#วงในบอกมา
- ก่อนจะเปิดร้าน Tealily Cafe คุณโบว์ เจ้าของร้านได้ไปเรียนรู้เรื่องราวของชาเขียวที่ครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่การคัดเกรดใบชาไปจนถึงการชงชาเขียวที่จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
- คุณโบว์บอกเราว่า ทางร้านจะเลือกใช้ผงมัทฉะที่บดจาก “เทนฉะ” ใบชาคุณภาพดีที่มีครบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นสี รูปลักษณ์ กลิ่น และรสสัมผัสที่ให้ทั้งรสฝาด รสอูมามิ และรสหวานในตัว
- สั่งเดลิเวอรีร้าน Tealily Cafe ผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่
“เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าเลยค่ะ” เป็นคำทักทายที่ทำให้เราใจฟูสำหรับการมาเยือน ณ ร้าน Tealily Cafe ในครั้งนี้ เพราะหากจะไล่เรียงการเจอกันล่าสุด ต้องย้อนไปเกือบ 5 ปีที่แล้วที่เรามีโอกาสได้รู้จักคุณโบว์-ปณิฎา เหล่านิยมชน หญิงสาวแสนน่ารักที่ ณ ตอนนั้นเพิ่งเปิดคาเฟ่มัทฉะเล็ก ๆ ในซอยสุขุมวิท 39 ในนาม Tealily Cafe ก่อนจะโยกย้ายตำแหน่งและลงเอยครั้งล่าสุดนี้ ณ ซอยเอกมัย 12 กับบ้านไม้แสนอบอุ่น เน้นโทนสีขาวสบายตา และเปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ด้านในได้ชวนหลงใหลเป็นที่สุด
“เราอยากให้คนเข้ามาแล้วรู้สึก Feel Like Home เหมือนมาบ้านเพื่อน แล้วเราก็คือเพื่อนคนหนึ่งที่ชงชาเขียวมาให้” คุณโบว์บอกเราพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเราถามถึงคอนเซปต์การตกแต่งร้าน Tealily Cafe ที่ไม่ว่าจะมุมไหนเราก็สัมผัสได้อย่างที่คุณโบว์อยากให้รู้สึก รวมถึงโซน Tea Bar ที่แม้จะได้ใกล้ชิดและสบตากับคุณโบว์ขณะชงชาเขียวให้เราดื่ม ความเคอะเขินก็ไม่มีปรากฎ แถมยังแทนที่ด้วยความผ่อนคลาย อบอุ่น และเป็นกันเองเหมือนเราอยู่ใกล้กับเพื่อนสนิทชิดใจ
ไม่เพียงการย้ายมาสู่บ้านหลังใหม่ของ Tealily Cafe ที่ทำเราให้เราหวนหาความผูกพันบางอย่าง แต่รวมถึงเรื่องราวที่ถูกอัปเดตผ่านอินสตาแกรมของร้าน Tealily Cafe ที่สื่อให้เห็นว่าคุณโบว์ยังคงหลงใหลความเป็นชาเขียวไม่เสื่อมคลาย แถมยังขยันสร้างสรรค์เมนูชาเขียวใหม่ ๆ ออกมาได้น่าสนใจอยู่เสมอ
“เวลาโบว์ไปเจออะไรก็ตาม ในหัวก็จะคิดขึ้นมาว่าเป็นชาเขียวได้มั้ยนะ? อย่างเจอ Slurpee จากน้ำอัดลมจะเป็นชาเขียวได้มั้ยนะ? หรือเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มจะเป็นชาเขียวได้มั้ย? เรายังสนุกกับการทำให้ทุกอย่างเป็นชาเขียวได้ เหมือนเราเห็นชาเขียวอยู่ในชีวิตประจำวันไปแล้ว และจะไม่ได้จบแค่ตรงนั้น มันจะมาจบตรงที่เราทดลองทำจนสำเร็จ และทำให้ลูกค้าได้ลองกินกัน” คุณโบว์บอกกับเราพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มที่เราสัมผัสได้ถึงความสุขที่มีต่อชาเขียวเอามาก ๆ
