ความคับคั่งของคนเมือง การเดินทางรถสาธารณะที่คาดเดาไม่ได้ สารพัดปัญหาที่ต้องตื่นมาเจอทุกเช้าวัน ธรรมชาติและความเป็นตัวเองที่ค่อย ๆ กลืนหายไปตามกาลเวลา อยากจะหลบหนีสิ่งนี้ไปฟื้นทั้งกายและใจ เรานั่งตัดพ้อเรื่องราวนี้ให้เพื่อนสนิทฟังในวงสนทนาเคล้าเสียงสุราเมื่อราตรีที่ผ่านมา เพื่อนคนนี้เป็นนักเดินทางตัวยง ได้เกริ่นแนะนำว่ามีสถานที่ดี ๆ เหมาะแก่การพักฟื้นแอบซ่อนในเมืองเล็ก ๆ อย่างพัทลุง ณ “บ้านต้นลำพู ณ.ท่าเรือปากประ” ไม่รอช้า จองตั๋วแล้วเที่ยวพัทลุงกัน!
บ้านต้นลำพู

เราลงจากสนามบินหาดใหญ่ต่อรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 90 นาที เดินทางเข้าสู่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อหาเสาะหา “บ้านต้นลำพู”แค่ก้าวแรกที่มา ก็สัมผัสได้เลยถึงสิ่งที่เราต้องการอย่าง ธรรมชาติ เรารับเวลคัมดริงก์เป็นน้ำที่รสชาติไม่คุ้นลิ้น แต่กลับรู้สึกดีหนักหนา เลยถามพี่ทรายเจ้าของที่พักว่า “นี่คือน้ำอะไรครับ” ได้คำตอบว่าเป็นน้ำคั้นจากส้มแขกที่ขึ้นในบริเวณนี้ รสชาติอมเปรี้ยวกินแล้วสดชื่นคลายล้าจากการเดินทางได้อย่างเป็นอย่างดี พี่ทรายคุยต่อว่าที่บ้านต้นลำพูยังมีกิจกรรมสุดพิเศษในช่วงเช้าด้วยนะ แต่ต้องตื่นเช้าตรู่รับรองว่าประทับใจอย่างแน่นอนแต่อุบไว้ก่อน วันนี้ไปพักผ่อนคลายเหนื่อยแล้วพรุ่งนี้ตื่นเช้าไปลุยกัน เราเลยตอบตกลงไปในทันที

ห้องพักของ “บ้านต้นลำพู” แม้จะมีเพียง 4 ห้อง (คืนละ 2000 บาท / ห้อง) แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจของเจ้าของที่จัดสรรบรรยากาศให้เข้ากันกับธรรมชาติอย่างลงตัวห้อง และยังมีส่วนของโซนนวดแผนไทยที่พี่ทรายเรียกคนท้องถิ่นที่มีวิชาการจับเส้น นวดแผนโบราณ มาช่วยให้บริการ นวดแผนไทย (250 บาท / ชม.) นวดประคบเฉพาะจุด (250 บาท / ชม.) เราเลยไปคลายล้าจากการเดินทางเตรียมตัวพร้อมที่จะลุยกิจกรรมในเช้าวันรุ่งขึ้น


ทะเลน้อย
ในวันใหม่เราตื่นเช้าตี 5 เพื่อมาตรง Lobby เพื่อมากิจกรรม "ล่องเรือ" สุดพิเศษในวันนี้ (ค่าเรือ 1,200 บาท นั่งได้ 6 คน) ในวันนี้โดยมีพี่คนขับเรือ คอยนำทางให้เราล่องไปสู่ท่าเรือปากประออกไปยังทะเลน้อย ที่เที่ยวพัทลุงของเราในวันนี้


มุ่งต่อไปไม่ไกลจะเจอกับจุดไฮไลต์อย่างต้นลำพู ซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นในยามเช้า บอกเลยว่าความประทับใจในความสวยงามนี้เกินกว่าใจหวังไว้

ถ่ายภาพไประยะหนึ่ง เราเดินทางต่อเข้าสู่ทะเลน้อยเพื่อไปจุดแรก ผ่านร่องน้ำเล็ก ๆ ที่มีพอให้เรือล่องผ่าน ได้เห็นชาวบ้านหาปลาลูกเบร่และปลากลดอย่างใกล้ชิด จุดแรกนี้จะมีมุมเล็ก ๆ ไว้พอซุ่มให้เราได้ส่องนกหลากหลายชนิดโดยพี่หนุ่ม อีกหนึ่งเจ้าของที่พักของเรา บอกว่ามีนกกว่า 100 ชนิด ผลัดเวียนแวะกันมาตามฤดูกาลอพยพอย่าง นกอีโก้ง นกปากห่าง นกกระสาแดง นอกจากนั้นก็มีพวกควายน้ำที่เราเห็นเป็นระยะ ซึ่งเป็นควายของชาวบ้านที่ปล่อยให้ออกหากินตามธรรมชาติในแถบนี้




หลังจากนั้นเรือของเราก็มุ่งเข้าสู่จุดต่อไปที่ "ทุ่งบัวแดง" ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ยังอยู่ในช่วงฤดูกาลของบัวบาน (เมษายน - กรกฎาคม) ดอกบัวแดงงามสะพรั่งกระจัดกระจายราวแต้มสีสันลงบนผืนน้ำสวยงามตัดกับขอบฟ้าครามที่มองแล้วชื่นใจมาก และถือเป็นอีกจุดนึงที่เราใกล้ชิดกับธรรมชาติและชาวบ้าน ซึ่งเราจะเห็นชาวบ้านมาเก็บสายบัวเพื่อนำไปประกอบอาหารท้องถิ่นอีกด้วย



ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็วนกลับเข้าสู่ “บ้านต้นลำพู” ทันอาหารเช้าพอดี กับข้าวยามเช้าของที่พักขอบอกเลยว่าถูกใจอย่างจัง ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ที่นำมากินคู่กับผักพื้นบ้านไม่อั้น เป็นผักน้ำเบตง ผักหมุยพัทลุง และผักแปลก ๆ ที่ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ มีปลาลูกเบร่ทอดรสชาติมัน ๆ กรุบกรอบกินคู่กับข้าวสังข์หยดและแกงส้มปลาหัวโม่งที่จะเพอร์เฟคที่สุดในช่วงหน้าฝน เพราะจะมีไข่กินเข้ากันอย่างดีเยี่ยม



สวนลุงปลื้ม
หลังจากนั้นเราออกเดินทางไปที่ “สวนลุงปลื้ม” อีกหนึ่งกิจกรรมที่อยู่ในทริปที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด (สามารถคุยกับทางบ้านต้นลำพูได้เลย) เพื่อไปชมสวนที่มีดีกรีเกษตรกรระดับประเทศตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 14 ไร่ มีทั้ง มังคุด ลองกอง ทุเรียน สะตอ ผักกูด ผักเหลียง ใช้เป็นระบบอินทรีย์เพื่อความปลอดภัยต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต นี่จึงทำให้ผลผลิตของคุณลุงปลื้มติดตลาด




การได้พักผ่อนทั้งกายและใจ แม้จะเพียงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็สามารถทำให้เราพร้อมที่จะกลับไปตะลุยกับความวุ่นวายในเมืองหลวงต่อ! ถ้ามีโอกาส วันว่าง หรือวันที่เหนื่อยล้า คงต้องกลับมา "บ้านต้นลำพู" ที่ ๆ พร้อมจะให้เรากลับมาชาร์จพลังงาน พลังความคิด อีกครั้งอย่างแน่นอน ส่วนใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในจังหวัดพัทลุง Wongnai Travel ก็ขอแนะนำ ธรรมชาติสุดชิลล์! 2 วัน 1 คืนที่พัทลุง นี่เลย!