เปิดคาเฟ่ ลงทุนเท่าไหร่? เปิดแผนธุรกิจร้านกาแฟ คืนทุนไว กำไรยั่งยืน
  1. เปิดคาเฟ่ ลงทุนเท่าไหร่? เปิดแผนธุรกิจร้านกาแฟ คืนทุนไว กำไรยั่งยืน

เปิดคาเฟ่ ลงทุนเท่าไหร่? เปิดแผนธุรกิจร้านกาแฟ คืนทุนไว กำไรยั่งยืน

เปิดคาเฟ่ ลงทุนเท่าไหร่? เจาะลึกตัวอย่างแผนธุรกิจร้านกาแฟ การคำนวณต้นทุน กำไร และจุดคุ้มทุนฉบับเข้าใจง่าย พร้อมเคล็ดลับบริหารร้านให้เติบโตอย่างยั่งยืน
writerProfile
29 ส.ค. 2025 · โดย

ในยุคปัจจุบันที่ธุรกิจร้านกาแฟเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีการแข่งขันสูงขึ้นในทุกตรอกซอกซอย การจะทำให้ร้านกาแฟของคุณโดดเด่น และสามารถยืนหยัดได้อย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป การมีสูตรกาแฟที่อร่อยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องมีการวางแผนธุรกิจที่รอบด้าน และเป็นระบบเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญ Wongnai POS จึงขอนำเสนอ ตัวอย่างแผนธุรกิจร้านกาแฟ ฉบับเข้าใจง่าย ที่จะพาคุณไปเจาะลึกตั้งแต่การคำนวณเงินลงทุนไปจนถึงการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับร้านของคุณได้จริง

ตัวอย่างแผนธุรกิจร้านกาแฟ: เริ่มต้นจากเงินลงทุนเปิดร้าน และเป้าหมาย

ลองจินตนาการว่าคุณมีเงินลงทุนก้อนหนึ่ง และต้องการเปิดร้านกาแฟขนาดพื้นที่ 50 ตารางเมตร ที่มีเป้าหมายคือการคืนทุนภายในระยะเวลาที่เหมาะสม มาลองวางแผนธุรกิจไปพร้อมๆ กันเพื่อตอบคำถามที่ว่า "ถ้าขายกาแฟแก้วละ 60 บาท จะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะคืนทุน?"

ภาพรวมเงินลงทุนเริ่มต้น

  • ค่าก่อสร้าง และอุปกรณ์ (พื้นที่ 50 ตร.ม.): 1,100,000 บาท
  • เงินทุนหมุนเวียน: 510,000 บาท
  • รวมเงินลงทุนทั้งหมด: 1,610,000 บาท

ประมาณการยอดขายและต้นทุน

  • ราคาขาย: กาแฟแก้วละ 60 บาท
  • ต้นทุนวัตถุดิบต่อแก้ว: 18 บาท
  • เป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้: 100 แก้วต่อวัน

การคำนวณกำไร และระยะเวลาคืนทุนเบื้องต้น

จากข้อมูลข้างต้น เราสามารถคำนวณกำไรต่อเดือนได้ดังนี้:

  1. ยอดขายต่อเดือน: 60 บาท/แก้ว x 100 แก้ว/วัน x 30 วัน = 180,000 บาท
  2. ต้นทุนวัตถุดิบต่อเดือน: 18 บาท/แก้ว x 100 แก้ว/วัน x 30 วัน = 54,000 บาท
  3. กำไรขั้นต้น: 180,000 - 54,000 = 126,000 บาท

หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ :

  • ค่าเช่าร้าน: 60,000 บาท
  • ค่าจ้างพนักงาน 3 คน: 48,000 บาท
  • ค่าน้ำค่าไฟ: 8,000 บาท
  • รวมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน: 60,000 + 48,000 + 8,000 = 116,000 บาท

กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน: 126,000 - 116,000 = 10,000 บาทต่อเดือน

เมื่อนำเงินลงทุนเริ่มต้น (ไม่รวมเงินทุนหมุนเวียน) 1,100,000 บาท มาหารด้วยกำไรต่อเดือน 10,000 บาท จะพบว่าต้องใช้เวลาถึง 110 เดือน หรือประมาณ 9 ปี! 

