ททท. x Wongnai ชวนเที่ยวแบบ One Day Trip ไปหลงรักเกาะรัตนโกสินทร์ เยือนย่านกรุงเก่าที่คงเสน่ห์ไว้ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอาหารเด็ด ๆ ที่ผ่านเรื่องราวมาหลายสิบปี และทริปนี้เที่ยวง่ายแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า ที่มีตัวเลือกเยอะมากทั้งรถไฟฟ้า แท็กซี่ไฟฟ้า และตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า เป็นย่านกรุงเก่าที่มีสไตล์และเที่ยวง่ายที่สุด!

1สถานีสามยอด
ทริปนี้เรานั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปลงที่สถานีสาทร จากนั้นเดิน 1 นาที ไปที่ท่าเรือสาทร เพื่อนั่งเรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry ไปลงที่ท่าเรือปากคลองตลาด ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที (ค่าโดยสาร 15 บาท) ซึ่งท่าเรือนี้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เดิน 3 นาทีก็ถึงสถานีสนามไชย สามารถนั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินไปลงที่สถานีสามยอด (ค่าโดยสาร 16 บาท) ใช้เวลา 2 นาที หรือเรียกแท็กซี่ไฟฟ้า หรือตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า จากท่าเรือปากคลองตลาดไปสถานีสามยอดก็ได้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

สถานีสามยอดมีสถาปัตยกรรมโดดเด่นอาคารสีครีมประตูหน้าต่างสีเขียวสวยงามในรูปแบบชิโนโปตุกีส ย้อนยุคไปในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสาเหตุที่สถานีออกแบบด้วยสีนวลสวยเป็นเอกลักษณ์ต่างจากยุคปัจจุบันก็เพื่อให้กลมกลืนไปกับบ้านเรือนเก่าแก่บนเกาะรัตนโกสินทร์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบเดียวกันนั่นเอง


2ออน ล็อก หยุ่น
จากสถานีสามยอดเดินไปตามถนนเจริญกรุงแค่ 1 นาที ก็พบร้านอาหารเช้าเก่าแก่เป็นตำนานของย่านพระนคร ออน ล็อก หยุ่น ที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นยาวนาน 80 กว่าปี อาหารเช้าคลากสิกที่นี่มีทั้งแนวตะวันตกเป็น “ไข่กวน” เพิ่มท็อปปิ้งได้สูงสุด 4 อย่างคือเบคอน ไส้กรอก แฮม และกุนเชียง กินคู่กับ “ขนมปังปิ้ง” กรอบ ๆ ยิ่งดี และอาหารเช้าสไตล์ไทยก็มีอย่าง “โอยั๊วะ” กาแฟดำร้อนสักแก้ว กินคู่ “ขนมปังสังขยา” ให้ความรู้สึกเป็นสภากาแฟยามเช้าเก่าก่อน

3 คลองโอ่งอ่าง

กินอิ่มแล้วออกไปเดินเล่นถ่ายรูปกันที่ คลองโอ่งอ่าง เดินจากสถานีสามยอดไปที่สะพานดำรงสถิตจุดเริ่มต้นของสตรีทอาร์ตคลองโอ่งอ่างแค่ 1 นาทีเท่านั้น คลองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของคลองรอบกรุงที่ต่อจากคลองบางลำพูไปออกแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสาเหตุที่ได้ชื่อว่าคลองโอ่งอ่างเพราะเคยเป็นแหล่งค้าขายเครื่องดินเผาของชาวมอญและชาวจีน ล่าสุดที่นี่ได้รับการปรับภูมิทัศน์ใหม่ให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของคนกรุงเทพฯและได้รับรางวัล 1 ใน 6 ประเทศต้นแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์อีกด้วย

ตลอดช่วงคลองรอบกรุงแบ่งโซนให้กิน เที่ยว ชอป ถ่ายรูป ผ่าน 5 สะพานด้วยกันคือ สะพานดำรงสถิต สะพานภานุพันธ์ สะพานหัน สะพานบพิตรพิมุข และสะพานโอสถานนท์ โดยอาคารสองฝั่งคลองมีกราฟิตี้วาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่าง Alex Face กับผลงานน้องมาร์ดีเด็กสามตาที่รับบทกระถางต้นไม้สื่อถึงชุมชนที่เคยขายเครื่องปั้นดินเผา Joker กับผลงานโรงลิเกแห่งแรกของประเทศไทย Mauy & Msv กับผลงานความหลากหลายของเชื้อชาติทั้งคนไทยเชื้อสายอินเดียย่านพาหุรัดและคนไทยเชื้อสายจีนย่านสำเพ็ง Bigdel กับผลงานสไตล์การ์ตูนสื่อถึงย่านสะพานเหล็ก ร้านของเล่น เกมส์ และกล้องถ่ายรูป


