- หน้าแรก
/
- รูป มาซาโตะ (ประเทศไทย)


เปิดประสบการณ์ Omakase course จากเชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาวที่ Sushi Masato >w<พอได้ข่าวว่าเชฟมิชลินสตาร์1 ดาวจาก NY มาเปิดร้านในกรุงเทพชื่อร้านว่า Sushi Masato
ผมนี่ไม่รอช้ารีบหาข้อมูลทันทีเลยฮะ
แล้วความจริงที่โหดร้ายก็คือคิวเต็มไปยันเดือนมีนาแล้ว T^T
เฮ้ย แต่ไม่ลองถามก็ไม่รู้เป่าวะ มันต้องมีลูกค้าแคนเซิลหรืออะไรไรมั่งดิ ( ณ จุดนั้นคิดเข้าข้างตัวเองมาก )
โทรไปถามร้านเลย
“ เต็มหมดแล้วค่ะ ตอนนี้คิวแน่นไปจนมีนาเลยค่ะ “
“ T^T “
( ก็ไม่ได้ผิดคาดมากนัก จริงๆก็แอบเตรียมใจไว้หน่อยนึงแล้วด้วย )
“ ทุกวันเลยหรอคับ... “
“ ใช่ค่ะ มีลูกค้าบุ๊คไว้ทุกวันเลยค่ะ “
กำลังจะกลั้นใจวางสายละ
“ ยกเว้นแต่ลูกค้าจะมาท่านเดียว อาจจะพอมีคิวว่างคะ แต่ไม่คอนเฟิร์มนะคะ “
“ คนเดียวคับผมไปคนเดียว เดี่ยวๆหัวเดียวเลยคับ “
สรุปทางร้านขอเบอร์ไว้ติดต่อกลับ ถ้ามีคิวว่างจะโทรมาแจ้ง
อะนี่คือกุต้องลุ้นอีกแล้วใช่มะ
ว่าแล้วก็ไปผ่อนข้าวร้านป้าหน้าปากซอยกินก่อนละกัน >w<
วันรุ่งขึ้นประมาณบ่ายๆมีเบอร์นิรนามโทรมา
จำได้คร่าวๆว่าเป็นเบอร์ร้านนั้นล่ะ ( ถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นเจ้าหนี้โทรมาทวงเงิน -/\- )
สไลด์รับสายรัวๆๆๆๆๆ
( ไม่ต้องตกใจเครื่องแมร่งค้าง สไลด์ทีเดียวไม่ได้ - -" )
“ สวัสดีค่ะ โทรมาจากร้าน sushi masato นะคะ “
“ คับ “ ( ตอนนี้ทำตาวิ้งๆด้วย ใจก็อยากให้เฟสไทม์นะจะได้เห็นหน้าตรูว่าอยากไปขนาดไหน >w< )
“ ตอนนี้ถ้าสำหรับลูกค้าท่านเดียวยังมีว่างอยู่อีกสามวันค่ะ “
ยกมือทาบอก รู้สึกดีใจเหมือนได้มงนางงามจักรยาน
18 คือเลขที่ออกงวดนี้ รอบ 17.30น.
จองได้แล้ววววววว เย้!!!! ^^
18/02/59
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง
ลืมบอกไป ก่อนวันนัดหนึ่งวันทางร้านโทรมาคอนเฟิร์ม แล้วก็ถามเรื่องแพ้อาหาร หรือไม่ทานอะไรบ้างมั้ยด้วยนะฮะ
เตรียมตัวออกจากบ้านตั้งกะสี่โมงครึ่งกะว่าไปถึงก่อนเวลานัดแน่นอน
จัดแจงอะไรเสร็จก็ไปลุยกันเลย >w<
16.28PM
พุ่งตัวออกจากห้อง หันหัวเข้า bts ทันที
ตอนนั่ง bts ก็เพิ่งมาคิดได้นะว่าบรรยากาศร้านจะเป็นยังไงหว่า
ถ้าบรรยากาศร้านเป็นทางการมากๆ ตรูต้องเกร็งแน่ๆเลย
เชฟก็พูดไทยไม่ได้ ต้องสปีคอิงลิชคุยกัน ไม่ก็ต้องคุยภาษาญี่ปุ่น - -“
โอเลย........โอ้โหไอ้ซัค!!!!
