#วงในบอกมา
- “สเต๊กสอาด” เปิดเมื่อปี พ.ศ. 2513 และมีความมุ่งมั่นที่จะขายสเต๊กราคาถูก ให้กับกลุ่มคนที่กำลังทรัพย์น้อย
- เมนู “สเต๊กรวมมิตร” ที่มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และขนมปัง เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เคยขายแค่จานละ 18 บาท เพราะอยากให้คนที่กำลังทรัพย์น้อยได้กินเมนูหรูในราคาเอื้อมถึง
- ทางร้านใช้ “ข้าวเกรียบ” แทน “เฟรนช์ฟรายส์” เพราะจะคงความกรอบ และเก็บไว้ได้ตลอดทั้งวัน

ถ้าพูดถึงปี พ.ศ. 2540 คงจะไม่มีใครไม่รู้จักวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เรียกว่า ฟองสบู่แตก และหนึ่งในร้านเก่าแก่ชื่อดังอย่าง “สเต๊กสอาด” ก็ยืนหยัดได้ด้วยกลยุทธ์ราคาอาหารที่แสนถูก ในยุคที่ผู้บริโภคระวังเรื่องการใช้จ่ายแบบสุด ๆ

จุดเริ่มต้นของ “สเต๊กสอาด” ที่กล้าจะขายราคาถูก
คุณไจ๊ นพรัตน์ เตมีพัฒนพงษา ทายาทรุ่นที่ 3 ของ “สเต๊กสอาด” ที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 นานกว่า 40 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการทำร้านก๋วยเตี๋ยว จนกระทั่ง คุณปู่สอาด เจ้าของร้านรุ่นที่ 1 มีความคิดอยากจะให้เมนูแสนแพงอย่าง “สเต๊ก” ที่สมัยนั้นราคาเหยียบหลักร้อย (คุณไจ๊บอกว่า ถ้าเทียบกับยุคนี้คือหลักพัน!) กลายเป็นอาหารที่คนทั่วไปเอื้อมถึงได้ในราคาหลักสิบ
“เท่าที่ผมจำความได้ เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว ร้านเราขายสเต๊กแค่ 18 บาท เองครับ แล้วก่อนหน้าที่ผมเกิด มันก็ต้องมีถูกกว่านั้นไปอีก” พี่ไจ๊กล่าวกับเราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แถมยังเสริมต่อด้วยว่า “สเต๊กสอาด” ในสมัยที่เพิ่งเริ่มธุรกิจ คนเยอะมากเสียจนต้องต่อคิวยาวไปยันหน้าร้านเลยทีเดียว


มีขาขึ้นต้องมีขาลง เมื่อยุค “ฟองสบู่แตก” มาถึง
ในช่วงที่เกิดสภาวะฟองสบู่แตกเมื่อปี พ.ศ. 2540 “สเต๊กสอาด” เองก็เป็นหนึ่งในร้านสเต๊กอิสรภาพที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพราะค่าครองชีพที่สูงมากขึ้น ธุรกิจร้านอาหารที่มีน้อยอยู่แล้วในยุคนั้น ก็ค่อย ๆ ปิดตัวลงและหายไปทีละนิด “สเต๊กสอาด” ที่แม้จะขายในราคาที่แสนถูก เพียง 35 บาท (ในพ.ศ. 2540) ก็พลอยซบเซาจนความรุ่งเรืองของธุรกิจถึงกับชะงัก เงียบเสียจนใจหาย

#เศรษฐกิจบอกมา : เลือกที่จะได้กำไรน้อย แต่ลูกค้าอยู่กับเราได้นาน
แต่ “สเต๊กสอาด” ก็ไม่เหงาหงอยนานนัก เพราะครอบครัวเตมีพัฒนพงษาในตอนนั้น ก็หันมาร่วมแรงกันวางกลยุทธ์เพื่อให้ผ่านยุคฟองสบู่แตกนี้ไปให้ได้ โดยเริ่มจากการลดต้นทุนจำนวนพนักงานลง แล้วปรับมาใช้แรงงานส่วนใหญ่ที่มาจากญาติพี่น้อง มาช่วยกันเสิร์ฟ ช่วยกันทำอาหารภายในร้านแทน แต่ในขณะเดียวกันต้องไม่ลืมรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ ด้วยการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพเหมือนเดิม
“ถ้าจะเปิดร้านอาหาร ก็ต้องลงมาทำทุกอย่างเองได้ด้วย ลูกน้องทุกคน ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดหรอก วันหนึ่งไม่มีเขา เราก็ต้องดำเนินธุรกิจต่อไปให้ได้” คุณไจ๊บอกกับเราด้วยสีหน้ามุ่งมั่น


