ถ้าผู้หญิงแบบเรา ๆ ต้องแต่งหน้าออกจากบ้านทุกวัน สิ่งที่ควรให้ความสำคัญพอ ๆ กับการเลือกซื้อเครื่องสำอางเลยก็คือ การเลือกใช้ "คลีนซิ่ง" ทำความสะอาดผิวหน้าใช่ไหมคะ เพราะผิวของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม แล้วแบบนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าผิวแบบเราต้องเลือกใช้คลีนซิ่งแบบไหน วันนี้ Wongnai Beauty จะพาสาว ๆ ไปดูกันว่าคลีนซิ่งมีกี่ประเภท และเหมาะกับผิวแบบไหนบ้าง พร้อมแล้วไปดูกันเลยย
ประเภทที่ 1 : คลีนซิ่งน้ำ

คลีนซิ่งแบบน้ำจะเป็นน้ำใส ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Oil-Free คือไม่มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ ใช้งานง่าย คลีนซิ่งน้ำบางยี่ห้อเช็ดแล้วไม่ต้องล้างน้ำตามได้ด้วยก็มี เวลาจะล้างหน้าแค่เทคลีนซิ่งแบบน้ำลงบนสำลี จากนั้นก็เช็ดตามจุดที่เราลงเครื่องสำอางบนใบหน้าได้เลย แอบบอกว่ายี่ห้อไหนมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเครื่องสำอางสูง จำนวนสำลีที่เราใช้จะน้อยนั่นเองง
เหมาะกับใคร : ผู้หญิงผิวมันไปสอยคลีนซิ่งแบบน้ำมาใช้ได้เล้ยย
ข้อดี : ไม่ทิ้งความเหนียวและความมันไว้บนใบหน้าของเรา สามารถล้างเครื่องสำอางเฉพาะจุดได้ดี
ข้อเสีย : ไม่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำได้อย่างหมดจด
ประเภทที่ 2 : คลีนซิ่งออยล์

มาต่อกันที่คลีนซิ่งออยล์ สำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้าหนักบ้างเป็นบางวัน คลีนซิ่งออยล์คือไอเท็มที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ เพราะคลีนซิ่งออยล์มีลักษณะเป็นน้ำผสมกับน้ำมันที่สามารถล้างเครื่องสำอางได้ โดยเฉพาะเครื่องสำอางแบบกันน้ำ วิธีใช้ก็ใช้ง่ายเหมือนคลีนซิ่งทั่วไปเลยค่ะ แค่เทลงบนฝามือแล้วนวดเบา ๆ บนใบหน้า จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นอันเสร็จ
เหมาะกับใคร : ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยจ้าา
ข้อดี : คลีนซิ่งออยล์ใช้แทนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรอบดวงตา กับริมฝีปากอย่าง Lip & Eyes Remover ได้
ข้อเสีย : บางยี่ห้ออาจทิ้งคราบมันไว้ ต้องเลือกดี ๆ นะจ๊ะ
ประเภทที่ 3 : คลีนซิ่งเจล

คลีนซิ่งเจลเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ เนื้อคลีนซิ่งจะใส่ ๆ ไม่เหนียวลื่น ๆ บางยี่ห้ออาจจะเป็นเนื้อเจลขุ่น ๆ ซึ่งคุณสมบัติของคลีนซิ่งเจลมีความหลากหลายแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนผสม หรือวิธีการใช้งานอันนี้ก็แล้วแต่ยี่ห้ออีกเหมือนกัน บางยี่ห้อเช็ดเสร็จแล้วไม่ทิ้งคราบมันเอาไว้บนผิวหน้าก็มี สาว ๆ ต้องอ่านส่วนผสมดี ๆ ก่อนสอยไปใช้นะคะ
เหมาะกับใคร : คนผิวมัน ผิวแพ้ง่าย และผิวธรรมดา
ข้อดี : ส่วนใหญ่คลีนซิ่งเจลจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเอาไว้ด้วย ใช้แล้วผิวไม่แห้งตึง
ข้อเสีย : คลีนซิ่งเจลบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของน้ำมัน สาวผิวมันต้องเลือกดี ๆ
ประเภทที่ 4 : คลีนซิ่งน้ำนม

