ร้านไอศกรีมไปรษณีย์กลาง กะทิสดแท้ ๆ กับความคลาสสิกที่ลงตัว ถือว่าน้อยมากกับการที่จะเจอร้านไอศกรีมโบราณแบบนี้ เราจะมาดูกันว่าอะไรทำให้ร้านนี้อยู่มานานจากรุ่นสู่รุ่นได้จนถึงตอนนี้ ตามไปดูกันเลยจ้า
“คุณหน่อง-อรอนงค์ ตั้งนรกิจ” เจ้าของร้าน ที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้มายาวนาน เล่าว่าร้านนี้เป็นกิจการของครอบครัว ที่เปิดมานานกว่า 80 ปี เมื่อก่อนเรียกว่า ตรอกสะพานยาว และค่อยเปลี่ยนมาเป็นซอยเจริญกรุง 43

“เมื่อก่อนคุณพ่อ ขายอยู่แถวกรุงเทพคริสเตียน ขายตั้งแต่เป็นรถเข็น ตอนนั้นใช้ถังไม้โอ๊คใส่น้ำแข็งรอบ ๆ ถังแล้วใส่เกลือ” ต่อมาเริ่มมาซื้อร้านตรงนี้เมื่อ 35 ปีที่แล้ว สมัยก่อนย่านนี้จะเป็นย่านที่คนเยอะมาก คนจะส่งของติดต่อสื่อสาร จะต้องมาที่ไปรษณีย์กลาง เพราะเป็นจุดศูนย์กลางเลย ทำให้มีคนมาหาของกินย่านนี้ทั้งซอยและเป็นย่านที่ร้านค้ารุ่งเรืองมาก
ถ้าใครพูดถึงร้านไอศกรีมแถวไปรษณีย์กลาง ก็จะนึกถึงร้านนี้เลย “ขายกันจนหยุดไปคือตายกันไปข้างหนึ่ง” คนเริ่มรู้จักร้านมาจากคนที่ทำงานอยู่แถวนี้ “ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าประจำ แต่ก็มีลูกค้า walk in ด้วยแถวนี้ร้านอาหารแต่ละร้านขึ้นชื่อหมด ส่วนใหญ่ก็ขายกันจนอายุมาก ๆ” ร้านนี้เรียกได้ว่าถ่ายทอดกันมารุ่นที่ 4 แล้ว “ถ้ารุ่นนี้ไม่เอาอาจจะหายไปก็ได้”


จุดเด่นของร้านที่ทำให้คนติดใจ คือ รสชาติ และวัตถุดิบ ที่มีความคลาสสิก ทำจากพืชทั้งหมด “ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะทุกอย่างมันก็จะเป็นพืชและผลไม้” ในส่วนของเมนูไอศกรีม มีหลากหลายถึง 5 รสชาติให้ได้มาลองชิมกัน คือ กะทิสดรวมมิตร กาแฟ วานิลลา สตรอว์เบอร์รี และโกโก้

“เมนูที่ขายดี คือ ไอศกรีมกะทิสด ซึ่งกะทิสดจะไม่หวานเกิน มีความหอมของกะทิและที่เรียกว่าเป็นรวมมิตรเนี่ยมาจากในส่วนของกะทิสดต้องบอกเลยว่า กะทิก็มาจากทางใต้ กะทิทางใต้เป็นกะทิที่มีคุณภาพมากที่สุดใช้ขนุนกับเผือก เพื่อทำให้รสชาติหอมขึ้น ซึ่งขนุนก็เป็นผลไม้ที่หอม พอมาใส่ในไอศกรีมทำให้หอมยิ่งขึ้นไปอีก กินแล้วสดชื่น”
ในส่วนของรสกาแฟ จะไม่เหมือนที่อื่นเลย ไม่ได้ใส่กลิ่น เพราะทางร้านใช้เมล็ดกาแฟสดที่คั่วแล้ว ซึ่งได้ไปเลือกซื้อจากร้านที่ขายเมล็ดกาแฟคั่วที่ดี เลือกเกรดอย่างดี ทำเป็นกาแฟใส่ลงไปในตัวไอศกรีม ทำให้ได้ความหอมของกาแฟเลย


