ไม่ว่าจะโอกาสไหนที่เราต้องใช้แหวนเพชร สาว ๆ ทุกคนคงอยากเลือกว่าจะใช้เพชรแบบไหน กะรัตเท่าไหร่ ต้องดูสียังไงใช่ไหมคะ วันนี้ Wongnai Beauty เลยทำขั้นตอนการเลือกแหวนเพชรมาฝากจ้าา เผื่อสาวคนไหนอยากได้แหวนเพชรจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปยืนเลือกนาน ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยยย
ขั้นตอนที่ 1 : กำหนด Budget ของแหวนเพชร

สิ่งแรกที่สาว ๆ ควรทำตอนคิดว่าจะซื้อแหวนเพชรก็คือ กำหนดงบประมาณของแหวนเพชรที่เราอยากได้ เพราะจะได้ควบคุมวงเงินไม่ให้บานปลายเลยเถิดไปไกล ที่สำคัญเมื่อเรารู้จำนวนเงินมันจะยิ่งง่ายต่อการเลือกแหวนเพชรมาก ๆ พอเราได้งบประมาณในใจแล้ว ก็เดินเข้าไปบอกพนักงานได้เลยค่ะ ทีนี้พนักงานก็จะหยิบแหวนเพชรที่อยู่ในงบประมาณมาให้เราเลือก
ราคาของเพชรกำหนดได้จาก :
- ขนาดของเพชร : ยิ่งเม็ดใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง
- น้ำเพชร : สีของเพชร และการเจียระไน
- ดีไซน์ : รูปทรงของเพชร หรือ ตัวเรือน
- ความสะอาดของเพชร : ตำหนิของเพชร (ที่เกิดจากธรรมชาติ)
ขั้นตอนที่ 2 : เลือกกะรัตของเพชร

เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า "กะรัต" กันก่อน กะรัต คือ หน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชร หรือจะเรียกให้ง่ายกว่านั้นก็การเลือกขนาดของเม็ดเพชรนั่นเองง หากสาว ๆ กำหนดงบประมาณได้แล้ว เวลาเลือกกะรัตก็จะง่ายขึ้นค่ะ เพราะขนาดของเม็ดเพชรจะส่งผลต่อราคามากที่สุด ยิ่งเพชรเม็ดใหม่ราคาก็จะยิ่งสูงงง
ขั้นตอนที่ 3 : เลือกรูปทรงของเพชร

หลายคนอาจมีรูปทรงเพชรในใจก่อนไปร้านอยู่แล้ว อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลย ซึ่งทรงเพชรยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ชอบกันก็คือ เพชรทรงกลม เพราะเวลาเพชรทรงกลมอยู่บนตัวเรือนจะดูสวยสง่ากว่าเพชรทรงอื่น ๆ อีกอย่างเพชรทรงกลมเป็นทรงที่เจียระไนออกมาแล้ววิบวับแวววาวเล่นแสงได้มากที่สุด ถือเป็นทรงเพชรที่สวย สมมาตร และเป็นทรงเพชรที่สมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งยังมีความหมายดีด้วย (ทรงกลมของเพชรหมายถึงรักแบบไม่สิ้นสุด)
ขั้นตอนที่ 4 : กำหนดสัดส่วนของเพชร

มาดูสัดส่วนของเพชรกันบ้าง สัดส่วนของเพชรได้มาจากการเจียระไนอีกเหมือนกัน ความหมายของเราก็คือยิ่งเจียระไนสัดส่วนของเพชรดีแค่ไหน เพชรก็ยิ่งแวววาวมากขึ้นเท่านั้น การดูสัดส่วนของเพชรไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า เราสามารถดูได้จากใบรับรองมาตรฐาน (Certificate) ซึ่งพิจารณาได้จาก 3 ส่วนดังนี้
- Cut Grade : เกรดของเพชร
- Polish : การขัดเพชร
- Symmetry : สมมาตรของเพชร
ขั้นตอนที่ 5 : เลือกสีของเพชร

เพชรสีขาวสะอาดที่สุดคือเพชรน้ำ 100 หรือ D Color เรียกอีกอย่างว่าเพชรไร้สี สามารถเปรียบเทียบกับเพชรเม็ดอื่นได้ด้วยตาเปล่า คือเราจะเห็นความแตกต่างของสีเพชรทันที โดยธรรมชาติแล้วถ้าไม่ใช่เพชรน้ำ 100 จะมีโทนสีอมเหลืองหรือน้ำตาลปนอยู่ด้วย ทำให้เพชรมีความแวววาวสดใสน้อยกว่า และมีมูลค่าต่ำกว่าเพชรน้ำ 100 (D Color) ฉะนั้นหากต้องการเพชรที่ดีที่สุดให้เลือกสี D Color หรือลดลงตามลำดับ
ลำดับของสีเพชร :
- D Color น้ำ 100
- E Color น้ำ 99
- F Color น้ำ 98
- G Color น้ำ 97
- H Color น้ำ 96
- ไล่ จนถึง Z ซึ่งจะสีออกเหลืองไปเลย
ขั้นตอนที่ 6 : รูปแบบการฝังเพชรบนแหวน

เวลาเราใส่แหวนเพชรสิ่งที่เด่นออกมาก็คือเพชร ฉะนั้นสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ เลยคือรูปแบบการฝังเพชรบนแหวน หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าทำไมเราต้องเลือกด้วย ก็เพราะการฝังเพชรมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเพชรเม็ดเดี่ยวฝังหนามเตย, เพชรฝังหุ้ม, เพชรฝังเหยียบ หรือฝังหน้าจม และเพชรฝังสอด หรือฝังล็อก ทำให้ตัวเรือนที่เราจะได้มีความแตกต่างกันออกไปด้วยนั่นเองง
เอาละค่ะ ! ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าขั้นตอนการเลือกแหวนเพชรต้องทำยังไงบ้าง หวังว่าเมื่อถึงโอกาสพิเศษจริง ๆ สาว ๆ คงได้แหวนเพชรที่ถูกใจอยู่บนนิ้วมือกันนะคะ
แนะนำบทความอื่น ๆ