เมนูของร้าน Mocking Tales เมส ทองหล่อ
เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย จะมีสักกี่ร้านที่สวยดั่งเทพนิยายแถมขนมและเครื่องดื่มก็ชวนหลงใหล รสชาติความอร่อยก็ไม่เป็นรองใครMocking Tales ร้านอาหาร ขนมและเครื่องดื่มในบรรยากาศเทพนิยายที่เมื่อเดินเข้ามาในร้านแล้วรับรองว่าหลุดโลกมาอยู่ในบรรยากาศที่ไม่เหมือนร้านไหนๆและไม่มีร้านไหนเหมือนแน่ๆครับ ร้านนี้นั้นเกิดจากความตั้งใจของหุ้นส่วนร้านหลายๆคนที่อยากจะเปิดร้านขนมและเครื่องดื่มในแบบที่ไม่เหมือนใคร จึงมีการออกแบบร้านนี้ให้สวยงามราวกับปราสาทในเทพนิยาย เมนูของหวานนั้นก็ครีเอทออกมาให้ดูน่าหลงใหลและน่าค้นหาไม่ต่างจากบรรยากาศร้านเลยทีเดียวครับ หลายๆคนก็คงจะเคยเห็นของหวานและเครื่องดื่มของทางร้านผ่านตาตาม social network กันมาบ้างแล้วแน่ๆ โดยเฉพาะเมนูแอบเปิ้ลอาบยาพิษ ที่เรียกได้ว่าแทบจะทุกโต๊ะนั้นต้องสั่งมาดูความอลังการกันก่อนทานทั้งสิ้นครับ นอกจากทางร้านจะทำให้หลายๆเมนูนั้นฮิตขึ้นมาในเวลาไม่นาน ทางร้านก็ยังคงมีการคิดและครีเอทเมนูใหม่ๆออกมาอยู่เสมอครับ ช่วงที่ผมไปทานพอดีทางร้านออกเมนูล็อตใหม่ที่เรียกว่า Chapter 2 ของเทพนิยาย ได้ลองทานเมนูใหม่ทั้งสองเมนูดูแล้วก็ติดใจทั้งในรสชาติความอร่อยที่ดูดีไม่แพ้กับหน้าตาของมันเลยล่ะครับ ทานแล้วต้องหลงใหลในรสชาติและติดใจกับบรรยากาศร้านจนต้องอยากมาทานซ้ำแน่ๆครับ [วิธีการเดินทาง] ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของโครงการ Maze Thonglor ครับ ร้านอยู่ด้านในขวามือของโครงการใต้บันได ตรงข้ามกับร้าน Coffee Club หน้าร้านนั้นตกแต่งไม่เหมือนใคร สะดุดตาทุกคนที่มองผ่านแน่นอน โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนทองหล่อซอย 4 อยู่ติดถนนใหญ่ สามารถขับรถมาจอดในโครงการได้เลยแล้วก็นำบัตรจอดรถมาให้ทางร้านแสตมป์ หรือถ้าใครสะดวกนั่งรถไฟฟ้า BTS มากกว่าก็สามารถมาลงได้ที่สถานีทองหล่อแล้วนั่งแท็กซี่ต่อเข้ามาก็ได้ครับ ไม่ไกลจากต้นซอยเท่าไรครับ [บรรยากาศ/การบริการ] สำหรับบรรยากาศของร้านนี้นั้น มีกี่คะแนนก็ต้องให้เต็มครับ เพราะร้านสวยมากกกกกกกกกกกกก แม้ว่าจะเป็นร้านเล็กๆ แต่ทุกอย่างในร้านนั้นสวยงามมากจริงๆ เพราะเค้ามีคอนเซปท์ที่จะเนรมิตทุกอย่างในร้านให้เหมือนกับเทพนิยาย คนที่เดินเข้ามาทานนั้นก็เหมือนอยู่ในบรรยากาศเทพนิยายจริงๆครับ ร้านนี้มีที่นั่งอยู่ไม่เยอะมากเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นที่นั่งแบบมีเบาะนั่ง เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปลง social เพราะไม่ว่าจะนั่งมุมไหน รับรองว่าถ่ายออกมาสวยทุกรูปแน่นอนครับ ลูกค้าที่มาทานในร้านนั้นค่อนข้างแน่นในช่วงเย็นๆของทุกวันแล้วก็วันหยุดสุดสัปดาห์ทุกวันเลยครับ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้โทรมาจองโต๊ะไว้ก่อนดีกว่า พนักงานก็จะเลือกที่นั่งที่วิวดีๆให้เราก่อนด้วยครับ ร้านนี้พนักงานในร้านหลักๆเลยเป็นหุ้นส่วนแล้วก็เจ้าของร้านโดยตรง ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าบริการดีเต็มที่ตั้งแต่เข้าร้านมาจนออกจากร้านแน่นอนครับ ถ้า walk-in เข้ามาได้ที่นั่งแล้ว พนักงานก็จะรีบนำเมนูออกมาให้เลือกพิจารณาสั่งทานได้เลย หลังจากสั่งแล้วก็รอขนมและเครื่องดื่มไม่นานก็มาเสิร์ฟแล้วครับ ระหว่างรอก็สามารถนั่งอินหรือถ่ายรูปเล่นกับบรรยากาศร้านไปก่อนก็ได้ อ่อ เจ้าของร้านนี้นั้นเป็นหนุ่มหล่อสูงยาวเข่าดี พนักงานทุกคนนั้นก็คัดหน้าตามาเป็นดาราทุกคนเลยยังได้ สาวๆนอกจากฟินกับบรรยากาศแล้ว อาจจะฟินกับเจ้าของร้านแล้วก็พนักงานอีกก็เป็นได้ทีเดียวครับ [รสชาติอาหาร/ความคุ้มค่า] วันนี้ผมมาทานเมนูใหม่ Chapter 2 ของทางร้านซึ่งเพิ่งออกมาให้สั่งทานกันได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเองครับ เป็นสองเมนูใหม่ที่เรียกได้ว่าครีเอทมาก หน้าตาดีมาก แล้วก็อร่อยมาด้วยเช่นกันครับ The Lost Treasure (499 บาท) - เมนูนี้เป็นเมนูของหวานที่อลังการงานสร้างที่สุดในชีวิตที่ผมเคยทานมาเลยก็ว่าได้ครับ ขนมหน้าตาดีเหมือนหีบสมบัติที่มีความลับด้านในที่ต้องการให้เราเปิดมันเพื่อค้นหา เมนูนี้นั้นเก็บ detail รายละเอียดทุกอย่างไว้ดีมากครับ เพราะเสิร์ฟมาแล้วนี่เหมือนหีบสมบัติมากจริงๆ ทางร้านใช้ขนมปังโทสต์ที่นำไปหมักกับ squid ink ซึ่งทำให้มีรสชาติที่ดีหอมและอร่อยกว่าชาโคล - ความลับที่อยู่ด้านในนั้นก็มีทั้งมาร์ชเมโลว กล้วย สตอเบอรี่และส้มสดใหม่ๆที่อัดแน่นมาเต็มหีบสมบัติกันเลยทีเดียว ทางร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับเศษหินที่ทำมาจากเศษขนมปังแล้วก็เหรียญทองช็อกโกแลตยิ่งทำให้มันดูขลังกับการเป็นหีบสมบัติที่น่าค้นหาจริงๆครับ ก่อนทานก็อย่าลืมราดน้ำผึ้งที่เสิร์ฟมาในถ้วยมงกุฏลงไปก่อน ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับตัวหีบสมบัติได้ดีทีเดียวครับ - นอกจากนี้แล้วก็ยังมีไอศครีมสองสกูปและวิปครีมที่เราสามารถเลือกความอร่อยได้เองจากทั้งหมด 10 รสชาติด้วยกันครับ ผมไม่ได้เลือกไอศครีมทางร้านเลยจัดมาให้ในเซตของมันเองเป็นรส Rum Cranberry และ Cookie Monster ครับ รสรัมแคนเบอรี่นั้นอร่อยมากครับ ออกเปรี้ยวนิดๆได้รสชาติของแคนเบอรี่มาเต็มๆ ส่วนรสคุกกี้มอนสเตอร์นั้นเป็นรสคุ้กกี้มิ้นต์ เย็นชื่นใจ ตัดกับความอร่อยของโทสต์หีบสมบัติได้ดีครับ โดยรวมแล้วเมนูนี้ชอบมาก เครื่องจัดเต็ม โทสต์อร่อยมากที่สุดครับ (5/5) - สั่งเมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟน้ำมะนาวปั่นไว้ให้ทานคู่กันด้วยครับ น้ำมะนาวปั่นนั้นรสชาติดี เปรี้ยวๆเย็นๆถูกใจครับ (4/5) The Stolen Dwarf Beer (199 บาท) - เมนูนี้เห็นครั้งแรกอาจจะคิดว่าเป็นเบียร์จริงๆแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ เป็นเมนูไอศครีมรสฟองเบียร์ เสิร์ฟมาในถ้วยเบียร์ที่เป็นวุ้นแอปเปิ้ลก่อนที่จะราดมาด้วยฟองนมอีกที ทางร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับถั่วคลุกเกลือหลายชนิดด้วยกันมาให้ทานเสมือนว่าเป็นการทานกับเบียร์จริงๆ ซึ่งก็เข้ากันดีไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวครับ - ตัวไอศครีมฟองเบียร์นั้นอร่อยมากครับ รสชาติเข้มข้นกลิ่นเบียร์แต่อ่อนกว่าหน่อย ทำให้คนที่ทานเบียรไม่เก่งก็สามารถทานได้อย่างแน่นอน ส่วนตัววุ้นแอปเปิ้ลนั้นอร่อยที่สุดครับ เนื้อเด้ง หวานอร่อย ทานเพลินๆหมดไม่รู้ตัวเลยครับ (5/5) Cappuccino (95 บาท) - เมนูนี้เป็น milk based coffee ชงโดยคุณเจี้ยนหุ้นส่วนร้านโดยตรง เสิร์ฟมาพร้อมกับบราวนี่ไว้ให้ทานคู่กัน เสิร์ฟมาแบบร้อนๆลายฟองนมสวยงาม กาแฟที่ใช้เม็ดกาแฟคุณภาพดีย่อมทำให้รสชาติของมันอร่อยด้วยเช่นกันครับ ทานแล้วหวานอร่อยกำลังดี เข้มข้นถูกใจคนชอบทานกาแฟแน่นอนครับ (5/5) โดยรวมแล้ววันนี้ชอบมากครับสำหรับร้านนี้ ไม่มีอะไรให้ติเลยทั้งในเรื่องของบรรยากาศร้านที่น่าจะเป็นร้านที่สวยที่สุดร้านนึงที่ผมเคยไปทานมา แถมขนมและเครื่องดื่มก็ยังอร่อยแบบสุดๆเช่นกัน ทำเอาคนที่ไม่ชอบทานขนมเท่าไรอย่างผมฟินไปเลยกับทั้งสองเมนูที่สั่งมาทาน ได้ข่าวว่าทางร้านจะมีการ launch เมนูใหม่ Chapter 2.2 เร็วๆนี้ ถือว่าน่าสนใจมาก ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ที่รู้ๆคือยังไงร้านนี้ต้องมีการกลับมาซ้ำแน่นอนครับ... อ่านต่อ
66 Likes0 Comment
photo