4.4
3 เรตติ้ง (3 รีวิว)
Barnซักผ้า
บาร์ลับเมืองอุบล ทำตัวลึกลับเหมือนกลัวคนเจอเป็นหนึ่งในร้านคาเฟ่ที่ไช้ชวนชิมประทับใจที่สุดในทริปนี้ คือไม่ได้แค่แปลกอย่างเดียว แต่เครื่องดื่มเขาก็ดีเกินคาด อันนี้ถือเป็นความประทับใจส่วนบุคคล เพราะประสบการณ์ที่ลูกค้าแต่ละคนได้รับอาจแตกต่างไป ขึ้นอยู่ว่าวันนั้นคุณสั่งอะไร? บาริสต้าคนไหนเป็นคนชงเครื่องดื่มให้? และที่สำคัญบรรยากาศในช่วงเวลาที่คุณเช็คอินนั้นมันส่งผลให้คุณรู้สึกอย่างไร? ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ผมไม่รู้จักที่นี่มาก่อน แต่มีเพื่อนคนอุบลพามา เพราะคิดว่าเราน่าจะชอบของแปลก เดี๋ยวมาดูกันว่าคาเฟ่แห่งนี้มีความแปลกยังไง? 1) แค่ชื่อก็แปลกแล้ว Barnซักผ้า เขารับซักผ้าจริงๆ นะ แต่พอเดินเข้าไปในร้านกลับไม่เห็นเครื่องซักผ้า เห็นแต่ counter bar สำหรับการชงเครื่องดื่ม #ชื่อแปลก 2) หน้าร้านไม่ได้เชิญชวนให้คนรู้ว่าที่นี่คือร้านขายเครื่องดื่มแต่อย่างใด มีเครื่องซักผ้าเก่าๆ ตั้งอยู่ ป้ายชื่อร้านก็ชวนเราเข้าใจผิดว่าที่นี่รับซักอบรีด ไม่ได้เอ๊ะซักนิดว่าเขาจะขายกาแฟด้วย #เหมือนไม่อยากให้เจอ 3) กลางวันแสกๆ เดินเข้าร้าน เอ๊ะทำไมมืดสลัว ราวกับอยู่ในผับบาร์อะไรประมาณนั้น บรรยากาศเหมือนร้านกลางคืน แต่ขายเครื่องดื่มตลอดวันทั้ง alcolhol และ non-alcohol ขึ้นอยู่ว่าช่วงเวลานั้นสามารถเสิร์ฟแอลได้รึเปล่า (ตามข้อบังคับของกฎหมาย) #บรรยากาศดาร์กๆ 4) ไม่มี printed menu ให้ดู อยากสั่งอะไร แนวไหน ให้ลองคุยกับบาริสต้าดู ถ้าอยากดูภาพ reference menu จริงๆ ให้ลอง add line เข้าไปดูใน @Barnซักผ้า #เครื่องดื่มตามสั่ง 5) ถ้าสั่งเมนู mocktail, cocktail อาจดูไม่ค่อยแปลก แต่การสั่งกาแฟแล้วพนักงานเสิร์ฟมาในแก้วไวน์ แก้วบรั่นดี มันดูหรูหราพรีเมียมมาก แต่ขอบอกว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิด ตกแก้วละ 80-100 บาทเท่านั้น #มันดีกว่าที่คิด วันนั้นผมลองสั่งไป 2 เมนู ทั้ง Coffee และ Non-Coffee และนี่คือสิ่งที่ผมได้ 1) Pour Over (Drip) ด้วยความที่เห็นว่าบาริสต้ามีความรู้เรื่องกาแฟ แถมวันนั้นไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ ก็เลยขอให้บาริสต้าช่วยดริปกาแฟให้หน่อย เสน่ห์ของ slow bar คือการได้ละเมียดกับทุกขั้นตอนการชงและดื่ม เราสามารถเลือกเมล็ดได้ (วันนั้นเลือกเมล็ดของป่าเมี่ยง มี taste note เป็น blueberry) เพลิดเพลินไปกับการดูบาริสต้าบดกาแฟ ได้ดมกลิ่นกาแฟบดใหม่ๆ ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนเทคนิคการดริปกาแฟ (ใช้กาแฟกี่กรัม ใช้ ratio เท่าไหร่ ความร้อนของน้ำประมาณกี่องศา ฯลฯ) ตอนจบบาริสต้าเสิร์ฟกาแฟให้เราในชุดแก้วคริสตัลอย่างดี เหมือนได้กิน scotch whiskey แบบผู้ดีเลย คือชอบตรงที่ได้ลิ้มรสกาแฟในอุณหภูมิที่ต่างกัน โดยส่วนตัวรู้สึกว่าบาริสต้าชงกาแฟออกมาได้รสตรงปกมาก แก้วนี้ถ้าเสิร์ฟในกรุงเทพฯ คงมี 150 บาทอัพ แต่ที่นี่คิดแค่ 90 บาท ดีมากเฟร่อ ป.ล. นอกจากคุณจะเลือกเมล็ดกาแฟได้แล้ว (ไทย/นอก) คุณยังสามารถเลือก process ระดับการคั่ว รวมถึงอุปกรณ์ที่จะใช้ในการชงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นงานคราฟท์ที่แท้ทรู 2) Mocktail (Tropical Green) พอเริ่มเพลินกับการดูบาริสต้าชงเครื่องดื่ม ก็เลยสั่งเพิ่มอีก 1 เมนู เป็นม็อคเทคที่เราเลือกได้อีกเหมือนกันว่าจะเอาน้ำผลไม้หรือชามาเป็นเบสเครื่องดื่ม ผมเลือกชาครับเพราะไม่อยากได้น้ำตาลเยอะ โจทย์ที่ให้บาริสต้าไปคือ ต้องการเครื่องดื่มหอมๆ จากใบชา ผสมกับความเปรี้ยวของเลมอน มีกลิ่นหอมฟรุ้งฟริ้งออกแนวสดชื่น ทันใดนั้นบาริสต้าก็หยิบใบชามาให้เลือกดมเยอะมาก ผมใช้วิธีตัด choice ออกจนได้ใบชา Tropical Green มาเป็นเบสเครื่องดื่ม ความพิเศษคือบาริสต้าชงเป็นชาร้อนให้เราดื่ม 1 เสิร์ฟ และนำส่วนที่เหลือไปเชคกับน้ำผึ้ง มะนาว กลิ่นวนิลา โรสแมรี่ ทำให้เราสัมผัสรสชาติได้ทั้ง before & after mix คือมันดีงามมากๆ เซ็ตนี้เสิร์ฟทั้งร้อนและเย็นในราคา 100 บาท โอ๊ยๆ ยอมใจให้ในความคุ้มค่าเลย ที่ประทับใจร้านนี้ คงไม่ใช่แค่เราได้เครื่องดื่มในแบบที่เราชอบเท่านั้น แต่เรารู้สึกได้ถึงประสบการณ์สุดเอ็กซคลูซีฟ ไม่ใช่แค่ดื่มและถ่ายรูปให้มันจบๆ ไป แต่เราได้อิ่มเอมกับเรื่องราวในทุกขั้นตอนของการเตรียมเครื่องดื่มจนกระทั่งเราได้ลิ้มรสสัมผัสของเครื่องดื่มนั้นจนหมดแก้ว นี่แหละที่เราเรียกว่า Slow Bar Experience คงไม่ได้มีโอกาสลิ้มรสเครื่องดื่มแบบ Omakase แบบนี้บ่อยๆ พอมาเจอร้านนี้เข้าให้ ก็หลงรักเข้าไปเลยในทันใด... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo