- หน้าแรก
/
- รูป Resonance


👍 สุดยอดห้องอาหารไร้กรอบระดับ MICHELIN Star🇹🇭 Resonance - เรโซแนนซ์
🌟 1 MICHELIN Star - 1 ดาวมิชลิน
🍴 Modern Cuisine - อาหารโมเดิร์น
👨🏻🍳 Chef Shunsuke Shimomura - เชฟชุนสุเกะ ชิโมมุระ
🎗️ [INTRO] ในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับห้องอาหารของเชฟ Shunsuke Shimomura ผู้ซึ่งอาศัยประสบการณ์การทำงานในห้องอาหารระดับสูงหลายแห่งมาเรียงร้อยเข้าด้วยกันและนำเสนออกมาเป็น Tasting Menu ของห้องอาหาร Resonance โดยผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารสไตล์ตะวันตกเข้ากันกับวัตถุดิบจากฝั่งเอเชียออกมาได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ
🎗️ [THE PLACE] Restaurant Resonance เป็นร้านอาหารที่แอบซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 65 บริเวณด้านหน้ามีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง ตัวอาคาร 2 ชั้นตกแต่งแบบเรียบง่ายชนิดที่มองแทบไม่ออกว่านี่คือหนึ่งในห้องอาหารระดับสูงชั้นเลิศ ภายในร้านออกแบบในสไตล์ Minimalistic สังเกตได้จากโต๊ะที่ปูด้วยผ้าขาวเค้าคู่กันกับเก้าอี้สีเบจนั่งสบาย บนผนังตกแต่งด้วยภาพที่เติมแต่งสีสันให้ห้องอาหารแลดูโมเดิร์นมากขึ้น นอกจากนี้สำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ทางร้านก็มีห้องส่วนตัวรองรับเช่นกัน
🎗️ [THE CHEF] Shunsuke Shimomura เป็นเชฟชาวญี่ปุ่นผู้เกิดและเติบโตขึ้นมาในเมืองริมทะเลทำให้ตัวเขามีความคุ้นเคยวัตถุดิบจากท้องทะเลตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยความหลงไหลในศาสตร์การทำอาหารและมีความฝันที่จะคว้ารางวัล MICHELIN Stars มาครองทำให้เขาตัดสินใจเข้าเรียนเป็นเชฟมืออาชีพอย่างเต็มตัว ระหว่างฝึกงานเขามีโอกาสร่วมงานกับห้องอาหารระดับโลกทั้ง Geranium (3 MICHELIN Stars) และ Kokkeriet ก่อนที่จะเรียนจบและเริ่มต้นเดินทางไปยังแถบชนบททางตอนเหนือของประเทศอิตาลีเพื่อร่วมงานกับห้องอาหาร Magnolia (2 MICHELIN Stars) และ Agli Amici (2 MICHELIN Stars) รวมไปถึง Metamorfosi (1 MICHELIN Star) ในกรุง Rome ประเทศอิตาลี หลังจากนั้นเขาเดินทางไปยังนคร Melbourne เพื่อร่วมงานกับ Amaru ซึ่งเป็นห้องอาหารออสเตรเลียร่วมสมัยและข้ามทวีปมายังประเทศไทยเพื่อเป็น RUD Chef ให้กับห้องอาหาร Gaggan (2 MICHELIN Stars ในขณะนั้น) หลังจากสั่งสมประสบการณ์ได้มากพอเขาจึงเปิดห้องอาหาร Resonance เป็นของตัวเองและคว้ารางวัล 🌟 1 MICHELIN Star มาครองได้ในที่สุด
🎗️ [THE FOOD] เชฟ Shunsuke นำเสนออาหารในรูปแบบที่เรียกว่า Boundless Cuisine หรืออาหารแบบไร้กรอบโดยใช้เทคนิคแบบโมเดิร์น ลูกค้าสามารถเลือกชิม Tasting Menu ได้ 2 รูปแบบคือ 12-COURSES (4,500++) และ 14 COURSES (6,500++) โดยคอร์สใหญ่จะเพิ่มเริมวัตถุดิบพรีเมี่ยมขึ้นมาอย่างเช่นไข่หอยเม่น, ลิ้นวัว และหอยเป๋าฮื้อ นอกจากนี้ยังมี 7-Courses Menu (2,900++) นำเสนอมาเฉพาะมื้อกลางวันของวันเสาร์อีกด้วย รายการไวน์ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีรวมไปถึงไวน์หาชิมยากที่ได้นำเข้าจากทั่วทุกมุมโลกมาจำหน่ายให้คนไทยได้ลิ้มลองกัน นอกจากนี้ยังมีรายการจับคู่ชาคุณภาพสูงที่ต้องสั่งจองกันล่วงหน้ากับทางร้านประมาณ 1-2 วันทำการ ตัวอย่างเมนูเด็ดในวันนี้ได้แก่
✨ Chutoro, Avocado
