- หน้าแรก
/
- รูป Cielo Sky Bar & Restaurant


บรรยากาศ
Cielo sky bar and restaurant : บรรยากาศดี เพลงเพราะ เหมาะกับพาแฟนไปมากมว๊ากกกกกกกCielo Sky Bar and Restaurant นั้นหนึ่งในห้องอาหาร rooftop ที่มีวิวสวยๆ และบรรยากาศดีมากๆ แห่งหนึ่งเลยครับ เพราะนอกจากจะเห็นวิวเมืองสวยๆ แล้ว ยังสามารถมองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยมากอีกด้วยครับ
Cielo sky bar and restaurant เป็นหนึ่งในร้านอาหารจำนวน 50 ร้านที่เข้าร่วมโครงการ Bangkok restaurant week 2016 กับทาง Wongnai ครับ โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่รวบรวมร้านอาหารที่มีชื่อเสียงใน กทม. จำนวนมาก มาจัดอาหารชุดพิเศษในราคาพิเศษให้กับผู้ที่สนใจ โดยกำหนดราคาให้ทุกคนจำได้ง่ายๆ ก็คือ ราคา 499 บาท/คน สำหรับ Set อาหารมื้อกลางวัน และ ราคา 699 บาท/คน สำหรับ Set อาหารมื้อเย็น โดยในอาหาร 1 Set นั้น จะประกอบไปด้วย 3 อย่าง คือ Appetizer, Main course และ Dessert ครับ ซึ่งหลังจากที่ผมได้ไปด้อมๆ มองๆ ดูรายชื่อแต่ละร้านแล้วก็พบว่ามีแต่ร้านที่มีชื่อเสียงทั้งนั้นเลยครับ
อ้อ….มีเรื่องนึงที่สำคัญมากก็คือ ราคาที่บอกไว้ว่า 499 บาทสำหรับมื้อกลางวัน และ 699 บาทสำหรับมื้อเย็นนั้น เป็นราคาที่ยังไม่ net นะครับ มันจะมี Vat และ Service Charge อีก ดังนั้นราคาจริงๆ ที่เราจะต้องจ่ายก็คือ 587.32 บาท/คน สำหรับมื้อกลางวัน และ 822.72 บาท/คน สำหรับมื้อเย็นครับ
สำหรับรายละเอียดของวันที่ผมไปรับประทานที่ร้านแห่งนี้ก็ตามนี้เลยครับ
วันที่รับประทาน : อาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2559
เวลา : 17.00 น. – 20.15 น.
จำนวน : 2 คน
เมื่อถึงวัน ผมก็ออกเดินทางไปยัง W District พระโขนง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Cielo ครับ โดยร้าน Cielo นั้นจะอยู่บนชั้น 46 ของ Sky walk condominium ใน W District โดยมีเวลาเปิดทำการคือ 17.00-24.00 น. ครับ โดย W District นี้ จะอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนงเลยครับ หาไม่ยากครับ
สำหรับคนที่ขับรถมาก็สามารถขับไปจอดที่ชั้น 5 ของตึกและกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 46 ได้เลยครับ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ขับรถมาก็เดินเข้าที่ชั้น 1 จะมีป้ายชื่อร้าน Cielo ตั้งไว้อยู่บริเวณด้านหน้าครับ ซึ่งเมื่อเราเดินเข้าไปก็จะเจอ Counter พนักงานต้อนรับอยู่ด้านขวามือ ส่วนด้านหน้าเราก็จะมีเก้าอี้ให้นั่งรอ พร้อมกับป้ายชื่อร้านใหญ่ๆ ครับ
บน Counter พนักงานต้อนรับก็จะมีป้ายอยู่ 3-4 ป้าย ทั้งป้ายราคาอาหาร, ข้อกำหนดการแต่งตัว, กิจกรรมประกวดถ่ายภาพ และก็เรื่อง Bangkok restaurant week 2016 ว่าสำหรับคนที่ซื้อคูปองหรือ deal นี้มา ทาง Cielo ไม่สามารถออกใบเสร็จให้ได้ เพราะชื่อในใบเสร็จที่ออกจะเป็นของ wongnai ครับ ดังนั้นใครที่สนใจว่าจะซื้อคูปองกิจกรรมนี้เพื่อไปใช้ในกิจการต่างๆ ของบริษัท และต้องนำใบเสร็จไปเบิก ก็หมดสิทธิ์ครับ T___T
