วงในบอกมา
- ความตั้งใจของร้าน "Goodman โคโรเกะ" เกิดจากความต้องการที่จะมีงานทำ ให้ไม่เกิดความเครียด
- สูตรอาหารเกิดจากการลองผิดลองถูกร่วม 3 เดือนกว่าจะได้รสชาติคงที่ในแบบปัจจุบัน
- “อินเทอร์เน็ตสอนให้ทำ แต่ประสบการณ์ และการทำเป็นประจำ จะสอนให้ทำได้ดี”

“ชีวิตวัยทำงาน” คงเป็นอะไรที่เมื่อนึกถึงแล้วก็คงเจอแต่ภาระหน้าที่ต่าง ๆ ที่มากมายจนเหลือล้น ทั้ง ความเครียด หน้าที่การงาน ครอบครัว และความเหนื่อยล้า จนใครหลายคนต้องถอดใจอยากไปใช้ชีวิตอย่างสงบก่อนถึงวัยเกษียณกันไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้ ผู้ที่ลาออกจากงานที่ทำมาทั้งชีวิตในวัย 55 ปี เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ ทำงานในกิจการที่เป็นของตัวเอง
“Goodman โคโรเกะ” พิกัด BTS วุฒากาศ ร้านรถเข็นเล็ก ๆ ที่ขาย “โคโรเกะ” ขนมทอดสไตล์ญี่ปุ่นกับคุณภาพที่คับก้อน ร้านนี้เกิดจากความตั้งใจของ ลุงเล็ก (สุชาย เบ็ญจสิริสรรค์) ชายผู้อยู่กับกิจการฝ่ายห้องอาหารในโรงแรมมาตลอดชีวิตการทำงาน แต่ผันตัวออกจากจุดสูงสุดในงานด้านอาหารแล้วคืนสู่สามัญในวัย 55 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่า “มันถึงเวลาของเราแล้ว ที่จะได้ออกมาทำในสิ่งที่อยากทำ”

แล้วหลังจากนั้นคุณลุงได้ทำสิ่งที่อยากทำไหมครับ? เราถามกลับด้วยความใคร่รู้ “ช่วง 5 เดือนแรกก็จัดการทำธุระที่บ้านจนเสร็จหมดเลย แต่หลังจากนั้น ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว” ลุงเล็กคิดจะกลับไปหางานทำอีกครั้ง แต่โชคช่างไม่เข้าข้าง ด้วยอายุที่ใกล้วัยเกษียณ ทำให้ลุงเล็กถูกมองว่า “ไม่เหมาะกับการทำงานอีกต่อไป”
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ลุงเล็กถอดใจ ล้มเลิกความคิดที่จะทำงานอีกครั้งแม้แต่น้อย “ถ้าเราไม่ไปเป็นลูกจ้างเขาแล้ว เราจะทำอะไรได้บ้าง ?” คุณลุงคิดไปถึงการเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตนเองไปเรียบร้อยแล้ว! จนบังเกิดเป็น “Goodman โคโรเกะ” ที่นำเอามันเทศหลากสีมาขัดสีฉวีวรรณ แปลงโฉมให้เป็น “โคโรเกะ” ขนมทอดยอดฮิตสัญชาติญี่ปุ่น

“โคโรเกะเป็นขนมที่ใช้มันฝรั่งเป็นวัตถุดิบหลัก แต่เราใช้มันเทศ มันฝรั่งเป็นแป้ง ส่วนมันเทศเป็นไฟเบอร์ โดยเฉพาะมันม่วง มีประโยชน์” ระหว่างลุงเล็กบรรยายสรรพคุณของมันม่วง วัตถุดิบหลักของ “Goodman โคโรเกะ” และยังเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน คุณลุงก็ทำการหยิบเอาก้อน “โคโรเกะ” หลากรสมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ สีใสชวนมอง