ทำอย่างไรให้คืนทุนไวขึ้น? 3 กลยุทธ์สำคัญที่ต้องโฟกัสก่อนลงทุนเปิดร้าน

แล้วถ้าเราอยากคืนทุนให้เร็วกว่านี้ จาก 9 ปี เป็นภายในแค่ 1 ปี เราต้องทำอย่างไร? นั่นหมายความว่าเราต้องมีกำไรต่อเดือนอย่างน้อย 91,667 บาท ซึ่งสูงกว่าตัวอย่างเดิมถึงเกือบ 10 เท่า! เพื่อให้ได้เป้าหมายนี้ เราจะต้องปรับกลยุทธ์ใน 3 ด้านหลักๆ

1. เพิ่มยอดขาย และจำนวนลูกค้า

การเพิ่มยอดขายเป็นวิธีที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำได้ยาก! คุณอาจต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้

  • ทำเลที่ตั้ง: การเลือกทำเลที่มีลูกค้าจำนวนมาก หรือทำเลที่ตอบโจทย์กับรูปแบบร้านกาแฟที่ตัวเองทำอยู่
  • การตลาด: ใช้การตลาดทั้งออนไลน์ และตลาดท้องถิ่นเพื่อดึงดูดลูกค้า
  • เพิ่มช่องทางสร้างรายได้: เพิ่มเมนูอาหารหรือขนมที่มีกำไรสูง หรือรับฝากขายสินค้าที่ไม่กระทบต่อคอนเซ็ปต์ของร้าน

2. ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

อยากคืนทุนเร็ว ต้องทำอย่างไร

การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมคืออีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มกำไรได้ทันที

  • ลดต้นทุน: ไม่แนะนำให้ลดคุณภาพของวัตถุดิบหลักอย่างกาแฟ เพราะอาจทำให้ลูกค้าหาย แต่คุณสามารถพิจารณาลดต้นทุนส่วนอื่น เช่น เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ต้องสกรีนโลโก้
  • บริหารค่าใช้จ่ายคงที่: ลองพิจารณาปรับโมเดลธุรกิจเป็นแบบ Take Away จ่าย และรับที่เคา์เตอร์เองอย่างเดียว เพื่อลดขนาดพื้นที่ และจำนวนพนักงาน
  • ลดเงินลงทุนเริ่มต้น: ทบทวนค่าใช้จ่ายในการออกแบบตกแต่งร้าน และเลือกเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสมกับการใช้งาน และราคาขาย เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด

3. ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยสำคัญ

การบริหารร้านในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งการจัดการออร์เดอร์ การบริหารสต๊อก และการทำรายงานยอดขาย

การนำระบบ POS หรือโปรแกรมร้านอาหารมาปรับใช้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง Wongnai POS ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น POS ร้านกาแฟโดยเฉพาะ สามารถช่วยคุณจัดการทั้งระบบหน้าร้าน และหลังร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณควบคุมต้นทุน จัดการสต๊อก และดูรายงานยอดขายที่แม่นยำได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ยอดขาย เพื่อที่จะนำไปปรับกลยุทธ์ของร้าน เพื่อสร้างยอดขาย และกำไรให้ได้มากที่สุด

การคำนวณจุดคุ้มทุน (Break-Even Point) เพื่อตั้งเป้ายอดขายที่ชัดเจน

นอกจากการใช้ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ในการกำหนดกลยุทธ์การวางแผนธุรกิจร้านกาแฟสด และการกำหนดความสามารถในการสร้างรายได้ และกำหนดเงินลงทุนในการเปิดร้านแล้ว ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นของบทความ การเข้าใจ จุดคุ้มทุน (Break-Even Point) ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของร้าน จุดคุ้มทุน คือ ระดับยอดขายที่เท่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของร้านพอดี ซึ่งช่วยให้คุณรู้ว่าในแต่ละเดือนต้องขายกาแฟให้ได้กี่แก้วจึงจะไม่ขาดทุน

