมกับอโรมาเฉพาะตัวของน้ำมันผักชีลาวลงไปในจานเป็นอันพร้อมชิม (18/20)
✨ Squid / “Bagna Cauda” Sauce / Artichokes
ปลาหมึกกล้วยที่เชฟฝานเป็นเส้นบาง ๆ ก่อนจะนำมาพันม้วนเป็นชั้น ๆ แลดูคล้ายหัวหอมทั้งยังให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบและซับซ้อนชนิดหาใครเทียบเคียงได้ยาก อีกหนึ่งองค์ประกอบคือแก่นตะวันที่เตรียมมาในบักษณะของ Chip กรอบ ๆ และ Purée ให้รสชาติที่หวานละมุน สุดท้ายคือ Bagna Càuda Sauce ที่มีต้นกำเนิดมาจากแคว้น Piedmont ในประเทศอิตาลีช่วงศตวรรษที่ 16 โดยในที่นี้มีส่วนผสมหลักมาจากกระเทียมและ Anchovy นั่นเอง (18/20)
✨ Pigeon / Date / Kumquat / Cauliflower
อาหารจานหลักในวันนี้คือนกพิราบจากเมือง Breese เสิร์ฟมาที่ความสุกแบบ Rare ทั้งส่วนอกและขาให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแต่ยังคงความสู้ฟันได้อย่างพอเหมาะ ข้าง ๆ กันคือ Purée ที่เตรียมมาจากกะหล่ำดอกและองค์ประกอบของเกาลัดให้รสชาติหวานนิด ๆ นอกจากนี้ยังมีพุทราเคี้ยวหนึบ ด้านในสอดไส้เครื่องในนกพิราบให้ทั้งความหวานและความครีมมี่ของเครื่องในบาลานซ์กันกับความหนึบและขมของผิวซิตรัส Kumquat ได้อย่างลงตัว จากนั้นพนักงานจะเทราด Champagne Velouté Sauce ลงไปช่วยเชื่อมรสชาติของทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน (18/20)
🎗 [WHY GO] หลังจบมื้ออาหารเราสามารถยกให้ Côte by Mauro Colagreco เป็นหนึ่งในห้องอาหารระดับสูงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย ด้วยบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเคล้ากันไปกับอาหารที่เต็มไปด้วยเทคนิคอันซับซ้อนแต่ไม่ละทิ้งซึ่งรสชาติที่ดีและเข้าถึงได้ง่ายจากลูกค้าทุกกลุ่ม ราคาอาหารถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพวัตถุดิบ ผู้จัดการคือคุณ Thibaud Charlemarty มีพื้นเพเป็นคนแถบ Bordeaux มีประวัติร่วมงานกับห้องอาหารชั้นนำมาแล้วมากมายจนสามารถให้บริการและสร้างทีมจัดเสิร์ฟอาหารได้อย่างไร้ข้อผิดพลาด จากทั้งหมดที่กล่าวมาเราคงไม่แปลกใจหากตัวร้านสามารถคว้าดาวดวงที่สองมาครองได้ในสักวันหนึ่ง
📃 CARTE BLANCHE (6,500++)
Amuse-bouche
Brittany Brown Crab / Caviar / Pineapple Emulsion
Scallop / Lemon Mousseline / Broccolini Stew
Langoustine / Yellow Wine / Morels Mushrooms / White Asparagus
“Wild Sakura” Trout / “Rainbow” Swiss Chard / Coconut Milk / Wasabi
Green Asparagus / Lardo / Parmesan
BBQ Oyster / Chili & Garlic / Kaffir Lime
Pigeon / Date / Kumquat / Cauliflower
Guava / Guava Granité / Apple-Ginger Sorbet
Yuzu / Texture of Green Guava / Apple Sorbet / Red Guava Granité / Chilli & Salt
Coconut / Black Sesame / Curry Mascarpone
Petits Fours
📃 CÔTE INSPIRATION (4,100++)
Amuse-bouche
Hamachi “Tartare” / Caviar / Raw Red Papaya
“Wild Sakura” Trout / “Rainbow” Swiss Chard / Coconut Milk / Wasabi
Squid / “Bagna Cauda” Sauce / Artichokes
Lamb Saddle / Varieties of Green Peas & Beans / Wild Garlic Leaf
Yogurt Mousse / Strawberry / Rhubarb / Lovage / Strawberry & Rhubarb Sorbet / Yogurt Foam
Coriander / Mascarpone / Popcorn Powder
Petits Fours
📌 Score:
👍 สุดยอดห้องอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเทศไทยพร้อมกับทัศนียภาพมุมกว้างของแม่น้ำเจ้าพระยา
อาหาร : 17/20
ไวน์ : ⭐️⭐️⭐️⭐️
ราคา : ⭐️⭐️⭐️
เทคนิค : ⭐️⭐️⭐️⭐️
อัตลักษณ์ : ⭐️⭐️⭐️⭐️
บรรยากาศ : ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
บริการ : ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
📍 Visit: Apr 2023
🏠 Location: 300/2 ถ. เจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
🚗 Parking: จอดรถที่โรงแรม Capella Hotel Bangkok
🕛 Operating Time: 12.00-14.00, 18.00-22.00 ปิดวันจันทร์-อังคาร
💰 Price: 1,800-6,500++
📞 Tel: 02-098-3888
🧥 Dress Code: Smart Casual
🖥 Website: https://www.cotebkk.com
👍 รวมรีวิวห้องอาหารทั้งหมดของเพจตามล่า Fine Dining: https://docs.google.com/spreadsheets/d/1LQbgWKIVd-IyG-XTrbECZ1vRwVEDR2dN8Ty_zHfzj5Y/edit
👍 ฝากเพื่อน ๆ ช่วยกดไลค์และติดตามเราผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเราตั้งใจนำเสนองานรีวิวร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำและห้องอาหารระดับ Michelin Guide ทั่วโลก
👍 Facebook: “ตามล่า Fine Dining” และ “พากิน พาเที่ยว by ตามล่า Fine Dining”
👍 Youtube: ตามล่า Fine Dining
👍 Instagram: finedining_lovers
👍 Group “Fine Dining Lovers by ตามล่า Fine Dining”: https://www.facebook.com/groups/3392372877497917/?ref=share
0 Like0 Comment
