#วงในบอกมา
- ก่อนเปิดร้าน Aantarm Cafe คุณอาร์มได้ผ่านประสบการณ์เป็นผู้ช่วยเชฟซึ่งเป็นคุณลุงของคุณอาร์มที่ร้านอาหารย่านตลิ่งชัน ก่อนจะผันตัวออกมาเปิดร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดของตัวเองอยู่หน้าบ้านซึ่งก็คือร้าน Aantarm Cafe ในปัจจุบัน
- คุณอาร์มบอกเราว่า จะเลือกใช้เนื้อไทยเฟรนช์จากจังหวัดสกลนคร และเนื้อไทยที่ดีมีคุณภาพ นำมาคัดสรรเนื้อส่วนต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการปรุงของแต่ละเมนู
- สั่งเดลิเวอรีร้าน Aantarm Cafe ผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่

อาจเพราะเราผูกพันกับย่านตลาดพลูตั้งแต่จำความได้ เราจึงสนุกทุกครั้งเมื่อมีใครให้เราแนะนำร้านอาหารที่ควรต้องแวะลิ้มลองรสชาติเมื่อมาเยือนตลาดพลู แต่สารภาพว่านานไปก็ชักจะหมดมุก เพราะบรรดาร้านอาหารเก่าแต่เก๋าที่เราชวนไปเยือนก็เกือบจะหมดลิสต์ที่จดไว้ในหัวใจ แต่ก็เหมือนโชคช่วยให้เราทันไม่เขินอายในฐานะเจ้าถิ่น เพราะเราได้รู้จักร้านอาหารเล็ก ๆ สไตล์โฮมเมดที่มีทีเด็ดคือ “เมนูเนื้อ” ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ทั้งคุณภาพ รสชาติ และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
เรากะเกณฑ์เวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ ของวันธรรมดามาเยือนยังร้าน Aantarm Cafe เพราะไม่อยากรบกวนลูกค้าที่จะคับคั่งเป็นพิเศษในช่วงตอนเที่ยง รวมถึงเราอยากชวนคุณอาร์ม-วุฒิศักดิ์ จันทร์แจ่ม เจ้าของร้านพูดคุยถึงเรื่องราวความเป็นมาของร้าน Aantarm Cafe โดยเราหมายมั่นที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ล้อมรอบครัวเปิดของร้านซึ่งเราสามารถชื่นชมลีลาการปรุงอาหารฝีมือคุณอาร์มได้อย่างใกล้ชิด

“เราเรียนรู้การทำอาหารจากการฝึกทำกับข้าวกับคุณแม่ ต่อมาลุงที่เป็นเชฟซึ่งเคยทำงานในโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็ชวนให้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยเชฟที่ร้านอาหารของเขาด้วยกัน เขาก็สอนหมดซึ่งส่วนมากเป็นเรื่องเทคนิคการทำอาหาร เราได้เป็นผู้ช่วยเชฟก็เรียนรู้กับเขาไปเรื่อย ๆ เพราะตอนนั้นก็ไม่มีใครเปิดสอนอย่างจริงจัง หรือยังไม่มีพวกคลิปสอนตามยูทูป” คุณอาร์มเล่าให้เราฟังพลางตระเตรียมเนื้อวัวที่จะกลายเป็นเมนูให้เราลิ้มลองกัน