จุดคุ้มทุน คืออะไร

ซึ่งต้นทุนจะมีอยู่ 2 ส่วนหลัก คือ

  • ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) ต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปตามยอดขาย
    สมมติจากกรณีศึกษาเดิมในการวางแผนธุรกิจร้านกาแฟ คือ ราคาขายกาแฟต่อแก้วเท่ากับ 60 บาท ต้นทุนต่อแก้วเท่ากับ 18 บาท ซึ่งเป็น 'ต้นทุนผันแปร' แปลว่าต้นทุนนี้จะเพิ่มหรือลดผันแปรไปตามจำนวนขาย หากไม่ได้ขายต้นทุนนี้ก็ไม่เกิด เมื่อนำราคาขายต่อแก้ว หักลบด้วยต้นทุนต่อแก้วจะเท่ากับกำไรต่อแก้วคือ 42 บาท หรืออัตรากำไรส่วนเกินเท่ากับ 72% (42 หารด้วย 60 คูณ 100)
  • ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost): ต้นทุนที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ว่าจะมีลูกค้าหรือไม่เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าจ้างพนักงาน เงินเดือน ค่าน้ำค่าไฟ และค่าเสื่อมราคา เป็นต้น ค่าเสื่อมราคา คือ ค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่คำนวณมาจากเงินลงทุนเริ่มต้นในการทำร้านกาแฟสด แม้ว่าเราจะชำระเงินลงทุนไปหมดแล้ว แต่เรายังใช้ประโยชน์กับสินทรัพย์ที่เราสร้างขึ้นอยู่ ในงบกำไรขาดทุนจะบันทึกไว้เป็นค่าเสื่อมราคา คือ ค่าการใช้งานในงวดเวลานั้น เช่น เครื่องชงกาแฟ จะกำหนดให้มีอายุการใช้งาน 5 ปี เมื่อซื้อมาราคา 90,000 บาท นำมาหาร 5 ปีจะเท่ากับ 18,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 1,500 บาทต่อเดือน

สมมติว่าเรามีเงินลงทุนสร้างร้านกาแฟ 1,100,000 บาท

สมมติว่าอายุการใช้งาน 5 ปี เราจะได้ค่าเสื่อมราคาปีละ (1,100,000 บาท หารด้วย 5 ปี) เท่ากับ 220,000 บาท หรือค่าเสื่อมราคารายเดือนเท่ากับ 18,333 บาท ต้นทุนคงที่รายเดือนจากกรณีศึกษาคือ รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 116,000 บาท (60,000 + 48,000 + 8,000) บวก ค่าเสื่อมราคาต่อเดือน 18,333 บาท รวมแล้ว ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือนจะเท่ากับ 116,000 + 18,333 = 134,333 บาท

นำต้นทุนคงที่ 134,333 บาท หารด้วย กำไรส่วนเกิน (ราคาขาย 60 บาท ลบด้วย ต้นทุน 18 บาท) เท่ากับ 42 บาทต่อแก้ว จะได้ 3,198 แก้วต่อเดือน หรือประมาณ 107 แก้วต่อวัน คือ ปริมาณขายกาแฟ ณ จุดคุ้มทุน ถ้าขายต่ำกว่านี้จะขาดทุนถ้าขายมากกว่าจุดนี้จะกำไร

และเมื่อนำต้นทุนคงที่ 134,333 บาท หารด้วยอัตรากำไรส่วนเกิน 72% จะได้ยอดขาย 186,573 บาท หรือระดับยอดขายที่เท่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกิจการ คิดง่ายๆคือ ถ้าขายน้อยกว่า 186,573 บาท จะขาดทุน และถ้าขายมากกว่า 186,573 บาท จะกำไร

มาลองคำนวณต้นทุนคงที่ และจุดคุ้มทุนขายกัน รายได้ต้องเท่าไร ถึงจะถือว่าคุ้ม?

  • ต้นทุนคงที่ 134,333 บาท บวกค่าใช้จ่ายการตลาดอีก 20,000 บาท เป็น 164,333 บาทต่อเดือน
  • จุดคุ้มทุนขายจะเท่ากับ 228,240 บาท (164,333 หารด้วย 72%) เพิ่มขึ้นจากเดิม 41,667 บาท
  • ถ้าหากรายได้ไม่ขึ้นตามนี้ แสดงว่าแผนธุรกิจร้านกาแฟที่ลงทุนไปไม่มีประโยชน์ ต้องพิจารณาดีๆ ครับ

สรุป วางแผนอย่างมีกลยุทธ์ เพิ่มโอกาสสำเร็จให้ธุรกิจกาแฟ

การเปิดร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากการมีสูตรกาแฟที่อร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้ทางการเงินพื้นฐานและการวางแผนธุรกิจที่รอบด้านด้วย Wongnai POS เป็นเครื่องมือที่พร้อมจะช่วยให้คุณบริหารจัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจน เพื่อให้ความฝันในการเป็นเจ้าของร้านกาแฟของคุณไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อยากให้ร้านคืนทุนไว?