ปัจจุบันภาษาไทย กุยังพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย
จะให้สปีคอิงลิช ล่าสุดที่คุยกับฝรั่ง กุยัง I am a book อยู่เลย
ญี่ปุ่นนี่ยิ่งแล้ว ใครพูดอะไรมา กุ ไฮ่ อย่างเดียว เมิงไม่เอากุก็จะไฮ่ ( คนละให้ละเมิง -*- )
ยังไม่ทันจะคิดอะไรได้หมด ก็มาถึงที่หมายซะแล้ว
ลงพร้อมพงษ์ แล้วเดินไปทางอโศกเลยฮะ
เข้าสุขุมวิท 31 ( ซอยตรงโรงแรม s31 นั่นแล )
แล้วเดินต่อไปอีกไม่ไกลฮะ จะเจอซอยสวัสดี1 อยู่ทางซ้ายมือ
เลี้ยวเข้าไปเลย จะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ
ตอนแรกก็ไม่ชัวร์นะเดินเข้าไปจนสุดซอยร้านแรกเนี่ยล่ะน่าจะใช่ละ
ถึงหน้าตาทางเข้าจะไม่เหมือนในกระทู้ที่อ่านมาก็เถอะ
แอบดันประตูอยู่สองกึ้ก
ล็อคว่ะเข้าไม่ได้อะ - -"
“ เด๋วนะนี่ ร้านเค้าเปิดกี่โมงเนี่ย "
“ ห้าโมงครึ่งT^T "
“ แล้วตอนที่เมิงดันกึ้กๆนี่กี่โมง "
“ สี่โมงห้าสิบเจ็ด T^T “
“ -*- “
เลยแกล้งโทรไปถามเส้นทางกับทางร้านแล้วก็แบบ
“ เอ ผมต้องเข้าซ.สุขุมวิท31ใช่มั้ยคับ แล้วต้องเข้าซ.อะไรต่อนะคับ อ๋อๆผมเจอแล้วคับ นี่พอดีเลย ผมอยู่หน้าร้านแล้วคับ "
แล้วพนักงานก็ต้องออกมาเปิดประตูให้ ตั้งกะห้าโมง 5555
( เป็นคนดีจริงๆเลยตรู ดีออกมากๆเลย ;p )
ไปถึงก่อนเวลาแบบนี้ถ่ายรูปเล่นรอสิฮะ
( ขออนุญาตทางร้านก่อนเรียบร้อยแล้วฮะ ^^ )
ในครัวก็เตรียมของกันไปเรื่อยๆฮะ
งานนี้ใจชื้นขึ้นมาเยอะมาก เพราะมีพนักงานไทย 1
เชฟผู้ช่วยที่เป็นคนไทยอีก 1 คน
( เรียกเชฟผู้ช่วยรึเปล่าหว่าถ้าไม่ใช่ขออภัยด้วยนะฮะ -/\- )
แต่ที่แน่ๆน่ารักทั้งคู่ แอร๊ยยยยยย >/////<
แล้วก็มีพนักงานญี่ปุ่นอีกสองคนที่พูดไทยได้
งานนี้ไม่ต้องหนักภาษามือแล้วฮะ 555
ได้เวลาอันสมควร พนักงานญี่ปุ่นเอาเมนูมาให้ดูก่อนเลย
เป็นเมนูเครื่องดื่มนะฮะ สาเก ไวน์ เบียร์ มีให้เลือกสรร
ชาเขียวร้อนคงเป็นตัวเลือกที่ดีของผมในวันนี้ ทั้งๆที่อยากโดนสาเกมาก T^T
แล้วพระเอกของเราก็ออกมาแสดงตัว เชฟมาสะ ของเรานั่นเอง
เชฟแกกล่าวทักทายเล็กน้อย
ก่อนจะยิงประโยคเด็ดใส่
“ Are you ready? “
เชร้ดดดดด พร้อมมาครึ่งเดือนละ
แต่จะตอบ I am a book ก็เกรงจะเขินเชฟ >///<
เลยตอบกลับแบบแมนๆ
“ No. I am gentleman “ ถรุ๊ยยยย!!!! นั่นมัน lady
ตอบสั้นๆ “ sure "
