“กระทะเหล็ก” ร้านอาหารไทยภายใต้แบรนด์ Five Star ผสมผสานวัตถุดิบคุณภาพ
  1. “กระทะเหล็ก” ร้านอาหารไทยภายใต้แบรนด์ Five Star ผสมผสานวัตถุดิบคุณภาพ

“กระทะเหล็ก” ร้านอาหารไทยภายใต้แบรนด์ Five Star ผสมผสานวัตถุดิบคุณภาพ

“กระทะเหล็ก” ร้านอาหารไทยภายใต้แบรนด์ Five Star เปิดประสบการณ์อาหารไทยตามสั่งที่มาพร้อมคอนเซปต์ “อร่อยร้อนทุกจาน จัดจ้านถึงใจสูตรต้นตำรับไทยแท้ ๆ”
writerProfile
1 มี.ค. 2021 · โดย

วันนี้ Wongnai จะพาไปร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่งย่านพญาไท ชื่อ “กระทะเหล็ก” ที่ตั้งอยู่ในตึก C.P. Tower 3 ชั้น 1 สาเหตุที่มาร้านนี้ก็เพราะว่าวันก่อนทีมงานของเรามีโอกาสไปทำธุระแถวนั้น แล้วไปเห็นพนักงานออฟฟิศกินกันแน่นร้านเลยลองเข้าไปกินดูก็บอกว่ารสชาติจัดจ้าน ราคาเอื้อมถึง เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา พอชมไม่หยุดปากแบบนี้สายกินอย่างเราจะพลาดได้ไง ว่าแล้วก็ไปลองกันเลย!

กระทะเหล็ก

เราเดินทางกันมาด้วย BTS ถึงสถานีพญาไท เดินเข้าประตูที่เชื่อมจากสถานีรถไฟฟ้าได้เลย (ตึก C.P. Tower 3 ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีพญาไท และ Airport Rail Link สถานีพญาไท) พอเดินลงบันไดเลื่อนมา 2 ชั้น ก็เห็นป้ายร้านอย่างใหญ่ชื่อ “กระทะเหล็ก” เด่นมาก มองไปก็เห็นพนักงานออฟฟิศนั่งกินข้าวกันเต็มทุกโต๊ะ แถมพนักงานเดลิเวอรีที่มารอสั่งออร์เดอร์อีกหลายคน เราเลยถามพี่พนักงานว่ามีเมนูไหนเด็ด คนสั่งเยอะบ้าง เขาก็แนะนำมา 3 เมนู คือ “ข้าวกะเพราเอ็นฮ่องเต้” “ข้าวปลากะพงผัดฉ่า” และ “สปาเกตตีขี้เมากุ้ง” เราก็บอกให้พี่เขาจัดมาเลย

กระทะเหล็ก

จานแรกมาแล้ว “ข้าวกะเพราเอ็นฮ่องเต้” (89.-) ความประทับใจแรกคือ กลิ่นกะเพราที่หอมมาก กับปริมาณที่ดูก็รู้ว่ากินแล้วอิ่มแน่ ๆ กับไข่เจียวดาวที่อลังการกว่าในรูปอีกจ้า รสผัดกะเพรารสจัดกำลังดี ไม่เผ็ดเกิน แต่ก็ไม่อ่อน และอีกอย่างที่สะกิดใจตั้งแต่ตอนสั่งก็คือ “เอ็นฮ่องเต้” คืออะไร สรุปกัดไปคำแรกคือ เอ็นไก่ชุบแป้งทอดนั่นเอง แอบตกใจเหมือนกัน เพราะเพิ่งเคยกินเอ็นไก่ทอดกับผัดกะเพรา มันดิสกว่าที่คี (ดีกว่าที่คิด) เพราะความกรอบและความมันเข้ากับกะเพรารสจัดได้ดีมาก ที่สำคัญกรอบนาน ขนาดคลุกซอสกะเพราแล้ววางทิ้งไว้ ไปกินจานอื่นก็ยังกรอบ แล้วยังมีไข่เจียวดาวไว้ตัดเลี่ยนอีก คือดีมาก

พอกำลังตื่นตูมกับกะเพรา “สปาเกตตีขี้เมากุ้ง” (95.-) กับ “ข้าวปลากะพงผัดฉ่า” (89.-) ก็ตามมา คือเอาจริง ๆ เสิร์ฟเร็วมากนะ ขนาดลูกค้ามากินเยอะขนาดนี้ เราเลยพักข้าวแล้วเปลี่ยนอารมณ์ มากินเส้นต่อเพราะกลัวจะไม่ได้ลองกินตอนร้อน ๆ

ความประทับใจแรกของจานนี้ ยังคงเป็นปริมาณที่เยอะจนน่าประทับใจ กับกลิ่นที่หอมเด่นแต่ครั้งนี้ไม่ใช่กะเพรา แต่เป็นกลิ่นพริกไทยอ่อน กับซอสผัดขี้เมาที่แค่ดมก็รู้ว่าซี้ดซ้าดแน่ ชิมไปคำแรกก็อุทานออกมาว่า โอ้โห! เพราะรสซอสมันถึงเครื่องเว่อร์ ความจัดจ้านของรสชาติไม่แพ้กะเพราเอ็นฮ่องเต้ก่อนหน้านี้เลย และอีกอย่างที่น่าประทับใจก็คือปริมาณกุ้งที่ราคาแค่นี้แต่ให้มาตั้ง 6 ตัว แถมเด้งสู้ฟันเกิ๊น แกะหางออกจากเปลือกง่ายในปรื้ดเดียว แป๊บเดียวก็ซู้ดไปได้ครึ่งจานแล้ว และก่อนที่จะซัดกันจนอิ่มเราเลยไปต่อกันที่ข้าวปลากะพงผัดฉ่า

