ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าสินค้าแฟชั่นจากจีนมีราคาถูก แต่หลายคนกังวลว่าการจะสั่งซื้อแต่ละครั้งนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไหนจะเรื่องภาษาที่ไม่เข้าใจกัน แถมยังต้องกังวลว่าจะโดนโกงหรือเปล่า ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ วันนี้ Wongnai Beauty จะมาแจกสูตรการช็อปสินค้าจากจีนว่าทำอย่างไรให้ได้ของทั้งถูกและดี แถมไม่โดนโกง ผ่านเว็บไซต์ www.aliexpress.com กันค่ะ
อะไรคือ AliExpress


AliExpress คือเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ที่เป็นเสมือนร้านค้าขนาดใหญ่ของประเทศจีนและฮ่องกง เปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าในจีนนำสินค้ามาขาย โดยสินค้ามีมากถึง 12 หมวดหมู่หลัก เช่น เสื้อผ้า, ของเล่นเด็ก, อุปกรณ์แต่งบ้าน, สินค้า IT และอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น มีรายการสินค้ามากถึงหนึ่งร้อยล้านรายการ เยอะมากจริง ๆ ค่ะ ซึ่ง AliExpress เป็นเพียงตัวกลางในการขายเท่านั้น
หน้าที่ที่สำคัญของ AliExpress ในการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย คือคอยควบคุมไม่ให้มีการโกงเกิดขึ้น โดย AliExpress ออกแบบระบบให้ผู้ขายต้องมีการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือคนสั่งก่อน เมื่อผู้ที่สั่งกดยืนยัน คนขายถึงจะได้รับเงินค่ะ แม้จะเป็นระบบของทางจีน แต่ข่าวดีค่ะ ตอนนี้มีเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยแล้ว ช็อปกันเพลิน ๆ ไม่ต้องกลัวอ่านไม่ออก แต่แอบบอกก่อนนะว่าภาษาไทยที่แสดงผลเป็นการแปลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ บางคำที่แปลก็อาจจะงง ๆ หน่อย แต่รับรองรู้เรื่องแน่นอนค่ะ
ทำไม AliExpress ถึงขายของถูก
อย่างที่ทราบค่ะ สินค้าจากจีนมักมีราคาถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน AliExpress เว็บไซต์ที่เปิดให้คนที่มีสินค้ามาเปิดร้านขาย เหตุผลที่สินค้าใน AliExpress มีราคาถูกนั่นก็เพราะเป็นโรงงานผู้ผลิตมาขายเอง นอกจากนี้บางสินค้าที่ตั้งราคาถูกมาก ๆ เพราะทางผู้ขายต้องการเน้นปริมาณการขาย ส่งผลให้สินค้าและร้านนั้นดูน่าเชื่อถือ เพราะมีคนสั่งจากร้านจำนวนมาก และมีอำนาจในการต่อรองกับบริษัทขนส่งในเรื่องค่าบริการ อีกอย่างที่สำคัญคือรัฐบาลจีนช่วยเหลือเรื่องการขนส่งสินค้า จะเห็นว่าสินค้าหลาย ๆ อย่างไม่คิดค่าจัดส่งค่ะ
วิธีการสมัคร
● สมัครผ่านเว็บไซต์

- เข้าไปที่ www.aliexpress.com
- กดปุ่ม Joine ที่มุมขวา
- เมื่อกดเข้ามาจะเจอหน้า Create a New Account
- ใส่รายละเอียด E-mail, ชื่อ, รหัสผ่าน และอักษรสำหรับยืนยัน
- ใส่อักษรตามภาพด้านล่างเพื่อยืนยัน
- กด Create Your Account
- ยืนยันตัวตนผ่าน E-mail ที่สมัคร
● สมัครผ่านแอปพลิเคชัน

- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 'AliExpress'
- เลือก 'เข้าร่วมฟรี'
- จะเข้าสู่หน้าลงทะเบียน
- ใส่รายละเอียด E-mail, ชื่อ และรหัสผ่าน
6. ยืนยันตัวตนผ่าน E-mail ที่สมัคร
วิธีสั่งซื้อสินค้า
1. เลือกสินค้า