แม้ว่าลุงเล็กจะเคยทำงานในห้องอาหารของโรงแรม ความรู้ด้านอาหารจึงต้องมีบ้าง แต่กับการทำอาหาร นั้นเป็นอีกเรื่อง เพราะคุณลุงเล่าให้ฟังว่า “ตอนเริ่มต้นช่วง 3 เดือนแรก ลูกค้าที่มาซื้อ พอมาแล้วเขาก็ผ่านไป มารู้ทีหลังว่าของที่เรามัน “สุนัขไม่รับประทาน” แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายวัยใกล้เกษียณคนนี้ยอมแพ้แต่อย่างใด
คุณลุงทำการศึกษาและพัฒนา “โคโรเกะ” ทั้งจากคอมเมนต์ คำแนะนำของลูกค้า และประสบการณ์ ทอดประจำจนได้สูตรที่ใครต่อใครต่างติดใจจนต้องยูเทิร์นกลับมาซื้อซ้ำ!

“มีอยู่ครั้งหนึ่งนะ มีคนซื้อไป เราก็เอาใส่กระทงนี่ให้เขาเดินกิน ซักพักเขาก็รีบวิ่งกลับมา เราก็คิดว่าเอ๊ะ หรือเขาลืมเงินทอน แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ เขารีบวิ่งมาซื้อไปฝากที่บ้านเพิ่มอีก 6 ชิ้น” นอกจากนี้ยังมีลูกค้าอีกมากที่ติดใจในรสชาติจนผูกขาดกลายเป็นลูกค้าประจำไปโดยปริยาย ซึ่งลุงเล็กก็บอกกับเราว่า
“นี่คือสิ่งที่เราภูมิใจ”


ว่าแต่รสชาติสุดไฉไล ที่ถึงขั้นทำให้ต้องยูเทิร์นกลับมาซื้อซ้ำเนี่ยจะเด็ดขนาดไหน เราคงต้องไปดูกันแล้วล่ะ แต่บอกเลยว่าแค่หน้าตา และกลิ่นตอนทอดก็ทำเราท้องร้อง “จ๊อก จ๊อก” แล้วครับ

เริ่มด้วยเมนูขึ้นชื่อ ที่เป็นซิกเนเจอร์จนต้องนำไปเป็นชื่อร้าน “โคโรเกะมันม่วง” (10 บาท) ต้องบอกว่าเราว้าวกับเมนูจริง ๆ ตั้งสัมผัสแรกยันคำสุดท้าย เพราะมันหวาน กรอบนอก นุ่มใน รสละมุนในตัวจนต้องมอบตัว แถมมอบใจให้กับมันเลยล่ะ


และต่อกันด้วย “โคโรเกะชาเขียว” (10 บาท)ตัวนี้จะเป็นโคโรเกะมันเทศปรุงรสด้วยชาเขียว ให้กลิ่นล้ำลึกขึ้นอีกระดับ ไว้ระงับความหิว ก่อนจะจบด้วย “โคโรเกะมันส้ม” (10 บาท) แสนจะคลาสสิก แต่พอกินแล้วรู้สึกคลิกอย่างบอกไม่ถูก ทุกชิ้นที่ทอดออกมาจะกรอบนอก นุ่มใน และไม่อมน้ำมัน


นอกจาก “โคโรเกะ” เด็ด ๆ แล้ว คุณลุงยังทำการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ยันโลโก้ของร้านด้วยตัวเองอีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยครับกับชายวัยใกล้เกษียณที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างคุณลุง ท้ายนี้คุณลุงยังนำข้อคิดมาฝากเราด้วยว่า “เกษียณไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดแล้ว”

การเดินทาง
เพียงเดินมาทางออกที่ 4 ของ BTS สถานีวุฒากาศ ท่านจะไม่พลาดที่จะได้พบกับ “โคโรเกะ” ที่ปั้นเป็นก้อนขนาดพอน่ารัก กระทัดรัด และจัดเต็มเรื่องความกรอบนอก นุ่มใน จากร้าน “Goodman โคโรเกะ” อย่างแน่นอนล่ะครับ