หลังจากที่พนักงานสอบถามรายชื่อผมเพื่อเช็คกับรายชื่อคนที่ทำการจองเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็นำผมไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 46 ครับ โดยทางพนักงานได้มีการวิทยุไปบอกที่ชั้นบนไว้ก่อนด้วยครับ ดังนั้นเมื่อผมออกจากลิฟท์มาก็เลยมีพนักงานชุดใหม่มายืนรอต้อนรับพร้อมกับเรียกชื่อผมได้อย่างถูกต้องครับ
และเนื่องจากผมไปถึงเร็วมาก คือไปถึงราวๆ 17.10 น. เท่านั้น แดดจึงยังค่อนข้างแรงอยู่ ทางพนักงานจึงแนะนำให้ผมนั่งเล่นในบริเวณร่มๆ ก่อนครับ ผมก็เลยใช้โอกาสนี้ในการเดินสำรวจและถ่ายรูปเล่นซะเลย
ห้องอาหาร Cielo นี้ จะมีแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วน Indoor และ Outdoor โดยแขกส่วนมากที่มาใช้บริการนั้นมักเลือกนั่งบริเวณ Outdoor เป็นหลัก และในหลายๆ วันก็มีคนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะจนอาจจะถึงขั้นเต็มได้ อย่างวันที่ผมไปนั้นก็มีโต๊ะ outdoor เหลือเพียงแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น เมื่อมีชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ราวๆ 20 คน กลุ่มนึงมาใช้บริการ ก็ไม่สามารถนั่งได้หมด สุดท้ายกลุ้มนั้นจึงต้องยืนรอโต๊ะว่างซะนานเลยครับ
สำหรับโซน indoor นั้นจะที่นั่ทั้งแบบเป็นโซฟา แล้วก็เป็นเก้าอี้นั่งครับ โดยในโซน indoor นี้ แทบทุกโต๊ะจะมองไม่เห็นวิวสวยๆ เลยนะครับ นี่ก็เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมไม่ค่อยมีคนนั่งข้างในครับ ^^
ในโซน indoor นี้ มีการโชว์ไวน์ไว้เยอะมากเลยนะครับ ซึ่งผมเป็นพวกไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เลย แต่มีพนักงานได้เดินมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าแต่ละขวดมีดียังไง และบอกว่ามีบางขวดที่ราคาแพงมากจนถึงขั้นหลักล้านบาทเลยครับ @____@
มาดูโซน outdoor กันดีกว่าครับ โซนนี้จะมีการจัดเก้าอี้ไว้ทั้งโต๊ะใหญ่ โต๊ะเล็ก ตามจำนวนแขกที่ได้จองไว้ แล้วก็มีแบบที่เป็นเคาเตอร์บาร์ด้วยอีกส่วนหนึ่งครับ ข้อดีของโซนนี้คือจะเห้นวิวสวยๆ เต็มตามาก แต่ข้อเสียก็คือถ้าไปเร็วอาจจะเจอแดดที่ยังแรงอยู่ได้ครับ และอาจจะต้องนั่งหลบในร่มเหมือนผมก่อนครับ
สำหรับโต๊ะที่ติดกับรั้วกระจกนั้น ถือว่ามีความปลอดภัยและแข็งแรงดีครับ ความสูงของแนวรั้วถือว่าสูงมากทีเดียว สูงจนทำให้คนเตี้ยๆ อย่างผมเวลาอยากจะถ่ายรูปต้องเขย่งนิดๆ ถึงจะสามารถเอากล้องวางไว้บนแนวรั้วได้ครับ
วิวของ Cielo นี่เป็นวิวพาโนรามาที่กว้างและสวยมากเลยครับเห็นทั้งวิวเมือง และวิวแม่น้ำเจ้าพระยา แบบที่ผมโพสต์ไว้ที่หัวกระทู้ครับ ที่สำคัญยังเห็นพระอาทิตย์ตกด้วยครับ วันไหนฟ้าสวยๆ นี่ น่าจะโรแมนติคมากแน่ๆ แต่เสียดายวันที่ผมไปนั้นสภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ T____T
