4.4
74 เรตติ้ง (58 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 17:00
Varinda Coffee Roaster
เมล็ดกาแฟคั่วขาย
[สาย 3] ร้านกาแฟและโรงคั่วสาย Specialty เพิ่งได้แชมป์รายการแข่งคั่วกาแฟของ Diedrich ปี 2020 ~ย่านชานเมืองก็หากาแฟดีได้#SpecialtyCoffee #CoffeeRoasters #ย่านทวีวัฒนา Varinda Specialty Coffee ตามชื่อเลยครับ เป็นร้านกาแฟสาย Specialty และที่นี่เค้ายังเป็น Roaster หรือโรงคั่วกาแฟเองด้วย เพิ่งเปิดมาได้ประมาณปีนึงในตอนที่ผมรีวิวอยู่นี้ ล่าสุดเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เค้าไปแข่งรายการ Roasting ระดับประเทศอันนึง ที่มีสปอนเซอร์เป็นเครื่องคั่วยี่ห้อ Diedrich แล้วได้แชมป์มาครับ (รายการนี้คนละอันกับ National Roasting ซึ่งปีที่ผ่านมาโรงคั่วที่ได้แชมป์คือ Tobo) ส่วนรีวิวของผมนี้ได้ไปลองชิมกาแฟเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.ก่อนที่เค้าจะไปแข่งประมาณอาทิตย์นึงอยู่ในช่วงเตรียมตัวฝึกซ้อมพอดี เจ้าของร้านผู้ชาย (คนที่ใส่หมวกในรูป) เป็นคนคั่วกาแฟเองด้วยอัธยาศัยดีอยู่ครับ บรรยากาศร้านก็เป็นอาคารพาณิชย์ตั้งเดี่ยวริมถนนใหญ่มีพื้นที่ลานด้านหน้าจอดรถได้นิดหน่อย แต่ผมว่าจอดริมฟุตบาทด้านหน้าดีกว่าแถวนี้เป็นย่านชานเมืองรถจอดไม่เยอะมาก ออกสะดวกกว่า ตกแต่งชั้นล่างเป็นร้านนั่งดื่มกาแฟทาสีโทนเขียวขี้ม้า จัดไฟสลัวๆแบบร้านคาเฟ่ในตึกแถว ร้านไม่ใหญ่แต่ดูน่านั่งดี มีที่นั่งบาร์ตรงส่วน Slow Bar กาแฟร้านนี้มีขายทั้งแบบ Espresso-based (ใช้เครื่องชง มี 2 Blend ให้เลือก ตัวนึงเหมาะทำกาแฟ Black อีกตัวเหมาะทำกาแฟ White) และ Filter (สกัดแบบดริปเป็นหลัก เน้นใช้ Single Origin คั่วอ่อน) ราคาเมนูกาแฟร้านนี้จะ Based on เมล็ดกาแฟที่เลือก และเนื่องจากเป็นโรงคั่วเค้าก็ขายเมล็ดกาแฟคั่วเป็นซองสำหรับไปทำ Home Brew เองที่บ้านด้วย หรือรับคั่วตามออเดอร์ให้ร้านกาแฟที่สนใจ พูดถึงเฉพาะ Single Origin ร้านนี้ก็เอากาแฟสารมาคั่วตามที่เห็นได้ทั่วไปในร้านกาแฟ Specialty แบบยอดนิยม มี range ราคาตั้งแต่เมล็ดไทยเริ่มต้น 100 บาท ถึงตัวราคาแรงสุดสายพันธุ์ Geisha จาก Panama Esmeralda ราคา 550 บาทต่อ serve [กาแฟที่สั่ง:] มาร้านนี้ผมดูแล้วน่าจะเหมาะสั่งเป็นแบบ Filter สำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟดำนะครับ บ่ายวันหยุดเลยขอสั่งมา 2 ตัว ทั้งร้อนและเย็นใส่น้ำแข็ง ตามนี้ครับ • Colombia El Paraiso SAKURA [200 บาท] ทางร้านแนะนำว่าให้สกัดแล้วดื่มแบบ Iced เติมน้ำแข็ง ซึ่งผมคิดอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะตัวนี้ process แบบ Anaerobic ตามประสบการณ์ผมกาแฟแบบนี้จะมีกลิ่นแรงฟุ้งๆแน่นอนและมี note แปลกพิสดารหน่อย เท่าที่สังเกตเจ้าของร้านผู้ชายเป็นคนดริปให้ เสิร์ฟนี้เค้าใช้ dripper แบบ V60 Ceramic ทำให้ครับ พอได้กาแฟใส่น้ำแข็งมาปุ๊บผมดูดกลิ่นแรกที่สัมผัสได้คือ Mint และมีความเป็น Fruity เปรี้ยวนำอมหวานเล็กปลายๆโทน Raspberry อารมณ์เหมือนดื่มพวกเครื่องดื่ม Mojito แต่เป็นกาแฟครับ พอปล่อยนานมากๆน้ำแข็งละลายเย็นผสมกับน้ำกาแฟจะให้อารมณ์เหมือนดื่มน้ำแช่ใบสะระแหน่หอมๆเย็นๆครับ สดชื่นไปอีกแบบ ## คหสต กาแฟตัวนี้ดื่มแล้วได้ความแปลกดีได้ความเย็นสดชื่นเหมือนดื่มพวก Virgin Mojito เป็นกาแฟไม่ใช่น้ำมะนาว แต่ไม่ซับซ้อนมากตามเมล็ดกาแฟและแหล่งปลูก ผมจับได้ 2 note หลักที่ชัดเจน ก็ตามที่ร้านเค้าเขียนระบุ Tasting note ตอนคั่วไว้เป็น Hoegaarden Rosee, Mint • Ethiopia Anasora [150 บาท] ตัวนี้ process แบบ Honey ผมน่าจะชอบกลิ่น Ferment ไม่แรงเหมือนพวก Natural หรือ Anaerobic เป็นกาแฟออกสะอาดๆหรือ Clean Cup ตามสไตล์ที่ผมชอบ โดยถ้วยนี้เป็นถ้วยที่สองของบ่าย ผมสั่งแบบดริปร้อนและให้เค้าสกัดออกแบบสว่างๆหรือ Bright ให้ เจ้าของร้านเค้าเลยเปลี่ยนมาใช้ dripper แบบ Kalita Wave เนื้อโลหะทรงกระบอก เพื่อสกัดได้น้ำกาแฟเน้นใส body ไม่หนักมากครับ ผมดื่มกาแฟตัวนี้แล้ว note หรือความรู้สึกแรกเหมือนดื่มชาเลยครับ หอมๆสะอาดปาก มี Acidity เปรี้ยวอมหวานโทน Citrus ไปทางส้มหวานซึ่งเป็นโทนที่อร่อยสำหรับผมครับ Aftertaste มีติดหวานแบบสั้นๆได้กลิ่นโทน Honey ## คหสต กาแฟตัวนี้ดื่มแล้วเด่นเรื่อง Clean Cup, Balance, Sweetness ร้านเค้าเขียนระบุ Tasting note ตอนคั่วไว้เป็น Oolong Tea, Sugar, Orange #### สรุป คหสต #### • เป็นร้านกาแฟสาย Specialty จริงจัง และเป็น Roaster เอง (เครื่องคั่วอยู่หลังร้าน) ดังนั้นเค้าจึงสามารถควบคุมตัวแปรต่างๆหรือโปรไฟล์การคั่วสำหรับกาแฟสารแต่ละแบบได้อย่างเหมาะสมดีกว่าร้านกาแฟที่ไม่ได้คั่วกาแฟเอง ทั้งกาแฟ Blend คั่วแบบ Commercial ที่ลงทีละปริมาณเยอะๆ และกาแฟ Single Origin คั่วแบบ Specialty ซึ่งร้านที่มีเครื่องคั่วเองจะได้เปรียบกว่าเรื่อง Economy of scale ที่คั่วทีละเยอะหน่อยได้สำหรับใช้ขายเองในร้านหรือแบ่งขายส่ง เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วยได้ดีกว่าครับ • สำหรับกาแฟ Single Origin ซึ่งร้านคั่วโปรไฟล์ Specialty ออกมา ส่วนตัวเท่าที่ผมได้ลอง 2 ตัวรอบนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว ค่อนข้างได้เรื่อง Balance และดึงเอกลักษณ์ของกาแฟสารตัวนั้นๆได้ออกมาชัดเจนดี เช่นตัว Sakura ผมเคยดื่มของร้านอื่นโรงคั่วอื่นแต่คนละ batch กัน แต่ process Anaerobic เหมือนกัน จะออก note คนละแบบกัน ของที่นี่ได้โทน Fruity จับได้ค่อนข้างชัด และมีกลิ่น Mint หอมเย็นชัดเจนครับ ส่วน Ethiopia Anasora (น่าจะเป็น G1) ส่วนใหญ่จะคั่วออกมาเป็นโทน Fruity จ๋าแนว Berry Strawberry ได้ Acidity เด่น แต่ตัวที่ผมได้ลองของร้านนี้เค้าออก Balance ดี เหมือน Tea-like และออกโทนส้มอมหวานไม่เปรี้ยวจี๊ดครับ • ร้านมี Coffee Chart เปรียบเทียบเรื่อง Body กับ Acidity ของกาแฟในร้านที่ขายเพื่อเปรียบเทียบ เข้าใจง่ายดีครับ ลูกค้าจะสามารถเลือกได้ง่ายและสั่งได้ไว • เป็นร้านกาแฟดีย่านชานเมืองที่สาย Specialty ควรมาลองดูเมื่อผ่านมาหรือสะดวก ร้านไม่ใหญ่มากแต่นั่งชิลสบายดีสไตล์คาเฟ่ สามารถคุยเรื่องกาแฟกับเค้าได้ที่หน้าบาร์ หรือไม่ก็ลองสั่งกาแฟคั่วเป็นซองเอามาดริปกินเองที่บ้านได้ครับ สรุป 4 ดาวครับ [พิกัด:] ริมถนนพุทธมณฑลสาย 3 ย่านทวีวัฒนา ฝั่งที่วิ่งจากเพชรเกษมไปบรมราชชนนี ร้านอยู่ช่วงใกล้ๆก่อนถึงสามแยกตัดถนนอักษะ... อ่านต่อ
23 Likes0 Comment
photo