4ร้านแดงโภชนา
ถ่ายรูปเสร็จแล้ว แวะเติมพลังกันอีกรอบ เดินแค่ 3 นาที จากสถานีสามยอดไปถนนวังบูรพาในซอยพีรพงษ์ ก็พบอีกหนึ่งร้านเด็ดของวังบูรพาภิรมย์ ร้านแดงโภชนา ขายมานานกว่า 50 ปี ทีเด็ดคือเป็ดย่างสูตรฮ่องกง เนื้อนุ่ม หนังกรอบ กิน “ข้าวหน้าเป็ด” คู่กับซอสหวานมันเข้มข้น หรือ “บะหมี่เป็ด” ก็ได้ แต่แนะนำให้สั่ง “หมูกรอบ” มากินคู่กันเพิ่มความแน่นของโปรตีน พิเศษทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีหมูสะเต๊ะให้กินด้วย

5กระทรวงกลาโหม

จากนั้นใช้บริการตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าจากสถานีสามยอดไปถ่ายรูปกันต่อที่ กระทรวงกลาโหม ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาที (ค่าบริการ 1 คน 17 บาท ถ้าแชร์กันสูงสุด 6 คน ค่าบริการ 45 บาท ตกคนละ 7.5 บาท เป็นยานพาหนะที่แชร์หลายคนราคายิ่งถูกลง) อาคาร 3 ชั้นสวยงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโอคลาสิคแบบนีโอปัลลาเดียน ลักษณะเด่นคือผังมีลักษณะเกือบสี่เหลี่ยม เสากลมขนาดใหญ่ หัวเสาแบบโรมัน บานหน้าต่างและสีสันคล้ายคลึงกับสถานีสามยอด


ที่นี่สามารถมาเดินเล่นถ่ายรูปรอบ ๆ อาคารได้ตลอดวัน ช่วงเวลาแนะนำคือตอนเย็นและวันหยุดราชการ เพราะจะไม่พบรถจอดข้าง ๆ อาคารเลย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นย้อนยุคอยู่ย่านเมืองเก่า ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ หากแต่มีวิวฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารกระทรวงสำคัญ ๆ รวมถึงวัดพระแก้วที่โดดเด่นเป็นอีกสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ใครชอบถ่ายรูปขอบอกเลยว่าห้ามพลาด

6 ซอยแพร่ง
จากกระทรวงกลาโหมเดินข้ามสะพานช้างโรงสีมา 2 นาที ก็เป็นส่วนของซอยแพร่ง แบ่งออกเป็น 3 แพร่งด้วยกันคือ แพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์ แต่ละซอยมีร้านค้าขายอาหารให้เลือกหลากหลาย และมีจุดเด่นต่างกันอย่าง แพร่งสรรพศาสตร์ จุดเด่นคือซุ้มประตูที่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก มีประติมากรรมรูปเทพธิดา และอาคารในซอยมีการรีโนเวทขึ้นมาใหม่ ให้ความเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่สวยงาม

ส่วน แพร่งนรา เดิมทีเป็นวังเก่าของพระโอรสในรัชกาลที่ 4 เมื่อตัดถนนแพร่งนราผ่านกลางวังแล้ว ได้สร้างตึกแถวขึ้นสองฝั่งถนนรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ปัจจุบันตึกแถวยังคงอยู่และอนุรักษ์ตำหนักไม้เก่าหลังเล็ก 2 ชั้นไว้ ซึ่งเคยเป็นโรงละครปรีดาลัย โดยอาคารเป็นไม้ฉลุลวดลายสวยงามอ่อนหวานแบบไทย ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนตะละภัฏศึกษา โรงเรียนเอกชนในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนปิดตัวลงเมื่อปี พ.ศ. 2538 ส่วน ซอยแพร่งภูธร มีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมยุโรปคล้ายกับแพร่งนรา แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหน้าตาบานประตูที่ต่างกัน


7 ศาลเจ้าพ่อเสือ
จากซอยแพร่งสรรพศาสตร์เดินต่อบนถนนตะนาวอีก 2 นาที ก็ถึง ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าจีนเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และย้ายมาอยู่บนถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า ในช่วงรัชกาลที่ 5 ที่นี่สร้างขึ้นตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน เทพเจ้าประจำศาล คือ เสียนเทียนซั่งตี้หรือเจ้าพ่อเสือ เป็นที่เคารพนับถือของทั้งคนไทยและจีนเป็นอย่างมาก นิยมมากราบไหว้เสริมดวง แก้ชง

8หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร
เดินต่ออีก 6 นาทีไปตามถนนตะนาวตัดผ่านสี่แยกที่ถนนใหญ่ราชดำเนินกลางก็พบหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นที่นี่เป็นอาคารเก่าที่ได้รับการบูรณะเป็นแหล่งความรู้แห่งใหม่ใจกลางถนนราชดำเนิน สร้างขึ้นเพราะยูเนสโกยกให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองหนังสือโลกปี 2013 อาคารข้างนอกมีสีเหลืองโดดเด่นน่าถ่ายรูป ตั้งอยู่ติดกับถนนข้าวสารแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงเทพฯ

9 ท่ามหาราช
จากนั้นนั่งตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 3 นาที จากหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานครไปท่ามหาราช (ค่าบริการ 1 คน 23 บาท แต่ถ้าแชร์สูงสุด 6 คน ค่าบริการ 49 บาท ตกคนละ 8 บาทกว่า ๆ) ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งเดียวในย่านกรุงเก่า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งพระนคร ถือเป็นคอมมูนิตีมอลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเครื่องประดับ ภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้สถานที่นี้เป็นที่พักผ่อนของทุกคน โดยสามารถเดินทางเชื่อมต่อยานพาหนะได้หลากหลายทั้งรถตุ๊กตุ๊ก รถเมล์ และเรือ


10ร้านอาหารท่าอรุณ

เรียกตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าอีกครั้งใช้เวลา 3 นาที นั่งจากท่ามหาราชไปปิดท้ายกันที่ ร้านอาหารท่าอรุณ (ค่าบริการ 1 คน 19 บาท เมื่อแชร์สูงสุด 6 คน 49 บาท ซึ่งสามารถเลือกนั่งคนเดียวแบบไม่แชร์กับใครก็ได้เหมือนกัน) ที่นี่เหมือนพาย้อนเวลากลับไปช่วงรัชกาลที่ 4-5 เพราะการตกแต่งผสมผสานเฟอร์นิเจอร์จากยุโรปในคอนเซปต์เห่อฝรั่ง สื่อถึงช่วงเวลาที่วัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามาในประเทศไทย และความดีงามของร้านคือตั้งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยามีวิววัดอรุณฯ อยู่ฝั่งตรงข้าม สวยงามโรแมนติกมาก ๆ ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดินไปจนถึงค่ำ เหมาะกับการมาดินเนอร์กับคนพิเศษ

อาหารที่นี่เป็นไทยทวิสต์แนะนำ “ข้าวเนื้อย่างผัดพริกขี้หนูสดไข่ออนเซน” ข้าวหอมนุ่มท็อปด้วยเนื้อย่างชิ้นใหญ่ผัดจนได้รสเผ็ดสไตล์ไทยเพิ่มความนัวด้วยไข่ออนเซน “แกงบุ่มไบ่ไก่” ที่โดดเด่นเรื่องเครื่องเทศรสชาติคล้ายคลึงกับแกงมัสมั่น และ “การเวกสอดสี” อาหารว่างไทยโบราณ หากินได้ยาก เป็นกุนเชียงที่ห่อหุ้มด้วยกุ้งสับกับมันหมูเสิร์ฟแบบหั่นเฉียงคล้ายดอกการเวก ส่วนเครื่องดื่มที่ร้านนำวัตถุดิบของไทยมาเป็นส่วนผสมแต่ละแก้วมีเอกลักษณ์ที่น่าค้นหาและลิ้มลอง


เที่ยวกรุงเทพทริปนี้อิ่มอร่อย ถ่ายรูปสนุก นอกจากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่คุ้นเคยแล้ว เรายังลองใช้บริการแท็กซี่ไฟฟ้าและตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ช่วยลดมลพิษในสิ่งแวดล้อมด้วย โดยสามารถเรียกรถแท็กซี่ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชั่น Taxi OK ของกรมการขนส่งทางบก และคอลเซ็นเตอร์ 0-2039-8888 สะดวกสบาย อุ่นใจ ค่าบริการเริ่มต้นที่ 150 บาท กิโลเมตรต่อไป 16 บาท ส่วนตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเรียกผ่านแอปพลิเคชั่น MuvMi รวดเร็วสะดวกไม่แพ้กันที่สำคัญค่าบริการถูกมากเริ่มต้นแค่ 10 บาท เที่ยวได้รอบเกาะรัตนโกสินทร์เลย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง โทร.1672 และ Wongnai.com