อ้อ…….สำหรับทุกที่นั่งในโซน outdoor นั้น หากเป็นวันที่ฝนตก จะไม่สามารถนั่งได้เลยนะครับ ทุกคน ทุกโต๊ะจะต้องย้ายไปนั่งในโซน indoor ทั้งหมดครับ เพราะทางห้องอาหารไม่มีหลังคาสำหรับโซน outdoor เลยครับ
ในโซน outdoor บริเวณหลัง Counter bar นั้น จะมีทางเดินกระจกสั้นๆ อยู่ ยาวประมาณ 10-20 เมตร ซึ่งจะสามารถมองลงไปแล้วเห็นสวนข้างล่างได้ ผมไม่แน่ใจว่าสวนที่มองเห็นนั้นอยู่ชั้น 1 เลยมั้ยครับ รู้แต่มันสูงมากกกกก มองแล้วใจหวิวเลย และแวบแรกที่ผมเดินผ่านนี่มีสะดุ้งตกใจเลย แต่พอชินแล้วก็สามารถนั่งชิวๆ มองลงไปดูได้อยู่ครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็ได้เวลาแดดร่มลมตกแล้ว ผมกับภรรยาก็เดินไปที่โต๊ะที่ทางร้านได้ทำการล็อคไว้ให้ โดยที่โต๊ะจะมีป้ายคำว่า reserve พร้อมชื่อเราเขียนติดไว้ครับ เมื่อผมถึงโต๊ะ ทางพนักงานก็เข้ามาดูแลความเรียบร้อยทันที ตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้เข้าออกให้ และปูผ้ากันเปื้อนครับ ตรงนี้ถือว่าบริการได้ดีเลยครับ
หลังจากที่ผมนั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แจ้งพนักงานไปว่าจะใช้คูปองของ wongnai ทางพนักงานจึงได้ขอดูคูปองใน application และทำการ Stamp void การใช้สิทธิ์ครับ โดยหลังจากที่พนักงานประทับตรา Stamp ลงไปซักพัก จะมี code ขึ้นมา เราอย่ารีบปิดนะครับ เพราะทางร้านต้องจด code นี้ไว้ด้วยครับ เมื่อพนักงานจด code นี้เสร็จแล้วก็นำเมนูอาหารที่เข้าร่วมโครงการนี้มาให้เราเลือกครับ โดยแต่ะคนสามารถเลือกได้ประเภทละ 1 รายการครับ
สำหรับรายการที่ผมหนักใจในการเลือกสุดก็คือ Main course ครับ เพราะอยากลองทั้ง 3 อันเลย ไม่ว่าจะเป็น อกเป็ดย่าง, แซลมอนเสต๊ก แล้วก็พอร์คชอบหมูคุโรบุตะครับ แต่ในที่สุดผมก็เลือกมาตามนี้ครับ
Set ของ ผม
Appetizer : Beet salmon carpaccio, Roasted beet root, Honey mustard
Main course : Grilled Kurobuta Pork Chop (พอร์คชอปหมูคุโรบูตะย่าง)
Dessert : Ricotta cheese
Set ของ ภรรยา
Appetizer : Duo Tiger prawn, Tiger prawn, Bacon bits, Melon Caviar, Orange
Main course : Pan-Seared Norwegian Salmon (แซลมอนสเต๊กกับมันฝรั่งบด)
Dessert : Frozen Chocolate mousse
ในเมนูที่ทางร้านเอามาให้เราเลือก จะมีราคาเต็มๆ กำกับไว้ด้วยครับ ซึ่งราคาเต็มๆ แต่ละจานก็แอบสูงอยู่พอควรครับ อ้อ…..สำหรับการใช้คูปองของ wongani นี้ 1 คูปองจะสามารถใช้ได้สำหรับการสั่งเพียง 1 ที่เท่านั้นนะครับ เช่น ถ้าคุณมา 2 คน ก็ต้องซื้อคูปองมา 2 ใบนะครับ และเมื่อพนักงาน Stamp การใช้สิทธิ์ใน application ของเราแล้ว จะมีการแจ้งเตือนผ่าน e-mail และ sms ของเบอร์มือถือที่เราลงทะเบียนไว้ด้วยนะครับ ตรงนี้ถือว่าดีและเป็น security ที่ดีอย่างนึงเลยครับ