หลังจากศึกษาการทำอาหารจากการเป็นผู้ช่วยเชฟมายาวนาน คุณอาร์มก็ผันตัวออกมาเปิดร้านสตรีทฟู้ดของตัวเองที่เน้นขายเมนูสปาเกตตีและข้าวผัด ซึ่งพิกัดก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลเพราะร้านสตรีทฟู้ดของคุณอาร์มในเวลานั้นตั้งอยู่หน้าบ้านที่แต่ก่อนเปิดเป็นร้านเสื้อผ้าธุรกิจครอบครัว และกลายเป็นร้าน Aantarm Cafe ในปัจจุบัน
“ตอนนั้นพอคุณแม่เสียก็เลยหยุดทำทั้งร้านเสื้อผ้าและร้านสตรีทฟู้ด เราก็ไปตั้งหลักก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านอาหารเต็มตัว เพราะจะให้เรายกของเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้านที่เก็บสต๊อกก็ไม่น่าจะไหวเพราะแก่แล้ว (หัวเราะ)”
ไม่เพียงแค่ชื่อร้านที่เกิดจากการรวมชื่อเล่นทั้งของคุณอาร์ม, คุณเอ- รัชนีกร อยู่เย็น ภรรยา และ น้องแอ๊น-อินทุกร จันทร์แจ่ม ลูกสาว แต่ร้าน Aantarm Cafe นั้นก็ยังอบอวลไปด้วยการร่วมพลังกายใจของทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ที่พร้อมดูแลลูกค้าเหมือนเพื่อนมาเยี่ยมเยือนบ้านหลังน้อยอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง น่าเสียดายที่วันนี้เราไม่ได้เจอคุณเอ แต่ก็ยังได้ประทับใจที่เห็นน้องแอ๊นช่วยเหลือคุณพ่ออย่างคล่องแคล่วและเรียกรอยยิ้มจากลูกค้าทุกคนโดยพร้อมเพรียงกัน

“เราเน้นทำเมนูเนื้อเพราะว่าชอบกินเนื้อ แล้วที่บ้านก็ชอบกินกัน ก่อนมาเปิดร้านเราก็ทำกินกันเองนี่แหละ เพราะคนที่บ้านเรื่องเยอะ (หัวเราะ) เขาอยากกินแบบที่เขาชอบ เราขี้เกียจไปหาซื้อก็เลยตัดสินใจทำเองเลยดีกว่า” คุณอาร์มเล่าพลางแอบเหล่น้องแอ๊นที่แอบทำหน้างอนซึ่งพาให้เรานึกถึงตัวเองกับคุณพ่อในทันใด
คุณอาร์มบอกเราว่าจะเลือกใช้เนื้อไทยเฟรนช์จากจังหวัดสกลนครที่คัดสรรเฉพาะเนื้อสตริปลอยน์ (Striploin), เนื้อเซอร์ลอยน์ (Sirloin) และเนื้อสันคอ (Chunk) สำหรับทำเมนูสเต๊กที่เสิร์ฟพร้อมซอสญี่ปุ่นสูตรเฉพาะของทางร้าน ส่วนเนื้อไทยที่ดีมีคุณภาพจะคัดสรรเฉพาะเนื้อสันใน (Tenderloin) สำหรับทำเมนูข้าวหน้าเนื้อรวมถึงสเต๊กที่เสิร์ฟพร้อมซอสเกรวีที่ทางร้านทำเองเช่นกัน
“อย่างเนื้อไทยเฟรนช์จะรับ 2 วันต่อครั้งมาเป็นชิ้นเนื้อก้อนใหญ่แล้วมาตัดแต่งเอง ส่วนเนื้อสันในจะสั่งซื้อทุกวันจากเจ้าประจำที่วางใจได้ เรามองว่าเนื้อต้องมาดีก่อนถึงจะทำอาหารได้ดี เนื้อที่ทางร้านเลือกมาจะไม่มีกลิ่นเลือดหรือให้ความรู้สึกสากลิ้นเหมือนกินธาตุเหล็ก” ส่วนขั้นตอนการหมักเนื้อก่อนการปรุงอาหาร คุณอาร์มบอกเราว่าจะใช้เพียงเกลือหิมาลัยสีชมพูและพริกไทยที่ทางร้านบดเองเท่านั้น

เราได้ลิ้มลองเมนูแรกเป็น “สเต๊กเนื้อเซอร์ลอยด์ไทย-เฟรนช์” (250 บาท) เสิร์ฟพร้อมกระเทียมเจียว ผักสลัดสดกรอบ เกลือปรุงรสจากโอกินาว่า และซอสญี่ปุ่น
“เรากินสเต๊กกับซอสญี่ปุ่นที่บ้านแล้วชอบกัน ก็เลยตัดสินใจมาเสิร์ฟที่ร้าน ซอสญี่ปุ่นเราทำเองทุกวัน จะมีรสชาติหวานปนเค็มนิด ๆ และหอมกลิ่นปลาโอแห้ง ส่วนกระเทียมเจียวเราสั่งร้านให้เขาทอดให้ เพราะเคยทำเองแล้วไม่ไหว (หัวเราะ) ซึ่งเขาก็ทำออกมาได้ถูกใจเรา ผักสลัดออร์แกนิกเราสั่งจาก Monkey Organic Farm ที่ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
“ส่วนเกลือพอดีเราบังเอิญไปเที่ยวที่โอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่นแล้วไปเจอเกลือปรุงรสชนิดนี้ที่จริง ๆ เขาเอาไว้กินกับสลัด แต่เรามาลองกินกับเนื้อแล้วพบว่ามันเข้ากันได้ดีเราก็เลยซื้อมาตุนไว้ใช้ที่ร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ลองชิมกัน เราไม่ได้มาคิดเป็นเรื่องธุรกิจ เราเป็นเหมือนร้านครอบครัวมากกว่า คือถ้าเรามีเราก็ให้เขาชิมกัน แต่ถ้าหมดก็คือต้องรอ (หัวเราะ)”



