ช่วงนี้ฝนตกหนักทุกวัน อากาศก็เริ่มจะเย็น ๆ อยากจะจิบ “น้ำขิง” ร้อน ๆ เผ็ด ๆ ให้ร่างกายอบอุ่นสักหน่อย แต่เวลาไปซื้อตามร้านก็เจอรสอ่อนไปบ้าง หรือรสเข้มจนขมไปเลยก็มี จะหากินได้ถูกใจสักร้านนี่ยากจริง ๆ ค่ะ ได้ยินจากคุณยายมาว่าการนำขิงไปเผาเนี่ย จะมีรสชาติที่เผ็ดร้อนยิ่งขึ้น วันนี้เราจะมาพิสูจน์กันว่ามันได้ผลจริงหรือเปล่า ถ้าเพื่อน ๆ พร้อมกันแล้วล่ะก็ ไปดูการทดลองพร้อม ๆ กันเลยค่าา
แต่ก่อนอื่น เราจะต้องกำหนดตัวแปรควบคุมเพื่อผลการทดลองที่แน่นอนกันดังนี้ค่ะ
- ขิง ปริมาณ 1 กิโลกรัม เท่า ๆ กัน
- ปริมาณน้ำ ที่ใช้ในการต้มจะใช้ 3 ลิตรเท่ากัน
- ปริมาณน้ำตาลทรายแดง ที่เราจะใส่ลงในน้ำขิง 250 กรัมเท่า ๆ กัน
- ระยะเวลาการต้ม จะใช้เวลาต้ม 20 นาทีทั้ง 2 วิธี


มาเริ่มกันที่ วิธีที่ 1 เลยค่ะ นำขิงไปเผาก่อนนำมาต้มน้ำขิง
เราจะนำขิงไปเผาไฟพอให้เปลือกแห้งก่อนนะคะ จากนั้นก็นำมาลอกเปลือกออกและทุบพอให้แหลก ตั้งน้ำให้เดือดแล้วนำขิงที่เราทุบไว้ใส่ลงไปต้ม 20 นาที พอครบเวลาก็นำมากรองกากออกแล้วเติมความหวานด้วยน้ำตาลทรายแดงค่ะ




วิธีที่ 2 ต้มน้ำขิงตามปกติ
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงเลยค่ะ เอาขิงมาทุบให้แหลกแล้วต้มในน้ำเดือดเป็นเวลา 20 นาทีเหมือนวิธีแรก จากนั้นก็กรองกากออกแล้วเติมน้ำตาลทรายแดงเพิ่มความหวาน




พอนำน้ำขิงจากทั้ง 2 วิธีมาเทียบกัน จะเห็นว่าน้ำขิงจากขิงเผามีสีอ่อนกว่าการต้มด้วยขิงสดเลยนิดหน่อยและมีกลิ่นขิงที่เบาบางกว่า แต่ว่ารสชาติกลับมีความเผ็ดร้อนมากกว่าอย่างชัดเจน ส่วนน้ำขิงที่ต้มด้วยขิงสดจะมีกลิ่นหอมของขิงมากกว่าและมีรสชาติเหมือนท้องตลาดทั่วไปค่ะ


แล้วทำไมน้ำขิงที่ต้มด้วยขิงเผา ถึงมีรสชาติเผ็ดร้อนมากกว่าการต้มด้วยขิงสด? และทำไมบางทีน้ำขิงถึงมีรสขมฝาดลิ้น?
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะในขิงสดมีสารที่ให้ความเผ็ดร้อน “จิงเจอรอล (Gingerol)” ที่มีสรรพคุณในการลดไข้ บรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ และช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เมื่อสารจิงเจอรอลได้รับความร้อนจากการต้มจะทำให้เกิดปฏิกิริยา “Reverse Aldol Reaction” แล้วกลายสภาพเป็น “ซิงเจอโรน (Zingerone)” ที่ยังมีความเผ็ดร้อนเท่าเดิม แต่มีความหวานสูงขึ้น


แต่การที่ขิงสดถูกนำไปผ่านความร้อนแห้ง ซึ่งก็คือการเผา ทำให้สารจิงเจอรอลกลายสภาพเป็น “โชกาออล (Shogaol)” จากปฏิกิริยาดึงน้ำ (Dehydration) โดยสารโชกาออลนี้มีความเผ็ดร้อนมากกว่าจิงเจอรอลถึง 2 เท่า! นอกจากนี้สารโชกาออลยังมีการศึกษาว่าสามารถช่วยถนอมสรรพคุณของจิงเจอรอลได้ดี โดยกลไกการเป็นสารต้านออกซิเดชัน แถมยังป้องกันการอักเสบของเซลล์ประสาท (Anti-Neuroinflammatory) อีกด้วย จึงเป็นที่รู้กันว่าสารตัวนี้เนี่ย สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจำ (Memory-Enhancing Agent) ได้อีกต่างหาก สารพัดประโยชน์สุด ๆ


ส่วนสาเหตุที่บางทีน้ำขิงมีรสขม ก็มาจากการที่ใช้ขิงอ่อนเกินไป หรือต้มนานเกินไป การเลือกใช้ขิงแก่ก็จะทำให้ได้น้ำขิงที่มีรสชาติเข้มข้นกว่า และไม่มีรสขมฝาดค่ะ ถ้าต้มนานเกินไปก็จะทำให้กลิ่นของขิงหายไปด้วยนะ เวลาต้มต้องจับเวลาดี ๆ เลยล่ะ
รู้เคล็ดลับการต้ม “น้ำขิง” เผ็ด ๆ ร้อน ๆ แบบนี้แล้ว เพื่อน ๆ ก็ลองทำกันดูนะคะ ดื่มแค่แก้วเดียวแต่น้ำขิงช่วยอะไรร่างกายเราเยอะม๊ากก ทั้งอบอุ่นร่างกาย ลดไข้ แถมช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกต่างหาก เพื่อน ๆ บางคนอาจจะสงสัยว่าน้ำขิงต้มแล้วอยู่ได้กี่วัน ขอบอกว่าถ้ากรองกากแล้วเรียบร้อยสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวันเลยค่ะ หรือถ้าใครมีทริกดี ๆ นอกจากนี้ก็สามารถมาแชร์กันได้เลยนะคะ ส่วนใครอยากได้ เทคนิคดี ๆ แบบนี้อีกเราขอเสนอเทคนิคการทำ “ไข่ตุ๋น” ทำอย่างไรให้เนียนนุ่ม ละมุนลิ้น หากใครมีข้อสงสัยอื่น ๆ อีกล่ะก็สามารถคอมเมนต์ข้อสงสัยมาได้ที่ Facebook Page Wongnai Cooking และ Youtube Wongnai ได้เลยค่ะ!