- ดูคะแนนของตัวสินค้าจากผู้ซื้อคนอื่น ๆ ถ้าหากมีคะแนนต่ำ แนะนำให้หลีกเลี่ยงสินค้านั้นเลยค่ะ
- หากเราดูแล้วว่า Feedback สินค้านี้อยู่ในเกณฑ์ดี ให้มาดูที่ราคา โดยจุดที่สำคัญต้องดูว่าราคานั้นเป็นแบบต่อชิ้น หรือราคาขั้นต่ำของการสั่งซื้อ
- เลือกการจัดส่ง อย่าลืมดูระยะเวลาการส่งของแต่ละแบบด้วย ยิ่งจำนวนวันส่งน้อย ราคายิ่งแพงตามค่ะ
- เลือกจำนวนที่ต้องการสั่งซื้อ สินค้าบางประเภทมีรายละเอียดสินค้าที่ต้องเลือก ซึ่งก็จะแตกต่างกันออกไปค่ะ อย่างเช่น เลือกสี เลือกไซซ์ เราก็กดเลือกไปว่าจะเอาแบบไหน
- ต่อไปจะมีปุ่มให้เลือกค่ะว่าต้องการ 'สั่งซื้อทันที' หรือต้องการ 'เพิ่มลงในรถเข็น' ถ้ายังอยากช็อปสินค้าอื่น ๆ ต่อ แนะนำให้เลือก 'เพิ่มลงในรถเข็น'
NOTE : ด้านล่างจะมีให้เลือก 'เพิ่มลงในวิชลิสต์' (Add to wish list) คือการเก็บสินค้าไว้ในรายการโปรด ใช้สำหรับเวลาที่เราไม่แน่ใจจะซื้อดีไหมหรือยังตัดสินใจไม่ได้ เก็บเอาไว้ในคลังของเราก่อน เผื่อครั้งหน้ามาดูจะได้หาสินค้าเจอ หรือบางครั้งใช้เพื่อรอเวลาสินค้านั้นลดราคาแล้วค่อยมาสั่งซื้อก็ได้ค่ะ
2. ดูรายการสินค้าแนะนำอื่น ๆ

ทริคการจะได้ของที่ถูก คุ้มราคาอยู่ตรงนี้ค่ะ เมื่อเรากดเพิ่มสินค้าเข้าไปในตะกร้าหรือเป็นไว้เป็นรายการโปรด (Add to wish list) จะมีสินค้าแนะนำอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงหรือเป็นรุ่นเดียวกันกับที่เราอยากได้ปรากฏขึ้นมาค่ะ ทริคของเราคือหาสินค้าที่เราเลือกซื้อในรายการแนะนำ ดูว่าร้านไหนมีขายดูกว่า ก็คลิกเข้าไปดูรายละเอียดของร้านนั้นได้เลยค่ะ
3. เลือกการจัดส่ง

เมื่อสั่งซื้อสินค้าจนพอใจแล้วก็ถึงเวลากดสั่งซื้อจริง ๆ แล้วค่ะ ส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้นั่นคือการจัดส่งค่ะ ซึ่งการจัดส่งก็จะมีทั้งแบบส่งฟรีและเสียค่าจัดส่งค่ะ ซึ่งจะสังเกตว่าหากเป็นการจัดส่งฟรีหรือรูปแบบการจัดส่งที่ราคาต่ำจะไม่มีเลข Tracking ให้เราตรวจสอบพัสดุได้ค่ะ ตรงนี้ทำมาเพื่อลดต้นทุนของทั้งผู้ขายและเรา ในขณะเดียวกันหากระยะเวลาจัดส่งน้อยกว่าก็ทำให้ราคาแพงขึ้นตามด้วยค่ะ
4. กรอกรายละเอียดการชำระเงิน

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการชำระเงิน ใครที่มีบัตรเครดิต ก็แค่กรอกรายละเอียดให้ครบ แต่นอกจากบัตรเคดิตแล้วเขายังมีวิธีชำระเงินแบบอื่น ๆ ซึ่งแต่ละร้านก็มีวิธีการชำระเงินที่ต่างกันออกไปค่ะ เมื่อชำระเงินเสร็จเรียบร้อย เป็นอันว่าจบขั้นตอนการสั่งซื้อ ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ของมาส่งเท่านั้นเองค่า
ทริคการช็อปให้ได้ของดี ถูก และไม่โดนโกง
- ดูรายละเอียดสินค้าให้ชัด เพราะบางทีรูปสินค้าที่นำมาโชว์ แค่ต่างร้านกัน ขนาดก็ไม่เท่ากันแล้ว
- ดู Feedback จากผู้ซื้อรายอื่น ๆ ว่าเขาให้กี่คะแนน และพูดถึงรายละเอียดสินค้าว่าอย่างไร หากมีการต่อว่าเรื่องสินค้า แนะนำว่าไม่ต้องเสี่ยงซื้อ ไปหาร้านอื่นแทนได้เลยค่ะ
- ซื้อผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ สินค้าบางรายการซื้อผ่านแอปถูกกว่าซื้อในเว็บอีกค่ะ เพราะ Aliexpress สนับสนุนให้มีการใช้แอปพลิเคชันนี้เยอะ ๆ ถึงขนาดบอกว่าเป็นแอปที่ควรมีติดเครื่องไว้เลยค่ะ
- ซื้อสินค้า Flash Deals คือการซื้อสินค้าในช่วงที่ร้านค้านำมาลดราคาประจำวัน
- นำสินค้าที่ต้องการเก็บไว้ใน Wish List หากมีการปรับราคาจะมี E-mail แจ้งเตือนเข้ามา
- ซื้อสินค้าผ่านแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ โดยเฉพาะวันเทศกาลคนโสด หรือ 11.11 เป็นวันที่ลดเยอะที่สุด
- สะสมเหรียญ โดยใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน จะมีเกมหรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้คอยสะสมเหรียญ ซึ่งเหรียญสามารถแลกเป็นคูปองส่วนลดได้ด้วย
- เสียค่าส่งไม่ได้แปลว่าแพง บางรายการสินค้าแม้จะเสียค่าส่ง แต่เมื่อรวมกับราคาสินค้าแล้ว อาจถูกกว่าบางร้านที่ส่งฟรีก็มีเหมือนกัน

เคล็ดลับ! สั่งของไม่ให้เสียภาษี
1. สินค้าที่เราสั่งซื้อต้องไม่เกิน 1,500 บาท และมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กก.
2. เลือกการส่งแบบ Standard Shipping คือการส่งสินค้าแบบธรรมดา เพราะการส่งรูปแบบนี้จะถูกจำกัดให้สินค้าที่ส่งมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กก.
3. เลือกบริษัทขนส่งที่เป็น Standard Shipping เช่น China Post, Honking Post, Swedish Post หรือ POS Malaysia
4. ห้ามสั่งสินค้าที่ผิดกฎหมายหรือห้ามนำเข้าเด็ดขาด

ซื้อเครื่องประดับใน Aliexpress ได้อะไรมาบ้าง
ปกติเราจะซื้อกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าจาก Aliexpress ไม่เคยซื้อพวกเครื่องประดับมาก่อนเลย ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรก วันนี้เลยถือโอกาสแกะกล่องดูไปพร้อม ๆ เลยค่ะ โดยงบที่เราใช้ไปทั้งหมดนั้นอยู่ที่ 390 บาทเท่านั้นเอง

- กำไลข้อมือสแตนเลสประดับคริสตัล : 200 บาท (อันนี้สวยมาก ชอบที่สุด)
- ต่างหูรูปโบว์ ประดับมุก : 30 บาท
- ต่างหูเพรชยาว : 20 บาท (เคยเห็นในเน็ตขาย 120)
- ต่างหูระย้า : 40 บาท
ส่วนตัวเราว่าคุณภาพของสินค้าสมราคา สินค้าบางชิ้นเหมือนที่ขายอยู่แถวสยาม แพลตตินั่ม หรือตลาดนัดทั่วไป บางชิ้นมีราคาถูกกว่ามาก บางชิ้นราคาไม่ต่างกันมาก เอาเป็นว่าส่วนต่างของราคาที่ถูกกว่านั้น คือการแลกกับระยะเวลาที่ต้องรอของนานขึ้น และการที่ไม่ได้เห็นของจริงก่อนซื้อ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะได้ของไม่ตรงกับรูปที่ลงไว้ได้ค่ะ
และนี่ก็คือทั้งหมดของการช็อปสินค้าออนไลน์จากจีนผ่าน Aliexpress ครั้งหน้า Wongnai Beauty จะมาแชร์ทริคการช็อปที่ไหนอีกนั้น อย่าลืมมาติดตามกันนะคะ