คอร์สนี้เชฟนำเสนออโวคาโดที่ปรุงในซุปดาชิแบบญี่ปุ่น ด้านบนท็อปด้วยชูโทโร่ที่พร้อมจะละลายกลืนเป็นเนื้อเดียวกันไปกับอโวคาโด นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัมผัสความกรอบของ Iburi-gakko หรือแรดิชรมควัน ด้านบนคือใบ Kinome เชฟยังเติมแต่งอโรมาหอม ๆ ของ น้ำมันพริกไทย Sancho และน้ำมัน Mujan จากนั้นพนักงานจะเทซุปเย็นรสเปรี้ยวที่เตรียมมาจาก Cape Gooseberry ลงไปช่วยตัดความมันของชูโทโร่ได้อย่างไร้ที่ติ (16/20)
✨ Asparagus, Hokkigai
จากนั้นพนักงานจะนำวัตถุดิบหลักของคอร์สถัดไปมานำเสนอให้ชมกันประกอบไปด้วยสาหร่ายคอมบุ, กุ้งแห้ง, หอยเชลล์โฮตาเตะแห้ง, ปลาแห้ง Niboshi และ Katsuobushi เชฟนำหน่อไม้ฝรั่งไปฝานและย่างบนเตาถ่าน จากนั้นเสิร์ฟมากับหอยปีกนกยักษ์ Hokkigai จากประเทศญี่ปุ่น รอบ ๆ คือน้ำซุปอุ่น ๆ ที่เตรียมมาจากอาหารทะเลแห้งที่นำเสนอให้เราได้ชมกันก่อนหน้านี้ให้ความอูมามิกลมกล่อม จากนั้นจบด้วยการหยดน้ำมันหญ้าฟางรมควันโฮมเมดลงไปให้ความหอมที่โดดเด่น (17/20)
✨ Tokyo-X
Tokyo-X เป็นคอร์สที่เช็คนำเสนอหมูพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่นที่ผสมหมู 3 สายพันธุ์คือ US, UK และ Beijing เข้าด้วยกัน เชฟเสิร์ฟมาที่ความสุกปานกลางเพื่อคงไว้ซึ่งความฉ่ำนุ่ม ด้านล่างคือ Purée กะหล่ำดอกและซอส Strawberry Jus รสชาติเข้มข้นปนด้วยความหวานเพียงเล็กน้อยตัดด้วยความเปรี้ยวและขมเบา ๆ ของเปลือกเลมอนเชื่อม ด้านบนคือใบมิ้นท์และคาเคานิบส์และ Macau Pepper (16/20)
🎗️ [WHY GO] ถึงแม้หน้าตาอาหารแต่ละคอร์สจะแลดูเรียบง่ายแต่หากวิเคราะห์ดูให้ดีจะพบว่าเชฟ Shunsuke ใส่ทั้งเทคนิคระดับสูงและอัตลักษณ์ของตัวเองลงไปได้อย่างเด่นชัด รสชาติทุกจานมีความเข้าถึงง่าย การบริการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ราคาอาหารจัดว่าเหมาะสมเมื่อเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบ เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่มองหาร้านอาหาร Fine Dining ได้ลองแวะมาชิมกันดู รับรองว่าต้องติดใจกันอย่างแน่นอน !
📃 12-COURSES MENU (4,500++)
Mushroom Soup
Chutoro, Avocado
Sand Whiting Fish
Asparagus, Hokkigai
Amberjack
Crab, Cabbage
Tokyo-X
“Ka Pao”
Beef Curry
Époisses Ice Cream
Mikan, Kinome
Strawberry
📌 Score:
👍 สุดยอดห้องอาหารที่ผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารสไตล์ตะวันตกเข้ากันกับวัตถุดิบจากฝั่งเอเชียออกมาได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ
อาหาร (Culinary Skills & Flavours) : 15.5/20
ความคุ้มค่า (Value for Money) : ⭐️⭐️⭐️
เทคนิค (Technique) : ⭐️⭐️⭐️
อัตลักษณ์ (Chef's Identity) : ⭐️⭐️⭐️
บรรยากาศ (Ambience) : ⭐️⭐️⭐️⭐️
การบริการ (Service) : ⭐️⭐️⭐️⭐️
📍 Visit: Feb 2025
🏠 Location: 108, 4 สุขุมวิท 65 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา, กรุงเทพ, 10110, ประเทศไทย
🚗 Parking: จอดหน้าร้าน
🕛 Operating Time: Lunch เสาร์ 12.00-14.30, Dinner อังคาร-เสาร์ 18.00-22.00
💰 Price: 2,900-6,500++
📞 Tel: 094-798-2897
🧥 Dress Code: Smart Casual
🖥 Website: https://www.resonancebkk.com
👍 รวมรีวิวห้องอาหารทั้งหมดของเพจตามล่า Fine Dining: https://gastronomethailand.com
👍 Facebook: https://m.facebook.com/fdininglovers?
👍 Youtube: ตามล่า Fine Dining
👍 Instagram: finedining_lovers
0 Like0 Comment