กระทะเหล็ก

แม้ว่าจะเป็นจานที่ 3 แต่จานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้กลิ่นจานนี้จะไม่หอมฟุ้งเท่า 2 จานแรก แต่ความเผ็ดจัดจ้านไม่ได้หนีกันเลย รสชาติซอสผัดฉ่าจะเผ็ดออกไปทางหวานกว่านิดหน่อย แต่พอกินคู่กับเนื้อปลาทอดแล่บาง กลายเป็นพอดีซะงั้น อันนี้ใครชอบกินเพลิน ๆ แนะนำต้องลอง ทีนี้พอคิดว่าจะกลับไปปิดจ๊อบ 2 จานแรก เอ๊า! กินปลาไม่หมดซะที สรุปเขาให้ปลากะพงมา 5 ชิ้นจ้า โอ้โห! ไม่หวงของกันเลยพ่อคุณ พอกินเมนูเด็ดกันหมด ก็บ่าย 2 พอดี คนเริ่มลดลง เราก็คิดกันว่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว ลองเมนูเบสิกกันซะหน่อยละกัน มารอบเดียวต้องเอาให้คุ้ม เลยเดินไปสั่ง “กะเพราหมูสับ” (55.-) “สปาเกตตีขี้เมาหมู” (79.-) “ข้าวปลากะพงซี้ดซ้าด” (89.-) แล้วก็ “ชิกเกนบาร์ทรงเครื่อง” (39.-) มาปิดงาน ทีนี้มาเร็วมาก แถมมาทีเดียว 4 จานเลยค่ะ เร็วจนไม่ทันตั้งตัว

กระทะเหล็ก

เอาจริง ๆ กะเพราจานนี้ คือ รสเดียวกับกะเพราเอ็นฮ่องเต้ แต่ต่างกันตรงเป็นหมูสับ ซึ่งหลังจากกินทั้งแบบหมูสับและเอ็นฮ่องเต้ เราคิดว่า “กระทะเหล็ก” น่าจะเป็นหนึ่งในร้านกะเพราที่โดนใจใครหลายคน เพราะซอสค่อนข้างมีความ Standard เท่ากันทุกจาน รสจัดจ้าน ไม่หวานเกินไป แล้วก็ไม่มีซอสกะเพราแฉะอยู่ที่ก้นจานนัก และที่สำคัญไม่มีถั่วฝักยาวจ้า

และพอดีหนึ่งในทีมเราเป็นสปาเกตตีขี้เมา Lover เลยสั่งหมูมาลองด้วย ทีนี้ความประทับใจของจานนี้ยังคงเป็นกลิ่นที่หอมพริกไทยอ่อนเหมือนกัน แต่พอกินถึงได้รู้ว่าต่างกันตรงที่สปาเกตตีขี้เมากุ้งจะมีกลิ่นของเนยที่ชูความหอมด้วย ส่วนสปาเกตตีขี้เมาหมู จะเด่นที่กลิ่นกระเทียมมากกว่า และมีหมูเด้ง ๆ นุ่ม ๆ ให้ฟินแทน แต่ถ้าจะให้บอกว่าอันไหนฟินกว่ากัน น่าจะอยู่ที่ความชอบของแต่คน ต้องลองมากินเอง มาต่อกันที่ข้าวกะพงซี้ดซ้าด จานนี้นับเป็นรสชาติใหม่ที่ยังไม่ได้กินในทริปนี้ ซึ่งกลิ่นของจานนี้จะออกไปทางยำ เพราะมีซอสยำรสหวานเผ็ด กับเครื่องยำที่ล้นจาน และปลากะพงทอดแล่บาง 5 ชิ้น เหมือนข้าวกะพงผัดฉ่า ตอนกินเครื่องยำกับปลาแยกกันให้ความรู้สึกว่าซอสยำแอบหวาน แต่พอกินด้วยกันก็เข้ากันได้ดีมาก เอาจริง ๆ ตั้งแต่มาเราพยายามหาข้อเสียของรสชาติ แต่ก็ยังไม่มีจุดให้ติได้เลย ถือว่าเป็นมื้อที่ดีมากมื้อหนึ่งเลย

และเมนูสุดท้าย เราปิดงานด้วย ชิกเกนบาร์ทรงเครื่อง หรือก็คือ “ไก่ยอทอด” นั่นเอง เขาเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย ถ้ากินแยกก็จะได้สัมผัสกรอบมัน รสชาติดี แต่ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยก็จะเป็นรสมัน ๆ หวาน ๆ กินสนุก เอาจริง ๆ ถ้าสั่งเป็นออร์เดิร์ฟ หรือสั่งจานแรกต้องเป็นจานเรียกน้ำย่อยได้ดีแน่ ๆ พอกินเสร็จก็เดินไปจ่ายเงิน สรุปยอดบิลออกมาตกใจมาก เพราะราคาคุ้มเกินเบอร์ ทำไมถึงกล้าขายในราคานี้ได้

เลยลองคุยเล่นกับพี่พนักงานดู จึงรู้ว่าเป็นร้านแฟรนไชส์ใหม่จากแบรนด์ Five Star ที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปี 2020 นี่เอง และเพิ่งเปิดไปอีก 1-2 สาขาไม่นานมานี้ ที่สำคัญเขามีขายแฟรนไชส์ด้วย นอกจากจะมีอาหารที่เลิศรสแล้วยังต่อยอดเป็นธุรกิจได้อีกด้วย บอกเลยว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน!

#กระทะเหล็ก #อาหารตามสั่งระดับห้าดาว #อร่อยสูตรต้นตำรับไทยแท้ #เสิร์ฟร้อนอร่อยจัดจ้านทุกจาน