ORE

🇹🇭 Ōre - โอเร 🍴 Creative - อาหารเชิงสร้างสรรค์ 👨🏻‍🍳 Chef Dimitrios Moudios - เชฟดีมี่ 🎗 [INTRO] บทความในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับห้องอาหารเปิดใหม่ของเชฟไฟแรงมากความสามารถที่ออกเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากห้องอาหารทั่วโลกก่อนจะมาลงเอยในการเปิดร้านอาหารที่แสดงออกถึงตัวตนของเขาเองเป็นแห่งแรกที่ประเทศไทย 🎗 [THE PLACE] BK Salon เป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ของคนเมืองในย่านสาธุประดิษฐ์ ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาโดยอาศัยแรงบันดาลใจจากกระติ๊บข้าวเหนียวแลดูแปลกตา พื้นที่หลักชั้นล่างเป็นห้องอาหารไทยสไตล์แคชวลของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ในขณะที่บริเวณชั้น 2 ได้รับการแบ่งสันปันส่วนเพื่อใช้เป็นร้าน Ōre ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ทันที่ที่ก้าวเข้ามาในร้านลูกค้าจะพบกับเคาน์เตอร์ไม้ขนาดใหญ่สำหรับรองรับรับนักชิมได้ราว 8 คน เบื้องหลังเป็นพื้นที่สำหรับจัดเตรียมอาหารโดยอาศัยเทคนิคพื้นฐานครบครันและจะมีทีมเชฟสลับกันมาอธิบายอาหารให้ลูกค้าได้ฟังกันอย่างละเอียดแบบคอร์สต่อคอร์ส 🎗 [THE CHEF] Dimitrios Moudios เป็นเชฟชาวกรีซมากความสามารถผู้ผ่านประสบการณ์ในห้องอาหารระดับสูงมาอย่างโชกโชน เขาเริ่มต้นงานกับห้องอาหาร Atelier (3 MICHELIN Stars) ในนคร Munich ก่อนจะเดินทางไปร่วมงานกับห้องอาหารอีกหลายแห่งเช่น Alchemist (2 MICHELIN Stars) ในกรุง Copenhagen, ernst (1 MICHELIN Star) ในกรุง Berlin, focus ATELIER (2 MICHELIN Stars) ในเมือง Vitznau ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเคยมีส่วนร่วมกับห้องอาหาร Boragó ในประเทศชิลีอีกด้วย วันหนึ่งเขาได้รับข้อเสนอจากเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ให้เดินทางมาร่วมงานกับห้องอาหาร Lahnyai ทั้งยังมอบโอกาสในการเปิดห้องอาหาร Ōre ในสไตล์ของตัวเองจึงเป็นสาเหตุให้เขาเดินทางมายังประเทศไทยนั่นเอง 🎗 [THE FOOD] ห้องอาหาร Ōre สามารถแสดงออกถึงตัวตนของเชฟดีมี่ออกมาได้อย่างแท้จริง เขาอาศัยเทคนิคการเตรียมอาหารจากฝั่งตะวันตกมาผสานเข้ากันกับเทคนิคการเตรียมอาหารฝั่งเอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่นแต่กลับเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของประเทศไทยจนได้ออกมาเป็นอาหารไร้สัญชาติที่มีอัตลักษณ์ในตัวเอง ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอ Tasting Menu รูปแบบเดียวที่ราคา 3,990++ นำเสนออาหารมาจำนวนมากถึง 28 อย่างโดยในบางคอร์สก็เป็นอาหารแบบที่เราคุ้นเคยแต่ในบางคอร์สอาจเป็นตัวอย่างวัตถุดิบที่เชฟอยากให้ลูกค้าได้ลองชิมและสัมผัสเพื่อเข้าใจถึงองค์รวมของอาหารของเขามากยิ่งขึ้น หากให้เปรียบเทียบเราคิดว่าอาหารของเชฟดีมี่จะมีตัวตนของอาหาร Fine Dining ฝั่งเยอรมันและสวิสเซอร์แลนด์ค่อนข้างมาก นอกจากรายการไวน์ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีแล้วทางร้านยังมีบริการ Tea Pairing ที่จับคู่อาหารเข้ากับน้ำชาในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากที่ทุกคนคุ้นเคย ชาแต่ละแก้วจะได้รับการเสิร์ฟมาโดยใช้เทคนิคอันหลากหลายนำเสนอมาในอุณหภูมิที่แตกต่างกันตั้งแต่ร้อนไปจนถึงเย็นซึ่งจัดว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับคอร์สที่เราประทับใจในวันนี้อย่างเช่น ✨ Halibut ปลาฮาลิบัตเสิร์ฟมาเป็นซาชิมิ รอบ ๆ ห่อด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนและองค์ประกอบของว่านหางจระเข้ ไฮไลท์ของจานคือการนำเมล็ดมะละกอดิบไปบ่มจนได้รสชาติที่จัดจ้านและมีกลิ่นเฉพาะตัวเย้ากันกับความอุมามิของซอสใสที่เตรียมมาจากน้ำมะเขือเทศ (16/20) ✨ Peas Teardop Peas หรือ Guisante Lágrima เป็นวัตถุดิบสำคัญที่แต่เดิมพบได้ในแถบ Basque Country จนกระทั่งไม่นานมานี้จึงได้มีผู้ริเริ่มนำเมล็ดพันธุ์เข้ามาปลูกที่ประเทศไทย เมล็ดถั่วที่ผ่านการย่างมีความกรอบเพียงเบา ๆ มีความหวานนำเข้ากันดีกับความเค็มของคาเวียร์คุณภาพดีของประเทศเยอรมันแบรนด์ N25 ซึ่งได้คาเวียร์คุณภาพสูงมาจากฟาร์มในประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีความกรอบที่ได้จากหมึกหั่นเต๋าและสาหร่ายพวงองุ่น รอย ๆ คือซุปใสทีีเตรียมาขึ้นมาจากแหนมมหมูให้ความหอมอันแสนจะลงตัว เชฟแนะนำให้บีบ Fingerlime Caviar ลงไปช่วยเพิ่มความเปรี้ยวที่พอเหมาะทั้งยังสามารถดึงความหวานของถั่วออกมาให้เด่นชัดมากขึ้นอีกด้วย (16/20) ✨ Fig เชฟนำเสนอมะเดื่อฝรั่งโดยใช้ทุก ๆ ส่วนของต้นไม้ เริ่มจากส่วนผลด้านนอก ตรงกลางคือส่วนใบนำมาทำเป็นเค้ก ยังมีองค์ประกอบของครีมและเมล็ดผักชี จากนั้นคั่ยด้วยส่วนผลที่ผ่านการบรูเล่และไอศกรีมที่เตรียมมาจากเปลือกไม้อ่อนของต้นมะเดื่อฝรั่ง (16/20) 🎗 [WHY GO] Ōre นำเสนออาหารในรูปแบบที่แปลกใหม่โดยเฉพาะสำหรับ Food Scene ในประเทศไทย ทุกคอร์สประกอบขึ้นจากวัตถุดิบและเทคนิคที่หลากหลาย ทั้งยังแสดงออกถึงตัวตนขอฝเชฟดีมี่ออกมาได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม Tasting Menu ยังจัดว่ามีข้อจำกัดในการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบค่อนข้างมาก เราขอแนะนำผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารหรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้บางอย่างได้ลองติดต่อสอบถามทางร้านเข้าไปก่อนและต้องไม่ลืมว่าทางร้านเปิดให้บริการรอบเดียวคือตอน 19.00 น. โดยเชฟดีมี่จะเตรียมอาหารให้ลูกค้าพร้อมกันทุกที่นั่งทำให้ความตรงต่อเวลาอาจเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรก ๆ คล้ายกันกับร้านอาหารแบบ Omakase นั่นเอง 📃 TASTING MENU (3,990++) Spring Water Peach Pea Tendrils Pork Ham Sweet Potato Halibut Citrus Peas Kohlrabi Okra Shrimp Durian Cucumber Tomato Blue Crab Pumpkin Lamb Rib Chestnut Lamb Saddle Shiitake Duck Rice Chamuang Fig Коmbu Coconut Peach 📌 Score: 👍 ห้องอาหารที่นำเสนอเมนูสุดสร้างสรรค์โดยมีกลิ่นอายของอาหารหลากหลายสัญชาติในเซ็ตเมนูชุดเดียว อาหาร (Culinary Skills & Flavours) : 15/20 ไวน์ (Wines) : ⭐️⭐️⭐️ ความคุ้มค่า (Cost-Effective) : ⭐️⭐️⭐️ เทคนิค (Technique) : ⭐️⭐️⭐️ อัตลักษณ์ (Chef's Identity) : ⭐️⭐️⭐️ บรรยากาศ (Ambience) : ⭐️⭐️⭐️ ระดับการบริการ (Level of Service) : ⭐️⭐️⭐️ 📍 Visit: June 2024 🏠 Location: 11 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 🚗 Parking: จอดรถที่โครงการณ์ BK Salon 🕖 Operating Time: จันทร์-ศุกร์ 19.00-22.00 💰 Price: 3,990++ 📞 Tel: None 🧥 Dress Code: Casual 🖥 Website: https://www.orerestaurant.com 👍 รวมรีวิวห้องอาหารทั้งหมดของเพจตามล่า Fine Dining: https://gastronomethailand.com 👍 ฝากเพื่อน ๆ ช่วยกดไลค์และติดตามเราผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเราตั้งใจนำเสนองานรีวิวร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำและห้องอาหารใน MICHELIN Guide ทั่วโลก 👍 Facebook: “ตามล่า Fine Dining” และ “พากิน พาเที่ยว by ตามล่า Fine Dining” 👍 Youtube: ตามล่า Fine Dining 👍 Instagram: finedining_lovers