ก่อนจะมาหลงใหลความเป็นชาเขียวจนเปิด Matcha Teahouse แสนอบอุ่นหลังนี้ คุณโบว์เล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนคุณโบว์ติดกาแฟจนตัดสินใจไปเรียนรู้การชงกาแฟจริงจัง แต่ก็พบว่าไม่ได้มีความสุขเหมือนหรือมากกว่าตอนดื่ม แต่กับชาเขียวนั้นต่างออกไป
“ตอนที่เรามีโอกาสได้รู้จักชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการผลิตหรือประวัติศาสตร์ชาเขียว เรารู้สึกอินไปกับเขา เหมือนเราอยากรู้จักเขามากขึ้น อยากมีชีวิตอยู่กับชาเขียว เหมือนมองเห็นเขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่เราอยากมีคน ๆ นี้อยู่ในชีวิตประจำวัน”
เมื่อรู้ใจตัวเองแน่ชัด คุณโบว์จึงตัดสินใจไปเรียนรู้เรื่องราวของชาเขียวที่ครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่การคัดเกรดใบชาไปจนถึงการชงชาเขียวที่จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น กับอาจารย์ท่านหนึ่งที่รู้จักผ่านทางพี่ชายของคุณโบว์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ใบชา การแยกประเภทใบชา การนวดใบชา การคั่วใบชา รวมถึงอุปกรณ์ที่เหมาะสม ฯลฯ โดยคุณโบว์จะคอยหมั่นอัปเดตชาเขียวที่ญี่ปุ่นทุก ๆ ปี ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่พัฒนาตามเทคโนโลยีของยุคสมัย
สำหรับ Tealily Cafe คุณโบว์เลือกใช้ผงมัทฉะที่บดจาก “เทนฉะ” ใบชาคุณภาพดีรองลงมาจาก “เกียวคุโระ” ที่ถือเป็นใบชาหายาก และมีราคาสูง โดยส่งตรงวัตถุดิบจากเมืองอูจิ จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
“อย่างมัทฉะที่บดมาจากเทนฉะ ทุกอย่างมันมีครบหมดเลยทั้งสี รูปลักษณ์ กลิ่น และรสสัมผัส เราชอบเทนฉะเพราะมันมีทั้งความฝาด รสอูมามิ และมีความหวานในตัว แต่จริง ๆ ทุกใบชามีความพิเศษของเขา อย่างมัทฉะที่เก็บเกี่ยวฤดูหลัง ๆ แล้วความฝาดมันสูงมาก ราคาก็ไม่ได้แพง แต่ว่าขายดีมากตามร้านซูชิหมุน เพราะมันดับกลิ่นคาวปลาได้ดี คือทุกใบชามันมีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ของเขา เพียงแต่เราต้องจับวางเขาให้ถูกที่”
เช่นเดียวกับการนำชาเขียวมาสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ ในแบบฉบับของ Tealily Cafe ที่คุณโบว์บอกเราว่าทางร้านจะมีความเข้มข้นของชาเขียวให้เลือกหลายระดับ รวมถึงการปรับความเข้มข้นให้เข้ากับแต่ละเมนูได้อย่างเหมาะสม
“เพราะคำว่าเข้ม อ่อน หรือหวานน้อยของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราพยายามจะหาวิธีรองรับทุกคนให้ได้มากที่สุด อย่างเครื่องดื่มเราทำได้เข้มสุดเท่านี้นะ เพราะถ้าเข้มกว่านี้จะไม่ได้แล้ว หรืออย่างไอศกรีมจะมีความเข้มข้น 3 ระดับ ได้แก่ 55%, 75% และ 95% ส่วนเค้กชาเขียวหน้านิ่มเราคิดว่าเข้มประมาณนี้กำลังดี”