  • คำนวณจุดคุ้มทุนเพื่อตั้งเป้ายอดขายที่ชัดเจน
  • ใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย
  • ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม

ระบบ Wongnai POS พร้อมฟีเจอร์เสริม ตัวช่วยจัดการร้านกาแฟยุคใหม่

ตัวช่วยอย่าง Wongnai POS จะทำให้คุณสามารถควบคุมต้นทุน จัดการสต๊อกได้อย่างแม่นยำ และมีรายงานยอดขายที่ชัดเจน เป็นระบบ POS ร้านกาแฟที่ช่วยให้การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน และประเมินระยะเวลาคืนทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก คุณจะเห็นภาพรวมธุรกิจ และสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ และยังมีฟีเจอร์เสริมที่โดดเด่นมากมาย สำหรับร้านกาแฟโดยเฉพาะ ที่จะช่วยให้การจัดการร้านเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น

  • Wongnai Order & Pay ช่วยให้ลูกค้าของร้านกาแฟสแกนสั่ง และจ่ายเงินเองได้เลย ไม่ต้องต่อคิวรอสั่งกับพนักงาน พร้อมแจ้งเตือนผ่าน LINE ทันทีที่เครื่องดื่มพร้อมรับ ทำให้การบริหารจัดการคิวของร้านกาแฟประเภท Quick Service หรือคาเฟ่ที่มีลูกค้าหนาแน่น เป็นไปอย่างราบรื่น และรวดเร็ว
  • ระบบแสดงลำดับคิว และอัปเดตสถานะออเดอร์ (Queue Display) เชื่อมต่อกับระบบ POS โดยตรง เมื่อรับออเดอร์กาแฟปุ๊บ เมนูจะไปแสดงบนจอทีวีทันที ช่วยให้พนักงานหน้าบาร์หมดห่วงเรื่องคิวออเดอร์ สามารถโฟกัสกับการทำงานส่วนอื่นได้อย่างเต็มที่ และลูกค้าก็รับรู้สถานะของเครื่องดื่มตัวเองได้ชัดเจน ลดการสอบถาม และช่วยจัดการคิวคำสั่งซื้อหน้าร้านได้ดีขึ้น
  • ระบบจัดการสมาชิก CRM ช่วยให้ร้านกาแฟเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น เมนูกาแฟโปรด ความถี่ในการมาใช้บริการ หรือยอดใช้จ่าย เพื่อนำข้อมูลมาทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล เช่น การมอบส่วนลดวันเกิด หรือโปรโมชั่นสำหรับเครื่องดื่มที่ลูกค้าชื่นชอบ อีกทั้งยังช่วยเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เครื่อง EDC ที่รองรับการรับชำระครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งบัตรเครดิต และบัตรเดบิต LINE Pay พร้อมเพย์ และ e-wallet ชั้นนำมากมาย เช่น Wechatpay และ Alipay เป็นต้น เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าให้รองรับลูกค้าชาวต่างชาติได้ด้วย และช่วยยังมีส่วนเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น

หากคุณกำลังมองหาระบบ POS ที่ครบจบในเครื่องเดียว Wongnai POS พร้อมช่วยให้การจัดการร้านของคุณง่ายขึ้น พร้อมเชื่อมต่อทุกช่องทางการชำระเงิน ใช้งานง่าย และเหมาะกับร้านอาหารทุกรูปแบบ

สนใจลงทะเบียน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญ 👉🏻 คลิกเลย!

เริ่มต้นร้านกาแฟของคุณด้วย Wongnai POS และ FoodStory POS

บทความโดย คุณเศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์: กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีโนซิส จำกัด ที่ปรึกษาการวางแผนธุรกิจ การเงิน และแฟรนไชส์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม สถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร

ติดตามบทความเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารเพิ่มเติม