ท็อปปิงที่ใส่ไอศกรีมของร้านไม่เหมือนร้านอื่น ตรงที่ใช้วัตถุดิบจากพืชทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “ข้าวโพด ถั่ว ลูกบัว และลูกชิด”
ส่วนของ “เยลลีที่ร้าน เป็นการปรุงรส ไม่ใช่การปรุงแต่งและไม่หวานมากเกินไป ซึ่งทางร้านก็ได้ทำท็อปปิงเองหมดเลย เช่น ข้าวโพดก็ซื้อมาต้มเอง ไม่ได้ซื้อแบบสำเร็จรูปมา พยายามทำทุกอย่างให้สดใหม่ เสมอ เพราะว่าจริง ๆ ที่เราขายร้านเล็ก ๆ แบบนี้ จึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มันเป็นแมสมากเกินไป”


เรื่องของรสชาติไอศกรีม “อาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่คนกินแล้วรู้สึกว่ารสชาติมันคลาสสิก เพราะคงความเก่าแก่แบบโบราณ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่เค้าบอกว่าไม่เคยกิน แต่ถ้ารุ่นพ่อแม่กินเนี่ย เค้าจะบอกว่า อยากกินไอศกรีมแบบนี้มาตั้งนาน หาไม่เจอ มาเจอร้านเราตรงนี้”
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้เลย คือ “ถ้วยคอเรลล์” “ถ้วยใบนี้คือใช้มา 50-60 ปีแล้ว ใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ เหลืออยู่ไม่กี่ใบ” รู้มาว่า ทางร้านพยายามรักษาอย่างดี เพื่อไม่ให้หาย ไม่ให้แตก เพราะเหลือน้อยมากจริง ๆ “เหลือต่อไปอาจจะตั้งโชว์ละมั้ง”
“ถ้าถามเด็กรุ่นก่อน ๆ จนมาถึงตอนนี้ เค้าน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีแล้วอะ เหมือนพอเค้าเห็นถ้วยก็จะรู้ว่าคือร้านนี้ บางคนเคยกิน แล้วไม่ได้กินมา 20 กว่าปี วันหนึ่งมากินก็จะรู้ทันทีว่า เนี่ยไอศกรีมไอ้อ้วน นี่รสชาติไอศกรีมไอ้อ้วนไหม เค้าก็ถามรู้จักอ้วนไหม เราก็บอกว่าเนี่ยพ่อเราเอง”

ช่วงสถานการณ์โควิด ทางร้านก็ได้รับผลกระทบจากการที่ห้ามนั่งกินที่ร้าน “แต่จะมีกลุ่มลูกค้าที่มาสั่งอยู่แล้ว เอากลับไปกินที่บ้าน ซึ่งการที่มีหน้าร้าน เพื่อที่ว่าลูกค้า กลุ่มคนที่ทำงานออฟฟิศ มากินข้าวกลางวัน แล้วจะได้กินไอศกรีมควบคู่ไปด้วย” หรืออาจจะเป็น walk in เข้ามากินแล้วชอบ กลับมากินซ้ำอีก ตอนนี้ทางร้านก็ได้ทำแพ็กเกจแบบกระปุกเป็นเดลิเวอรีไปที่บ้าน “ทุกอย่างไม่มีการใส่สารกันบูด อาจจะเก็บในตู้เย็นได้ประมาณสักสองอาทิตย์”


อยากจะให้ทุกคนได้มาลองชิมกันกับร้านไอศกรีมไปรษณีย์กลาง จากรุ่นสู่รุ่น ตอนนี้ก็รุ่นที่ 4 แล้ว “ในอนาคตอาจจะมีการขยายร้าน จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เราคิดว่าไอศกรีมแบบนี้ไม่แพ้แบรนด์ดัง ๆ และอีกอย่างเราถือว่าเป็นของคนไทย ต้องสนับสนุนสินค้าไทย เอารากของคนไทยเลย เพราะทุกอย่างอยู่ในเมืองไทย เป็นเราจะกินอย่างนี้นะ อะไรที่เป็นของคนไทยเราก็จะอนุรักษ์กินของคนไทย ถึงแม้ว่ามันจะถูกหรือแพง เราคิดว่ากินของคนไทยที่ไทยทำ”
ร้านไอศกรีมไปรษณีย์กลาง (ฮงฮวด) ซอยเจริญกรุง 43 ตรงข้ามไปรษณีย์กลาง เปิดขายทุกวัน หยุดวันอาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 10.00 น.-19.00 น. ถ้าใครอยากชิมแต่ไม่สะดวกมาก็สามารถสั่งผ่านได้ที่นี่ LINE MAN