อีกเรื่องก็คือ ใน Set นี้จะไม่มีเครื่องดื่มให้นะครับ เราต้องสั่งเพิ่มต่างหาก ซึ่งตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าห้องอาหารอื่นจะมีน้ำบริการฟรีหรือเปล่า แต่สำหรับที่ Ceilo นั้นเราต้องสั่งเพิ่มเอง โดยประเภทของน้ำก็มีให้เลือกตามตรฐานbar ทั่วไป ราคาของน้ำปั่น, cocktail , mocktail ก็ตามมาตรฐาน rooftop bar แบบนี้ครับ แก้วละ 200-300 บาท ผมสั่ง “ลิ้นจี่สมูตตี้” มา ส่วนภรรยาผมเธอสั่ง cocktail “ไหมไทย” ครับ รอไม่ถึง 5 นาทีพนักงานก็นำมาเสิร์ฟครับ รสชาติทั้ง 2 แก้วตามก็ปกติครับ ไม่รู้จะเขียนยังไงดี @_@
หลังจากนั้นผมก็นั่งจิบน้ำไป ชมวิวสวยๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกไปได้ซักพัก พนักงานก็นำ Appetizer ทั้ง 2 จานมาเสิร์ฟครับ มันจะหน้าตายังไง รสชาติยังไง เราไปดูพร้อมๆ กันดีกว่าครับ
จานแรกก็คือ Beet salmon carpaccio, Roasted beet root, Honey mustard หรือแซลมอนดิบหมักด้วยเครื่องปรุงนั่นเองครับ จานนี้เสิร์ฟพร้อมกับบีทรูท และฮันนี่ มัสตาร์ด การจัดจานจัดมาได้สวยงาม และรสชาติปรุงออกมาได้ดีเลยครับ ตัวแซลมอนดิบอร่อยมากครับ กินแป๊บๆ หมดจานแล้วครับ
จานถัดมา Duo Tiger prawn, Tiger prawn, Bacon bits, Melon Caviar, Orange หรือกุ้งกุลาดำปรุงมา 2 แบบครับ จานนี้เป็นจานที่ผมคิดว่าทางเชฟจัดมาได้สวยที่สุดในเมนูทั้งหมดในคืนนี้เลยครับ กุ้งทั้ง 2 ตัวถูกปรุงแต่งมาต่างรูปแบบกันบนจานสีดำเข้ม
กุ้งตัวแรกมี Bacon bits ทอดกรอบโรยมา ส่วนกุ้งอีกตัวคลุกข้าวพองทอด เรียกได้ว่าหน้าตาแปลกประหลาดทั้ง 2 คู่เลยครับ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และในจานยังมีสาคูเมล่อน, ขนมปัง และสมเช้งมาด้วยครับ เรื่องรสชาติ จานนี้อร่อยเลยครับ มีความแปลกในตัวด้วย เนื้อกุ้งสดและตัวใหญ่พอควรครับ ส่วนสาคูเมล่อน ส้มเช้ง ก็มีรสชาติหวานนิดๆ เข้ากันได้ดีครับ
จบจาก Appetizer แล้ว ระหว่างที่รอพนักงานนำ Main course มาเสิร์ฟ ผมขอตัดภาพพาทุกท่านมาดูภาพวิวสวยๆ ก่อนนะครับ เพราะตอนนี้พระอาทิตย์กำลังตกพอดีเลยครับ ลมเองก็กำลังพัดเย็นสบาย แถมเพลงที่เปิดก็เป็นเพลงสากลที่ฟังแล้วชิลดีมากด้วยครับ พูดก็พูดเถอะผมว่าบรรยากาศแบบนี้ ใครที่พาสาวมาขอเป็นแฟน หรือพาแฟนมาแล้วขอแต่งงาน มันต้อง Say yes อย่างแน่นอนครับ
ดูวิวสวยๆ เสร็จแล้วเรากลับมากันที่ Main course ของเรากันดีกว่าครับ จานแรกก็คือ “สเต๊กหมู คุโรบุตะ” ครับ เป็นพอร์คอชอร์ปชิ้นใหญ่ วางบนจานสีดำ ราดซอสพริกไทดำ และมีผักกับมันฝรั่งบดเป็นเครื่องเคียงครับ
รสชาติจานนี้ถือว่าดี แต่ไม่ได้ดีมากมายอะไรนะครับ ถือว่าตามมาตรฐานราคาและร้านสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมครับ แต่มันฝรั่งบดนี่แปลกมากเคลือบอะไรมาไม่รู้ครับสีเขียวๆ กรอบๆ แปลกลิ้นดีครับ
ต่อกันที่ Main course อีก 1 เมนู “สเต๊กปลาแซลมอน” เนื้อปลาชิ้นหนามากครับ และก็เชฟปรุงออกมาได้ดีเลย เนื้อมีความชุ่มอยู่ ไม่แห้งจนเกินไป
พอผมทาน Main course เสร็จ พนักงานก็เข้ามาเก็บจาน และผมได้แจ้งไปว่าอย่าพึ่งเสิร์ฟของหวานนะครับ เนื่องจากว่าผมยังต้องการนั่งชมวิวไปเรื่อยๆ รวมทั้งเดี๋ยวต้องไปเอาเอกสารบนรถด้วยครับ
