นักจิบไวน์ต้องรู้ ไวน์คืออะไร มีกี่ประเภท ?

Highlight!

• ไวน์คืออะไร
  
• หลักฐานการผลิตไวน์กับไวน์ราคาแพงที่สุดในโลก
  
• ทำไมต้องหมุนไวน์ แล้วดมก่อนดื่ม ?
  
• ประเภทของไวน์
  
• การเก็บไวน์

การจิบไวน์ชิมไวน์เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการได้รับประทานอาหารชั้นเลิศนั้น ย่อมมีไวน์เป็นองค์ประกอบหลักที่ช่วยชูมื้ออาหารนั้นให้มีระดับยิ่งขึ้น แต่ว่า...เราจะดื่มไวน์คู่กับอาหารชนิดไหนล่ะ? ดื่มอย่างไรให้ดูโปรฯ ไม่เอ๋อ ไม่โป๊ะแตกต่อหน้าคนรู้ใจ เอาล่ะ WINE 101 มีคำตอบให้ค่ะ

1ไวน์คืออะไร ?

ไวน์เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มบริสุทธิ์อย่างแท้จริงเพราะใช้องุ่นเป็นวัตถุดิบเดียวในการผลิต โดยไม่มีการใส่ส่วนผสมเติมแต่งอะไรเลย ดังนั้นรสชาติที่ได้จึงมาจากองุ่นล้วน ๆ โดยไวน์จากแต่ละที่ก็จะมีรสชาติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ดิน และปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการเติบโตขององุ่น และการหมักของไวน์ นอกจากนี้ในการปลูกไวน์หากดินมีความอุดมสมบูรณ์มากจะทำให้ไวน์มีรสชาติที่อ่อนกว่าดินที่มีความอุดมณ์สมบูรณ์น้อย เพราะในดินที่มีความอุดมณ์สมบูรณ์น้อยต้นองุ่นจะต้องดิ้นรนในการหาแร่ธาตุมาเลี้ยงลำต้น จึงทำใหิได้รสชาติไวน์ที่ดีกว่านั่นเอง

2รู้หรือไม่? 

รู้หรือไม่? ไวน์ถือเป็นเครื่องดื่มชนิดแรกของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมีการพบหลักฐานการผลิตไวน์ตั้งแต่ 3,700 ปีที่ (ยุคสัมฤทธิ์) แล้วทางตอนเหนือของประเทศ อิสราเอล ซึ่งพบถังเก็บไวน์ถึง 500 แกลลอน หรือ 3000 ขวดเลยทีเดียว!

ไวน์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกมีชื่อว่า “Domaine de la Romanee-Conti หรือ Romanee-Conti Grand Cru” ซึ่งเป็นไวน์ชั้นดีจากเมืองเบอร์กันดี ประเทศ ฝรั่งเศสนั่นเอง โดยมีราคาสูงถึง 15,702 ยูโร หรือ 611,699 บาทเลยทีเดียว

3ทำไมต้องหมุนไวน์ แล้วดมก่อนดื่ม ?

การหมุนไวน์ แล้วดมนอกจากจะทำให้ดูโปรแล้ว ยังทำให้เราลิ้มรสชาติของไวน์ได้ดีขึ้นอีกต่างหาก ซึ่งการหมุนไวน์นั้นเป็นการทำให้อากาศเข้าไปเพื่อทำให้โมเลกุลที่เกาะกันใหญ่ ๆ แตกตัวออกมา ทำให้มีกลิ่นออกมามากยิ่งขึ้น และไวน์คลายตัวมากขึ้น ก่อนจะสูดรับกลิ่นให้เต็มที่ แล้วค่อยลิ้มรสชาติ ซึ่งการดูสีของไวน์ไม่จำเป็นต้องหมุน แค่เอียงแก้วก็เห็นแล้ว 

4ประเภทของไวน์

รสชาติของไวน์นั้นแบ่งไปตามพันธุ์ขององุ่น ซึ่งมีมากกว่า 400 สายพันธุ์ทั่วโลกเลยทีเดียว แต่ก็มีพันธุ์องุ่นหลายชนิดที่นิยมนำมาทำไวน์จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยสามารถแบ่งชนิดของไวน์ตามสี เรามาทำความรู้จัก 8 พันธุ์องุ่นที่นิยมนำมาทำไวน์ ที่มีชื่อเสียงกันเลยดีกว่า

Sparkling Wine โดยส่วนมากที่เราพบเห็นบ่อย ๆ จะเป็นไวน์อัดแก๊ส ที่ทำให้หวาน ซ่า ดื่มง่าย แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวที่อัดแก๊ส อย่างน้อยที่สุดก็ Champange และ Sparkling Wine ที่ใช้ "Methode Champenoise" ซึ่งใช้กรรมวิธีในการใส่ยีสต์เข้าไปเพื่อให้เกิดการหมักตัวครั้งที่สอง (second fermentation) ให้คาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นในไวน์ แล้วเอากากยีสต์ที่ตายแล้วออกในภายหลัง

ส่วนรสหวานนั้นก็ไม่จริงเสมอไป Sparkling Wine หลายตัวนั้นไม่ได้หวานอย่างที่คิด โดยเฉพาะแชมเปญที่ติดว่า Brut, Extra Brut ซึ่งแปลว่าน้ำตาลน้อยมากจนแทบไม่มี ว่าง่าย ๆ คือไม่หวานเลย ไวน์เหล่านี้ acidity จะแหลมมาก ต้องกินอาหารอย่างอื่นช่วยลดความรู้สึกนี้

5การเก็บไวน์

ควรเก็บไวน์ให้ถูกวิธี เพื่อรักษารสชาติไวน์ที่ดีเอาไว้ โดยควรปิดจุกไวน์ให้สนิท และวางขวดตามแนวนอน ให้ไวน์สัมผัสกับจุก เพื่อกันอากาศจากภายนอกเข้ามาในขวดไวน์ นอกจากนี้อุณหภูมิถือเป็นสิ่งที่ทำคัญมากเช่นกัน ไม่ว่าจะไวน์แดงหรือขาว ต้องเก็บที่อุณหภูมิ 12.5 องศาเซลเซียส และเก็บในที่มืด ห่างจากแสงแดด นี่ก็คือเหตุผลที่ห้องเก็บไวน์มักจะอยู่ในชั้นใต้ดินของบ้านนั่นเอง ที่เก็บไวน์ ต้องมีความชื้นสูงอยู่เสมอ ไม่ต่ำกว่า 75 - 85% เพื่อไม่ให้คอร์กหรือ closure แห้ง จนทำไวน์เสีย

เป็นอย่างไรบ้างคะ รู้แบบนี้แล้วการจิบไวน์ก็ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว ใครที่อยากรู้จักกับตำนานอาหารที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน Wongnai ขอแนะนำบทความ 18 ความลับเกี่ยวกับอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง จริงหรือหลอกมาดูกันค่ะ!

Source 1