เริ่มต้นเชฟเอาอุนิมาโชว์ให้ดูก่อนเลย พูใหญ่สวยน่ากินมาก
เห็นแล้วน้ำลายนี่ไหลลามลงไหล่ ไหลลงหลังมากๆ >w<
ที่นี่ใช้อุนิสองแบบคือ มุราซากิ กับ บะฟุน
ชาเขียวมาเสิร์ฟให้ถึงปุ๊บ
เชฟจัดถั่วแระญี่ปุ่นมาให้ขบเล่นๆ ระหว่างรอเชฟบรรจงเริ่มคอร์สแรกของมื้อนี้ >w<
Japanese oyster **
เมนูแรก หอยนางรมญี่ปุ่นจากมิยากิ ( เชฟบอกว่าเพิ่งได้มาเมื่อเช้านี้เลย ) ราดด้วยซอสพอนสึ
หอยสดมาก ครีมมี่สุดๆ เข้ากันดีกับรสเปรี้ยวอมหวานของพอนซึ พร้อมกลิ่นส้มยุซึบางๆ
Sake steamed abalone **
เชฟใช้เป่าฮื้อจากออสเตเรียมา slow cooking นานถึงแปดชั่วโมง จนได้เนื้อเป่าฮื้อที่เด้ง ไม่แข็ง เคี้ยวเพลินมาก แอบมีได้กลิ่นสาเกบางๆ
เชฟบอกว่าน้ำซุปนี่ทำมาจาก สาเก คอมบุ บลาๆๆๆๆ เชฟบอก “ you can drink “ แล้วก็ทำท่ายกซดโชว์ด้วย 555
แอบเขินเลยกินแค่น้ำซุปที่อยู่ในฝาหอย ซุปรสอ่อนๆ ถ้าเข้มข้นกว่านี้ผมคงจะชอบมาก
Nodoguro Kombujime **
เชฟใช้ปลาโนโดกุโระ ( เป็นปลาเนื้อขาว ) เอามาห่อด้วยสาหร่ายคอมบุ( คอมบุจิเมะ ) เชฟใช้คำว่า cured
หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ท็อปด้วยใบชิโสะซอย บีบ และเสิร์ฟพร้อมเกลือ
เนื้อปลาเนียนนุ่ม จิ้มกับเกลือยิ่งอร่อยฮะ >w<
ในระหว่างนั้นเชฟก็เตรียมปลาสำหรับทำซูชิ
เมนูจากครัวร้อนก็มาเสิร์ฟให้แบบน่ารักมาก >w<
Otaru Ika grill *
เป็นปลาหมึกจิ๋วย่างมาหอมมากๆ เนื้อปลาหมึกชุ่มช่ำไม่แห้งเลย เคี้ยวหนุบหนับอร่อยดีฮะ
Tomato
อันนี้เป็นมะเขือพันธุ์ญี่ปุ่นแต่ปลูกที่เพชรบูรณ์ คงเอามาต้มแล้วปลอกเปลือกฮะ
มะเขือเทศ เปรี้ยวอมหวาน ใช้ล้างปากได้ดีที่เดียวเพราะจากนี้เชฟจะจัดเป็นซูชิมาให้ได้ลิ้มลองแล้วฮะ
เชฟเตรียมขิงดองให้ แล้วก็ที่แท่นเสิร์ฟซูชิ ( เรียกงี้เป่าหว่า ^^" )
มีที่เช็ดมือให้สำหรับคนที่ใช้มือทานด้วยนะ
ถึงเชฟมาสะจะดูมาดขรึมๆหน่อย แต่แกก็จะคอยชวนคุยเป็นระยะนะฮะ
แล้วก็คอยบอกรายละเอียดของแต่ละเมนู บางทีก็จะเล่าเรื่องสมัยตอนที่ทำงานที่ NY ให้ฟัง ^^
ผมว่านี่เป็นเสน่ห์ของการนั่งกินเคาเตอร์บาร์เลยนะฮะ ไม่ใช่แค่ได้เชฟทำอาหารให้เรากิน
แต่การสนทนาพูดคุยกันระหว่างลูกค้ากับเชฟ มันยิ่งทำให้รู้สึกสนุกกับการกินมากขึ้นจริงๆนะ
( ถึงเชฟจะพูดมาสิบคำแล้วผมแปลออกแค่คำเดียวก็เถอะ 5555 ;p )
เชฟปั้นคำแรกอย่างว่องไวมาก