สำหรับวิวรอบๆ ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ไฟในเมืองตามตึกต่างๆ ก็เริ่มเปิดขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเป็นวันธรรมดาไฟตามตึกและถนนหนทางน่าจะสว่างไสวและสวยงามกว่านี้ครับ และไม่ถึง 10 นาที พระอาทิตย์ก็หายลับไปเกือบหมด และสีสันต่างๆ ของเมืองก็เริ่มบรรเลงขึ้นครับ หลังจากที่ผมเห็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ผมก็ไปทำธุระที่รถประมาณ 10 นาที และเมื่อผมกลับมาที่โต๊ะก็พบว่ามีของหวาน 2 จาน มาวางไว้อยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ผมแอบเซ็งเล็กน้อยครับ เพราะมันเริ่มละลาย ไม่สวยงามแล้ว ที่สำคัญผมได้แจ้งทางพนักงานไปแล้วว่าอย่าพึ่งเสิร์ฟ เพราะกลัวมันละลายแบบนี้นี่แหละ - -“
จานแรกของของหวานคือ “ริคอตต้า ชีส” นะครับ ในจานจะมีไอครีมราสเบอรี่ด้วย รสชาติอร่อย ถูกปากดีครับ
ส่วนของหวานจานที่ 2 ก็คือ ช็อคโกแลตมูส ครับ จานนี้ผมชิมแค่นิดๆ เพราะเป็นคนไม่ชอบกินช็อคโกแลตอยู่แล้ว กินเมื่อไหร่ ขมคอทุกที - -“
สำหรับจานนี้ภรรยาผมเธอบอกรสชาติโอเคครับ สอบผ่านครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็มาถึงส่วนสุดท้ายหรือสรุปกันแล้วนะครับ ไปดูกันดีกว่าว่าสำหรับอาหารมื้อนี้นั้นผมคิดเห็นในแต่ละหัวข้ออย่างไรบ้างครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารทั้ง 6 จาน ถือว่าดี สอบผ่านครับ มีบางจานที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ บางจานที่เหนือกว่าเกณฑ์ เหนือความคาดหมาย การจัดจานมาสวยงามทุกจาน ทำให้เมื่อเห็นแล้วอยากถ่ายรูป อยากกินขึ้นมาเลยครับ ส่วนเครื่องดื่มทั้ง 2 แก้ว จัดว่าปกติตามมาตรฐานบาร์ทั่วไป คงเพราะผมสั่งเมนูที่เป็นพื้นฐานด้วยครับก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าว้าวอะไรครับ
ความหลากหลายของอาหาร : เนื่องจากครั้งนี้ผมทานตาม Set ที่ทางร้านมีให้เลือก ก็เลยให้ความเห็นมากไม่ได้ว่ามีความหลากหลายของเมนูอาหารแค่ไหน แต่สำหรับเมนูเครื่องดื่มถือว่ามีความหลากหลายพอควรครับ ด้วยความที่แต่เดิมทางร้านเน้นการทำเป็น bar มากกว่า Restaurant ด้วยครับ เท่าที่ผมได้ยินพนักงานของร้านคุยกับโต๊ะข้างๆ ผม ก็ได้ใจความประมาณนี้แหละครับ ว่าทาง Cielo พึ่งจะเริ่มทำในส่วนของ Restaurant ยังไม่ได้มีการโปรโมตหรือ Grand opening จริงจังเลย
ความสะอาดของร้าน : สะอาด ดูดี ไม่มีอะไรติดขัดในหัวข้อนี้ครับ