อีกทั้งยังยืนหยัดที่จะตั้งราคาอาหารให้ถูกเหมือนเดิม เพราะผู้บริโภคตอนนั้นไม่มีกำลังซื้อมากพอ อย่างน้อย “สเต๊กสอาด” ยังเป็นร้านอาหารนอกบ้านที่ลูกค้ายังนึกถึงอยู่ในเวลานั้น
ส่งต่อความจริงใจ จากรุ่นปู่ สู่ รุ่นหลาน
และก็มาถึงช่วงที่ต้องลองชิมเมนูเด็ดของ “สเต๊กสอาด” ที่เดินทางผ่านยุคสมัยต่าง ๆ มาเนิ่นนาน เริ่มจาก “สเต๊กรวมมิตร” (60 บาท) เมนูสเต๊กที่มีทั้งไก่, หมู, ไส้กรอก, ไข่ดาว, ผักสลัด และขนมปัง อิ่มจุกในราคาแสนเบา ต่อด้วย “หมี่กรอบหน้าไก่” (30 บาท) ได้แรงบันดาลใจจากร้านหมี่กรอบเจ้าดัง แต่คุณปู่สอาดได้ดัดแปลงเป็นสูตรของตัวเอง จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมของร้าน และสุดท้าย “ปีกไก่เหล้าแดง” (30 บาท) ปีกไก่ทอดกรอบ (45 บาท) ผัดกับซอสเหล้าแดงเข้มข้น กินคู่กับข้าวเกรียบที่ใช้แทนเฟรนช์ฟรายส์ เพราะสามารถคงความกรอบไว้ได้นานกว่า



ระหว่างชิม คุณไจ๊ก็ได้เล่าให้เราฟังอีกว่า “คุณปู่จะสอนผมเสมอว่า กำไรน้อยหน่อยไม่เป็นไร ดีกว่าเราขึ้นราคาแล้วลูกค้าก็หาย สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย” เพราะฉะนั้นเรื่องราคาถูก จึงเป็นสิ่งที่ “สเต๊กสอาด” ยึดถือเป็นจุดเด่นของร้านเสมอมา

หลังจากได้ฟังเรื่องราวการก้าวผ่านปัญหาเศรษฐกิจของร้าน “สเต๊กสอาด” และวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แล้ว เราก็พบว่า การยึดมั่นและใส่ใจในความรู้สึกของลูกค้าก็เปรียบเสมือนหัวใจหลักในการทำธุรกิจ ในทุกวันที่มีการแข่งขันกันระหว่างสถานประกอบการณ์เต็มไปหมด แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเลขที่เรียกว่ากำไร อาจจะไม่ยั่งยืนเท่าความรู้สึกดี ๆ ที่ลูกค้ามีให้กับเราในระยะยาว
อย่าลืมไปลองชิม “สเต๊กสอาด” ก็สามารถเดินทางไปได้ที่ ปากซอยอิสรภาพ 12 บริเวณสี่แยกบ้านแขก กรุงเทพมหานคร ร้านเปิดวันจันทร์ - เสาร์ 2 ช่วงด้วยกันคือ 11:00 - 14:00 น. และ 16:30 - 22:00 น. นึงถึงสเต๊กราคาถูก สเต๊กสอาดจะเป็นอีกหนึ่งร้านที่เพื่อน ๆ ไม่มีวันลืม ส่วนใครที่สนใจร่วมมาผ่ากลยุทธ์ และเผยทุกเคล็ดลับ ทำอย่างไรให้ร้านอาหารอยู่รอดได้ในยุคเศรษฐกิจซบเซา ไปกับบทความ เศรษฐกิน ของ Wongnai รอบหน้าเราจะไปชิมและคุ้ยเรื่องเศรษฐกิจที่ร้านไหน อย่าลืมติดตามกันเยอะ ๆ นะจ๊ะ