วางเสิร์ฟให้เรียบร้อย
Hotate
เป็นหอยโฮตาเตะโรยด้วยเปลือกส้มยูซึ หอยสดดี รสหวานหอมมาก แต่คำนี้ไม่ว้าวนะ ^^”
Ika
ปลาหมึกสด เด้ง เคี้ยวมันส์ดีฮะ
Kinmedai **
คำนี้ไม่ธรรมดาเลยฮะ ไม่รู้จะเรียกว่าอะบุริได้มั้ย เชฟจะใช้ถ่านไม้มาเบิร์นปลาคินเมะไดซักครู่นึงก่อนจะโรยด้วยเกลือ
คือบอกเลยว่าเจ๋งมากไม่เคยเห็นที่ไหนทำแบบนี้เลย ปลาเนื้อแน่นหอมถ่านมากๆแล้วก็มีความหอมของเนื้อปลาที่โดนย่างด้วย คำนี้โดนฮะ
Chutoro ***
คำนี้เนียน นุ่ม หอม มันส์ กำลังดี ชอบฮะ
Akami Zuke
เชฟจะเอาอะคามิมาแช่ในซอสโชยุซักครุ่นึง ก่อนจะนำมาปั้นเป็นซูชิ
คำเนื้อแน่นดีฮะ เข้ากับซอสดี แต่ผมไม่ใช่แฟนอะคามิอยู่แล้วฮะ ;p
จังหวะที่รอเชฟแช่อะคามิเลยเล่าให้ฟังว่าร้านนี้เป็นร้านซูชิยุคเก่า จะเห็นว่าไม่มีตู้แช่เหมือนที่เราๆเคยเห็น
แต่จะใช้เป็นกล่องไม้สำหรับเก็บรักษาอุณหภูมิไว้ เชฟบอกราคาไอ้กล่องนี่ให้ฟังด้วย แต่จำไม่ได้อะรู้แต่ว่าแพง
Iwashi
อิวาชิ สดดี ไม่คาว แต่ก็เฉยๆนะฮะ
Akagai *
หอยแครงญี่ปุ่น เนื้อกรุบ เด้งสู้ฟัน อร่อยดีฮะ
Botan Ebi **
กุ้งสด เนื้อแน่นกรอบ หวานมาก >3<
Saba
คำนี้เป็นปลาซาบะท็อปด้วย ชิโระคอมบุ ไม่คาว คำค่อนไปทางเฉยๆฮะ
Uni ***
มาแล้วฮะ เชฟคว้ากล่องอุนิขึ้นมาแล้วฮะ ต้องบอกเลยว่าคำนี้ที่รอคอย
แต่เด๋วก่อน เชฟไม่ได้ปั้นเป็นคำฮะงานนี้
ก่อนจะได้กินอุนิต้องเพิ่มอุปกรณ์กันก่อน มีช้อนมาเสริมทัพ
เชฟบรรจงวางให้อย่างตั้งใจ ไม่รอช้าจัดเลยฮะ
เริ่มด้วยมุราซากิก่อนเลย ครีมมี่มากๆ หอม หวานนิดๆ ละมุนมากคือฟินสุดๆ
ต่อด้วยบะฟุน มันไม่ครีมมี่เท่ามุราซากิ แต่มันหอมกว่าชัดมากๆ แล้วก็หวานกว่านิดหน่อยแต่ผมว่าไม่โดดกันมาก
เมนูนี้ไม่เสียแรงที่คาดหวังจริงๆ อร่อยมากกกกกกกกก อยากกินอีก 5555
Anago ****
ต้องบอกว่าคำนี้ผมตายเลยฮะ >w<
ขออนุญาตนะ แต่คำนี้แมร่งพีคสัสๆจริงๆ
ทั้งกลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส คำนี่คือที่สุดของมื้อนี้สำหรับผมเลย
และก็เป็นครั้งแรกที่ได้กินอะนาโกะที่อร่อยขนาดนี้ เหมือนเว่อร์นะ แต่นี่พูดจริงๆจากใจเลย
ตอนกินนี่คือดีดมากพูดเลย เห็นเลยว่าเชฟแอบงงนิดนึง
เลยต้องบอกให้แกเข้าใจ ( กุไม่ได้บ้านะเว้ย )
“ This is the best anago in my life. ”
เชฟแกก็ Oh!!!!!!