ใครเคยใช้คลีนซิ่งน้ำนมกันบ้างคะ คลีนซิ่งน้ำนมจะมีเนื้อเป็นน้ำสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม บางยี่ห้อเนื้อละมุนมากกก วิธีใช้ก็เทเนื้อคลีนซิ่งลงบนฝ่ามือ จากนั้นก็นวดเบา ๆ ทั่วใบหน้าจนเครื่องสำอางออกจนหมด แล้วใช้สำลีหรือฟองน้ำชุบน้ำเช็ดออก ทำซ้ำแบบเดิมเมื่อเรารู้สึกว่าผิวหน้ายังไม่สะอาดพอได้นะคะ
เหมาะกับใคร : คลีนซิ่งน้ำนมใช้ได้กับผู้หญิงผิวผสม และผิวแพ้ง่าย
ข้อดี : นอกจากคลีนซิ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า การใช้คลีนซิ่งชนิดนี้ยังช่วยบำรุงผิวไปในตัวด้วย
ข้อเสีย : สำหรับบางยี่ห้ออาจรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหน่อย
ประเภทที่ 5 : คลีนซิ่งครีม

ต้องบอกก่อนว่าคลีนซิ่งเนื้อครีมเป็นตัวเลือกที่สาว ๆ แบบเราจะเลือกใช้น้อยที่สุด เพราะว่าเค้าจะมีความเข้มข้นเหมือนสกินแคร์บำรุงผิวหน้าเลยค่ะ เวลาเราจะล้างหน้าก็ง่ายมาก ปาดเนื้อคลีนซิ่งลงบนใบหน้าแล้วถูวน ๆ ให้ทั่วทุกจุดที่เราต้องการทำความสะอาด หลังจากนั้นก็เช็ดออกด้วยสำลี หรือใครจะใช้น้ำสะอาดล้างก็แล้วแต่เลยจ้าา
เหมาะกับใคร : ผู้หญิงผิวธรรมดา และผิวแห้งถึงแห้งมาก
ข้อดี : เพราะเค้าเป็นเนื้อครีมที่เข้มข้น ทำให้ล้างผลิตภัณฑ์พวกรองพื้นได้ดี
ข้อเสีย : สาวหน้ามันไม่ควรลองใช้คลีนซิ่งประเภทนี้เลยค่ะ เพราะอาจจะทำให้หน้ามันกว่าเดิมได้
ประเภทที่ 6 : คลีนซิ่งบาล์ม

ตัวคลีนซิ่งบาล์มเนื้อเชอร์เบทเข้มข้น มีความคล้ายกับคลีนซิ่งเนื้อครีมแต่จะหนืดกว่า และบางยี่ห้อก็อาจจะใส่สครับสำหรับขัดผิวเอาไว้ด้วย วิธีใช้งานก็เหมือนกันเลยค่ะ ปาดตัวบาล์มลงมือแล้วเอามานวดหน้าวน ๆ จนกว่าเครื่องสำอางจะออกหมด หลังจากนั้นก็ไปล้างน้ำสะอาดได้เลย สะดวกดีใช่ไหมคะ
เหมาะกับใคร : ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยค่าาา
ข้อดี : เวลาเราล้างหน้าแล้วนวดผิวไปด้วย จะรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย
ข้อเสีย : คลีนซิ่งเนื้อบาล์มจะมีความเหนียวเหนอะหนะมากกว่าคลีนซิ่งประเภทอื่น ๆ
ประเภทที่ 7 : คลีนซิ่งแผ่น

สาว ๆ ที่ชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศต้องเคยใช้คลีนซิ่งแผ่นกันแน่นอน ขึ้นมาว่าแผ่น ลักษณะของเค้าก็จะมาแบบแผ่นเหมือนทิชชู่เปียก ทุกยี่ห้อจะมีความแตกต่างแค่ส่วนผสมเท่านั้น เพราะคลีนซิ่งแบบแผ่นจะมีส่วนประกอบเป็นตัวทำความสะอาดผิวหน้าอยู่ด้วย ดังนั้นทางที่ดีเวลาพกไปไหนมาไหนดูดี ๆ ก่อนหยิบมาเช็ดหน้ากันนะคะ
เหมาะกับใคร : ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเหมือนเดิมเลยค่ะ
ข้อดี : พกพาสะดวก ใช้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ข้อเสีย : ต้องเช็ดหน้าหลายแผ่น ไม่สะอาดหมดจดเท่าคลีนซิ่งประเภทอื่น ๆ
รู้แบบนี้แล้ว ถ้าต่อไปคลีนซิ่งหมดต้องซื้อใหม่ สาว ๆ คงเลือกกันถูกใช่ไหมคะ ว่าผิวอย่างเราต้องใช้คลีนซิ่งแบบไหน อย่าลืมว่าการเลือกคลีนซิ่งที่เหมาะกับผิวของเราเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญพอ ๆ กับการเลือกใช้สกินแคร์เลยค่ะ เพราะถ้าเลือกคลีนซิ่งไม่ดีผิวแพ้ขึ้นมาสิวก็อาจจะถามหาได้
บทความเกี่ยวกับการใช้สกินแคร์และขั้นตอนเช็ดหน้า