อีกเมนูที่ยอดฮิตไม่แพ้กันนั่นคือ “ข้าวหน้าเนื้อย่าง” (120 บาท) ข้าวนุ่ม ๆ ราดซอสญี่ปุ่นสูตรเด็ดประจำร้านท็อปด้วยเนื้อสันใน, กะหล่ำปลีหั่นฝอยและกระเทียมเจียวกรุบกรอบ ส่วนไข่ดิบคุณอาร์มบอกว่าจริง ๆ ร้านไม่ได้ทำตั้งแต่แรก เพียงแต่ทำตามคำเรียกร้องของลูกค้าที่อยากเพิ่มความกลมกล่อมให้กับเมนูนี้


ไม่เพียงแต่เมนูเนื้อที่ควรค่าแก่การมาลอง เพราะคุณอาร์มยังพร้อมเสิร์ฟเมนูอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูขายดีตั้งแต่เปิดร้านสตรีทฟู้ดอย่าง “สปาเกตตีต้มยำกุ้ง” (100 บาท) ที่รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมมาพร้อมกุ้งตัวโตสะใจ หรือจะลอง “กุ้งทอดคัตสึ” (ตัวละ 30 บาท) กุ้งทอดสไตล์ญี่ปุ่นที่ทอดได้กรอบนอกนุ่มในชวนกินเพลิน หรือถ้าใครยังติดใจความสดกรอบของผักสลัดออร์แกนิกจากเมนูสเต๊ก เราเชียร์ให้สั่งมาเต็มอิ่มกับ “ซีซาร์สลัด” (100 บาท) โดยน้ำสลัดซีซาร์ทางร้านก็ทำเองทุกวันตอกย้ำความเป็นโฮมเมด



หลังจากเราได้ชิมทุกเมนูก็สัมผัสได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบ รวมถึงรสชาติที่รับรู้ได้ถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน และเมื่อเหล่ดูราคาบนแผ่นเมนูก็ยิ่งทำให้เซอร์ไพรส์กับราคาที่ดีงามเกินคาดสำหรับเรา โดยเฉพาะกับ “เมนูเนื้อ”
“เราเคยไปญี่ปุ่น ที่นั่นจะมีร้านดี ๆ ราคาไม่แพงที่ทุกคนสามารถกินได้ มันไม่จำเป็นว่าถ้าอยากกินของดีต้องจ่ายราคาแพง และไม่สามารถกินได้ทุกวัน ต้องรอต้นเดือน ปีใหม่ ญาติมา หรือต้องมีโอกาสพิเศษถึงจะได้กินอาหารดี ๆ คอนเซปต์ของร้านเราเลยอยากเป็นร้านสเต๊กที่กินได้ทุกวัน ถ้าคุณอยากกินเมื่อไหร่ก็เดินเข้ามากินที่ร้านได้เลย”
คุณอาร์มคลายความข้องใจให้เราได้อย่างชัดเจนและครอบคลุมถึงความเป็นร้าน Aantarm Cafe ได้ครบทุกอณูอย่างแท้จริง

การเดินทาง
หากต้องการมาลิ้มลองรสชาติแบบฉบับโฮมเมดที่ Aantarm Cafe ร้านอาหารตลาดพลูร้านนี้ เราแนะนำให้เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีตลาดพลู ทางออก 3 ต่อรถสองแถวสีแดง (ไปวัดปากน้ำ) มาลงซอยเทอดไท 29 ร้านเนื้อ Aantarm Cafe นั้นอยู่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