เอาว่าต้องเรียกพนักงานมาให้ช่วยอธิบายว่าที่ผมเคยกินๆมามันเป็นยังไง
เชฟแกตอบว่า อะนาโกะจริงๆต้องเป็นแบบนี้ เจอประโยคนี้เข้าไปผมจะยอมให้เชฟหล่อกว่าผมวันนึงเลยเอ้า ;p
Kampyo maki
คัมเปียวนี่คือทำมาจากน้ำเต้า ( มั้งนะ ) ถ้าเข้าใจไม่ผิด
เชฟเอามาทำเป็นมากิให้ คำนี้อันนี้เฉยๆ
แต่ที่แน่ๆคือรู้เลยว่าจะจบคอร์สของมื้อนี้แล้วล่ะ T^T
Tamago
จริงอย่างที่คิด เชฟหันไปเตรียมไข่หวานให้ซะแล้ว
ไข่หวานอร่อยดีฮะ เนื้อเนียน ละมุน กลมกล่อมมากๆ >w<
Soup
ซุปใสพร้อมลูกชิ้นปลาซาดีน ( ถ้าฟังไม่ผิดนะ ถ้าผิดก็โทษเชฟที่พูดไทยไม่ได้นะ ;p )
ลูกชิ้นเนื้อเนียนดีฮะ ซุปรสอ่อนๆ แต่กลิ่นผักที่ใส่โดดไปหน่อยนึง ^^”
Longan granita
เป็นเหมือนเกร็ดน้ำแข็งอะ ท็อปด้วยเม็ดทับทิมแดง อันนี้เหมือนกินน้ำแข็งใสไม่ราดน้ำแดงอะ 555
Mineoka tofu *
มาแล้วฮะ เมนูพิฆาต ตรูไม่ชอบเค้าหู้
ดูจาหน้ามันคือเต้าหู้ราดด้วยไซรัปเลยล่ะ ดูทรงไม่น่ารอด
แต่พอเอาช้อนตักเท่านั้นล่ะ มันออกหนึบนิดๆ เหนียวหน่อยๆ
ใส่ปากนี่คือกลิ่นเต้าหู้ชัดเจน แต่เนื้อเต้าหู้นวลมาก พอเจอความหอมของน้ำตาลทรายแดงเข้าไป
โอเค อร่อยดีนะ >w<
เป็นอันเสร็จสิ้นคอร์สทั้งหมดของมื้อนี้ฮะ
สรุป Omakase วันนี้มีทั้งหมด 21 courses (ไม่รวม complimentaryนะ) คอร์สหลากหลายดีฮะ
บรรยากาศร้านค่อนข้างฟอมอลเลยฮะ แต่ว่าเชฟมาสะเป็นกันเองมาก เลยไม่รู้สึกกดดันอย่างที่คิดไว้
พนักงานที่นี่ก็ดูแลดี แถมเป็นล่ามชั้นยอดให้ผมด้วย ขอบคุณมากๆ 555
ค่าเสียหายมื้อนี้ 3,531บาทไทย
สำหรับผมประทับใจมากฮะ รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก เป็นการเป็นกิน Omakase ที่สนุกแล้วก็แฮปปี้จริงๆฮะ
มีมาซ้ำแน่ๆ แต่ขอเก็บตังก่อนนะ อิอิอิ >w<
ปล. ช่วงที่ผมมากินยังเป็นช่วง Opening soft นะฮะ ราคานี้เลยได้จำนวนคอร์สที่หลากหลายมาก หลังจากนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงใครสนใจก็ลองโทรถามรายละเอียดจากร้านก่อนนะฮะ
5 Likes0 Comment