เราได้ลิ้มลอง “Matcha Ice-cream” (215-245 บาท) ที่ประกอบด้วยไอศกรีมชาเขียว ถั่วแดงกวนโฮมเมด และชิระทะมะดังโงะโฮมเมดเนื้อนุ่มหนึบหนับเคี้ยวเพลิน ที่หากใครติดใจเราแนะนำให้สั่ง “Kuromitsu Kinako Dango” (165 บาท) ที่คุณโบว์ทำสดใหม่เมื่อสั่ง อดใจรอเพียง 15 นาทีจะพร้อมเสิร์ฟดังโงะนุ่มหนึบพร้อมซอสคุโรมิตสึที่เคี่ยวด้วยน้ำตาลจากโอกินาว่าเป็นเวลา 5 ชั่วโมง และผงคินาโกะจากฮอกไกโด
นอกจากชาเขียวหรือมัทฉะที่อยากให้เราได้รู้จักผ่านหลากหลายเมนูแบบฉบับ Tealily Cafe คุณโบว์ยังอยากแนะนำให้เรารู้จักกับ “โฮจิฉะ” ชาเขียวคั่วไหม้ที่มีเอกลักษณ์ทั้งกลิ่นหอม ๆ และรสชาติ โดยทางร้าน Tealily Cafe ก็มีให้เลือกลิ้มลองกันทั้งเครื่องดื่มและไอศกรีมเช่นกัน
จำได้ว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วเราประทับใจในความรักอันมั่นคงต่อชาเขียวของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งปัจจุบันความรู้สึกนั้นก็ยังคงอยู่ แถมยังจะเพิ่มพูนขึ้นด้วยเรื่องราวของความรักที่เธอมีให้กับชาเขียวอย่างมั่นคงไม่เสื่อมคลาย แต่เราก็อดถามไม่ได้ว่าเธอรู้สึกเหนื่อยบ้างมั้ยที่ลงมือทำเกือบทุกอย่างด้วยตัวเองขนาดนี้?
“โบว์รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เรามีความสุขที่จะทำ เรารู้สึกว่าทำเองแล้วมันดีกว่า แล้วคนกินก็น่าจะรับรู้ได้ว่าเราตั้งใจทำในทุก ๆ อย่าง มันเลยเหนื่อยแค่ร่างกายจริง ๆ ค่ะ (หัวเราะ)”
แม้พิกัดที่อาจจะยากต่อการค้นพบในครั้งแรก แต่เราก็อยากชวนให้มาสัมผัสบรรยากาศแสนอบอุ่นละมุนหัวใจกันที่ Tealily Cafe คาเฟ่ชาเขียวหลบซ่อนอยู่ใจกลางเอกมัยแห่งนี้ เพราะนอกจากคุณจะได้ลิ้มลองเมนูชาเขียวที่ถูกนิยามในแบบฉบับ Tealily Cafe การต้อนรับอย่างน่ารักและเป็นกันเองของคุณโบว์ก็อาจทำให้คุณตกหลุมรัก รวมถึงอยากขอสมัครเป็นเพื่อนสนิทและอยากมาเยือนบ้านหลังนี้อีกครั้ง
ส่วนเรา “เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าเช่นกันค่ะ” คือความรู้สึกที่แท้จริงของการมาเยือน Tealily Cafe ในครั้งนี้
แต่หากใครไม่สะดวกมาเยือน Tealily Cafe แต่อยากลิ้มลองเมนูชาเขียวของทางร้าน ก็สามารถเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่ เลยค่ะ คุณโบว์ยืนยันว่าจะเต็มที่กับทุกเมนูไม่แพ้การมาเยือนที่ร้านแน่นอนค่ะ
การเดินทาง
ครั้งแรกอาจจะหายากสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าสำหรับการมาเยือนร้านชาเขียว เอกมัยร้านนี้ค่ะ :) เราแนะนำให้เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 1 เดินเข้าซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ต่อวินมอเตอร์ไซค์ไปยังซอยเอกมัย 12 สังเกตร้าน es.ca.pe หรือ Ceil by Sansiri เลี้ยวซ้ายเข้าซอยหน้าได้เลย พอถึงทางบังคับเลี้ยวขวา สังเกตบ้านไม้พร้อมต้นไม้สีเขียวร่มรื่น นั่นคือ Tealily Cafe ที่เราตามหากันนั่นเองค่ะ หรือถ้าใครกลัวไปไม่ถูกหรือบอกทางพี่วินไม่ชัดเจนดี แนะนำให้ปักหมุดใน Google Map ดูรายละเอียดแผนที่ร้านได้ ที่นี่ หรือสอบถามทางร้านที่เบอร์โทร 02-162-0996 ได้เลยค่ะ