การบริการของพนักงาน : เรื่องนี้ผมเจอทั้งที่ประทับใจและไม่ประทับใจครับ โดยในภาพรวมการบริการนั้นถือว่าพนักงานดูแลดี เทคแคร์ดีมาก ตั้งแต่การเลื่อนเก้าอี้, ปูผ้ากันเปื้อนให้ รวมทั้งการใช้ภาษาและคำพูดต่างๆ แต่ส่วนที่ไม่ประทับใจก็มีอยู่ 2-3 เรื่อง ทั้งเรื่องที่ไม่แม่นในโปรโมชั่นของร้าน, การเสิร์ฟของหวานโดยที่ยังไม่ได้แจ้ง และเรื่องที่สำคัญก็คือเรื่องการบริการจัดการกับกรุ๊ปชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่ไม่ได้จองไว้ และมีโต๊ะไม่เพียงพอ ทำให้คนกลุ่มดังกล่าวมาจับกลุ่มคุยกันวุ่นวายแถวโต๊ะที่ผมนั่งเป็นเวลานานมาก จริงๆ แล้วทางร้านควรจะมีการแยกหรือแบ่งเขตให้ชัดเจนกว่านี้ครับ นอกจากนี้เรื่องของระเบียบการแต่งกายที่มีป้ายกำกับไว้ก็ไม่ได้มีการเข้มงวดอะไรด้วย มีหลายคนมากที่ใส่กางเกงขาสั้นมา ซึ่งถ้าทาง Cielo จะอนุโลมแบบนี้ก็ไม่ควรจะมีป้ายกำกับไว้นะครับ มันทำให้ร้านขาดความน่าเชื่อถือครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : W district นั้น เป็นสถานที่ที่เดินทางสะดวกพอควร เพราะอยู่ใกล้กับ BTS พระโขนงมาก เรียกได้ว่าเดินยังไม่ทันเหงื่อออกก็ถึงแล้วครับ ส่วนคนที่ขับรถมาก็หาได้ง่ายเนื่องจากทางเข้าติดอยู่กับถนนสุขุมวิท ไม่ต้องเข้าซอยอะไรเลยครับ ส่วนเรื่องที่จอดรถถึงแม้ช่องทางการจราจรในตึกจอดรถจะแคบไปหน่อยแต่มีพื้นที่จอดเหลือเฟือครับ
ความคุ้มค่า : ถ้าดูราคาอาหารตามเมนู ต้องบอกว่าราคาแต่ละเมนูถือว่าแอบสูงไปหน่อยครับ แต่ส่วนหนึ่งคงเพราะราคาดังกล่าวมีการรวมค่าวิว ค่าสถานที่เข้าไปแล้วด้วยครับ เพราะต้องยอมรับว่าในเขตบริเวณใกล้ๆ กันนี้ ห้องอาหาร Cielo sky bar and restaurant น่าจะเป็นห้องอาหารที่มีวิวสวยงามติดอันดับต้นๆ ได้เลยครับ หลายคนอาจจะคิดว่าแค่วิวชั้น 46 เองจะสวยอะไร แต่ด้วยความสูงขนาดนี้แหละครับที่กำลังพอดี ไม่เห็นตึกอื่นๆ เตี้ยไป หรือเล็กไปจนดูไม่ออกว่ามันคืออะไร และการที่ตอนนี้ไม่มีตึกสูงอื่นๆ บังวิวทิวทัศน์ของ Cielo เลย ทำให้เราสามารถเห็นภาพพาโนรามาของเมือง แม่น้ำเจ้าพระยา และพระอาทิตย์ที่กำลังตกได้อย่างสวยงาม แบบชนิดที่เรียกว่าโรแมนติคมากครับ ส่วนคนที่ซื้อคูปองของ Bangkok restaurant week มาในราคา 822.72 บาท/คน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) ก็น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้ความคุ้มค่าในมื้อนั้นเพิ่มมากขึ้นครับ
สรุป : Cielo sky bar and restaurant เป็นร้าน rooftop ใจกลางเมืองอีกร้านนึงที่มีบรรยากาศดีมาก เปิดเพลงเพราะ วิวสวย พนักงานมารยาทดี และมีคุณภาพของอาหารในเกณฑ์ที่ดี อาจจะมีข้อติเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับพนักงานบ้าง, ราคาอาหารสูงไปนิดบ้างเมื่อมองแค่ค่าอาหารอย่างเดียวไม่คิดค่าวิว แต่ถ้าเกิดคุณมีแฟนซักคน หรือกำลังจีบใครอยู่ และคุณรู้สึกเบื่อๆ ตึกใบหยก อยากจะโรแมนติคแต่ไม่อยากจะเหมือนใคร แนะนำเลยครับว่าที่นี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ครับ หากขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ และการรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมจากวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือรสชาติที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ
0 Like0 Comment
