4 โรคสุดฮิต ที่สาวออฟฟิศต้องระวัง
  1. 4 โรคสุดฮิต ที่สาวออฟฟิศต้องระวัง

4 โรคสุดฮิต ที่สาวออฟฟิศต้องระวัง

ใครเป็นมนุษย์ออฟฟิศยกมือขึ้นค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักโรคสุดฮิตที่สาวออฟฟิศเป็นกัน จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
writerProfile
10 ก.ค. 2019 · โดย

มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายมาทางนี้เลยค่าา ใครที่กำลังรู้สึกไม่สบายตัว มีอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย ปวดหัว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มาทางนี้เลยค่าาาาา เราได้รวบรวมโรคและอาการที่สาวออฟฟิศเป็นบ่อย ๆ พร้อมวิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นมาฝากกันนน

1. อาการตาพร่า ตาล้า

ออฟฟิศ

อาการแรกเชื่อว่าเป็นปัญหากับสาว ๆ ออฟฟิศหลายคนแน่นอนค่ะ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าตาเริ่มมองเห็นไม่ชัด หรือรู้สึกว่าดวงตาเหนื่อยล้า ก็ต้องมาสำรวจตัวเองกันหน่อยแล้ว!

สาเหตุ :

  • การใช้สายตาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
  • ปัญหาสายตาสั้น สายตายาว ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักขึ้นเมื่อต้องเพ่งมอง
  • แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ทำให้ตาล้า ตาพร่า
  • ตัวหนังสือเล็ก ๆ ที่ทำให้ต้องเพ่งสายตามากกว่าปกติ
  • บริเวณโต๊ะทำงานมีแสงสว่างเข้ามากหรือน้อยเกินไป ทำให้ตาของเราทำงานหนักขึ้น
  • อยู่ในบริเวณที่มีลมโกรกบ่อย ๆ เช่น ใต้เครื่องปรับอากาศ เลยทำให้ตาแห้งกว่าปกติ

วิธีป้องกัน :

  • พักสายตาทุกชั่วโมง ชั่วโมงละประมาณ 5 นาที
  • อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ
  • ใส่แว่นกรองแสงเพื่อช่วยให้ตาสัมผัสแสงสีฟ้าน้อยลง
  • ใช้น้ำตาเทียมเพื่อช่วยให้ความชุ่มชื่นกับดวงตา ป้องกันตาแห้ง

2. อาการไมเกรน ไปจนถึงปวดหัวเรื้อรัง

ออฟฟิศซินโดรม

สำหรับใครที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ ก็อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสุขภาพของเรากำลังมีปัญหา อาการปวดหัวที่พบบ่อย ๆ ในชาวออฟฟิศก็คือไมเกรน หรือปวดหัวข้างเดียวที่มักจะตามมาด้วยอาการคลื่นไส้ ตาพร่า หรือบางคนไม่ได้ปวดหัวข้างเดียว แต่ปวดถี่ไม่ต่ำกว่า 15 วัน ติดต่อกันเกิน 3 เดือน แบบนี้เข้าข่ายอาการปวดหัวเรื้อรังค่ะ

สาเหตุ :

  • นั่งสมาธิหรือหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
  • ความเครียดจากงาน หรือเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต
  • อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง มีแสงจ้าหรือมืดผิดปกติ
  • เหนื่อยล้าและพักผ่อนน้อย

วิธีป้องกัน :

  • พักผ่อนให้เพียงพอ วันละประมาณ 6-7 ชั่วโมง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละประมาณ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน
  • แนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะค่ะ อย่างเช่น ความเครียด แสงสว่าง สถานที่ที่เสียงดัง
  • พบแพทย์เพื่อแก้ไขอาการอย่างตรงจุด

  • จดบันทึกความถี่ของการปวดศีรษะ หากปวดศีรษะต่อเนื่องนาน 4-12 ชั่วโมง

  • ถ้ารู้สึกว่าเป็นหนักมาก ๆ อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาทางรักษา

3. ร่างกายมีอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย

โรค,ออฟฟิศ

เวลาที่มีงานเข้ามาเยอะ ๆ ติดต่อกันมากเกินลิมิตที่ร่างกายจะรับไหว ซึ่งนั่นทำให้เรามีอาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย เราอาจไม่ได้มองว่าอาการอ่อนเพลียเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร แต่ถ้าเกิดเป็นขึ้นมาแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือใบหน้าที่ไม่สดใส หมดเรี่ยวแรงจะทำงานแน่นอน ดังนั้นมาเปิดสาเหตุและวิธีป้องกันกันเถอะ

สาเหตุ :

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ จากภารกิจแต่ละวันที่รัดตัวเกินไป
  • ภาวะเครียด ทำให้รู้สึกไม่มีแรงจะทำอะไรสักอย่าง
  • ทานอาหารไม่ครบ โดยเฉพาะมื้อเช้า ทำให้ขาดพลังงานในการใช้ชีวิตทั้งวัน
  • อยู่กับหน้าจอมากเกินไป โดยเฉพาะการเล่นมือถือก่อนนอนที่มีผลให้นอนไม่หลับและอ่อนเพลียระหว่างวัน
  • ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ

วิธีป้องกัน :

  • ทานอาหารเช้า เพราะมื้อเช้าสำคัญที่สุด เป็นการช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกาย
  • งดเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน
  • อย่านอนดึก และนอนให้ได้ 6-7 ชั่วโมง เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
  • งดสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์

4. อ้วน มีน้ำหนักขึ้นง่ายกว่าปกติ

โรค,ออฟฟิศ

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ระบบเผาผลาญของร่างกายก็จะทำงานไม่ได้ดีเท่าตอนยังเป็นนักเรียนนักศึกษาอีกต่อไป นั่นทำให้อีกปัญหาที่ตามมาของชาวออฟฟิศก็คืออ้วนง่ายกว่าปกติ

สาเหตุ :

  • ทานอาหารไม่มีประโยชน์ ของโปรดชาวออฟฟิศก็เช่น ไก่ทอด เบอร์เกอร์ และโดยเฉพาะชานมไข่มุก อาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้อ้วน
  • นั่งเฉย ๆ ไม่ได้ขยับตัวไปไหน แถมกินจุบจิบอีก เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เลยของชาวออฟฟิศค่ะ
  • ความเครียดจากการทำงาน เพราะยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน!!

วิธีป้องกัน :

  • เลิกทานอาหาร Fastfood
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 15 นาที ให้ร่างกายได้ขยับบ้าง!
  • ลาขาดชาไข่มุก ทั้งน้ำตาลและแป้ง ตัวการที่ทำให้น้ำหนักขึ้นทั้งนั้น!
  • อย่าซื้อเสื้อผ้าเผื่อไซซ์ จะทำให้ยิ่งไม่รู้สึกผิดตอนกินเข้าไปใหญ่ เพราะยังไงก็ใส่เสื้อผ้าได้อยู่!
โรค,ออฟฟิศ

สาว ๆ อย่าลืมสำรวจตัวเองกันนะคะว่าเข้าข่ายโรคไหนอยู่รึเปล่า แน่นอนว่าการทำงานออฟฟิศทำให้มีเงื่อนไขหลายอย่างที่ทำให้ตามมาด้วยโรคเหล่านี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเราสามารถป้องกันมันได้ด้วยตัวเราเอง นอกจากการออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ก็อย่าลืมหาตัวช่วยอย่างวิตามินที่เติมสารอาหารให้ร่างกายได้มากขึ้น

โรค,ออฟฟิศ
โรค,ออฟฟิศ

Vistra ตัวช่วยที่ป้องกันสาว ๆ มนุษย์ออฟฟิศจากอาการต่าง ๆ มีด้วยกันถึง 4 สูตร ได้แก่

Magnesium Complex : สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการปวดไมเกรน การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรือคนที่กำลังอยู่ในภาวะเครียดและสมองอ่อนล้า มีแมกนีเซียม วิตามินบี 1 บี 6 และ บี 12 ช่วยดูแลระบบประสาทและสมองให้แข็งแรงค่ะ

L-Carnitine Plus 3L : สำหรับคนที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน แอลคาร์นิทีนจะเข้าไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกินและสร้างมวลกล้ามเนื้อสาวๆคนไหนที่รักการออกกำลังกายอยู่แล้ว แนะนำให้รับประทานก่อนออกกำลังกาย 30 นาที จะช่วยเร่งการเผาผลาญได้ดีขึ้น แต่ต้องออกกำลังกายต่อเนื่อง 20-40 นาทีด้วยน้า

Bilberry Extract Plus Lutein Beta-Carotene : สำหรับใครที่ทำงานหน้าจอและมีอาการตาล้าอยู่บ่อย ๆ สูตรนี้ครบถ้วนด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ได้แก่ แอนโธไซยาโนไซม์ที่ได้จากบิลเบอร์รี่ ลูทีน ซีแซนทีน และเบต้าแคโรทีน ช่วยป้องกันตาล้า ตาพร่า และป้องกันดวงตาไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์

B Complex Plus Minerals : สำหรับชาวออฟฟิศรวมไปถึงน้อง ๆ นักศึกษาที่อยากบำรุงสมอง คนวัยทำงานที่เจอกับความเครียดเป็นประจำ หมดแรงจากการทำงานหนัก รวมไปถึงคนที่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อยู่บ่อย ๆ การรับประทานวิตามินบีรวม สังกะสี ทองแดง และแมงกานีส จะเข้าไปช่วยบำรุงสมองและความจำให้ดีขึ้น!

Vistra มีจำหน่ายที่ร้าน Watsons, Boots, Pure ใน Big C, Exta ใน 7-11  ร้านขายยาและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ชาวออฟฟิศอย่ารอช้าค่ะ ไปตำกันได้เลย!!

โรค,ออฟฟิศ

เมื่อสาว ๆ ได้ตัวช่วยดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคของชาวออฟฟิศกันไปแล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายด้วยอีกทางเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นนะคะ เข้าไปอ่านเทคนิคการออกกำลังกายสำหรับสาว ๆ ได้ที่นี่เลย!