5.0
1 เรตติ้ง (1 รีวิว)
ของหวาน฿฿฿฿

รีวิว The Chocolate Line Antwerp

photo
Achaya 🐰
7.4k1.8k27.7k
ยืนยันตัวตนแล้ว
3 มี.ค. 2017
ดูแล้ว 148
Quality Review
เดลิเวอรี / สั่งไว้รับเลย
The Belgian Chocolate Trail : The Chocolate Line
ราคาต่อหัว: 501 - 1,000 บาทเมนูเด็ด: Reep Hazelnoot Framboos, Atlanta, Miss Piggy, Tequila Choc-Tail

...ถ้าใครจะไปประเทศเบลเยี่ยมแล้วเลือกแวะร้านช็อคโกแลตได้แค่เพียงร้านเดียวล่ะก็ ต้องเป็นร้านนี้เท่านั้นค่ะ... เพราะร้านช็อกโกแลตที่เรียกได้ว่าสุดฮ็อตร้อนฉ่าที่สุดในวงการช็อกโกแลตของเบลเยี่ยม (และของโลก) นาทีนี้บอกได้เลยว่าไม่มีใครเกิน The Chocolate Line ของ Dominique Persoone – Chocolatier หนุ่มใหญ่มาดพยศที่สักวลี “Chocolate is Rock n’ Roll” กับโลโก้ Lips and Tongue ของ The Rolling Stones ไว้บนต้นแขน และเรียกตัวเองว่า “Shock-O-latier” ผู้นำเสนอหลากหลายไอเดียสุดครีเอทที่ทำให้คนรักช็อกโกแลตหัวใจเต้นรัวและอะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน ...เป็นเชฟหัว progressive สุดขั้วที่กล้าทดลองผสมผสานรสชาติใหม่ๆ รวมไปถึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆจากช็อกโกแลตที่ฟังดูหลุดโลกจนต้องอ้าปากค้าง ...ที่สำคัญคือทั้งรสชาติและคุณภาพของช็อกโกแลตที่นี่นั้นคือระดับท็อปตัวจริง ไม่ได้ขายแค่ความแปลกใหม่หรือภาพลักษณ์ฉาบฉวย จึงทำให้ร้านนี้ประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ Chocolatiers รุ่นหลังๆหลายคนพากันเจริญรอยตามบ้างทีเดียว ****-Profile-**** Dominique Persoone นั้นเป็นเชฟที่คลุกคลีกับวงการอาหารมาตั้งแต่วัยเยาว์ คือได้ช่วยทำครัวในร้านอาหารของครอบครัวมาตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ จากนั้นจึงไปเรียนด้านอาหารที่ปารีส ได้มีโอกาสฝึกงานตั้งแต่ในร้านเบเกอรี่ไปจนถึงภัตตาคารระดับสามดาวมิชลิน และเริ่มมาสนใจทางด้านช็อกโกแลตอย่างจริงจังเมื่อได้ร่วมงานกับ Chocolatiers ชั้นนำอย่าง Pierre Hermé และ Pascal Brunstein... จนในที่สุดเขาและภรรยาคือ Fabienne Destaercke ก็ได้เปิดร้าน The Chocolate Line สาขาแรกขึ้นที่เมือง Bruges ในปี 1992 โดยเริ่มต้นจากการเป็นร้านเล็กๆที่ Dominique เป็นผู้ทำช็อกโกแลตอยู่ในครัว และ Fabienne ดูแลหน้าร้าน แล้วค่อยๆขยายขึ้นจนกลายเป็นร้านขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากมาย เปิดสาขาเพิ่มที่เมือง Antwerp และยังมีไร่โกโก้เป็นของตัวเองที่เมือง Yucatan ประเทศ Mexico อีกด้วย ช็อกโกแลตของที่นี่แต่ละชิ้นจึงผ่านการสรรค์สร้างมาอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เริ่มต้นมาจากคัดเลือกสายพันธุ์โกโก้ที่จะนำมาใช้ ไปจนถึงการปลูก ดูแล เก็บเกี่ยว คั่วเมล็ด ลอกเปลือก บด แล้วนำมาทำเป็นช็อกโกแลตให้เราได้ชิมกัน ถ้าจะบอกว่าเหล่า Chocolatiers สาย Avant garde ด้วยกันอย่าง Pierre Marcolini หรือ Jean-Philippe Darcis นั้นเป็นหัวหอกในการนำหลัก From Bean to Bar มาใช้ในการทำช็อกโกแลตแล้วล่ะก็ Dominique Persoone ก็ขอก้าวล้ำไปถึงขั้น From Tree to Bar กันเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้ The Chocolate Line ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วนั้นก็คือความคิดสร้างสรรค์และความกล้าที่จะทดลองผสมผสานรสชาติใหม่ๆของ Dominique Persoone นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นวาซาบิ หอมเจียว พริกป่น กัญชา หรือเบคอน ..Dominique ก็มีทักษะฝีมือระดับเชฟชั้นครูที่จะนำเอารสชาติแปลกประหลาดเหล่านี้มาใส่ไว้ในช็อกโกแลต แล้วออกมากลายเป็นอร่อยลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังมีรสนิยมที่จะเลือกนำทั้งไอเดียแปลกใหม่และความคลาสสิคดั้งเดิมมานำเสนอได้แบบสมดุลเหมาะเจาะ จึงไม่แปลกที่เขาจะถูกเรียกขานว่าเป็น Real-life Willy Wonka บ้าง ..เป็น Mad Scientist of Chocolate บ้าง ปัจจุบันนี้ Dominique Persoone กลายเป็น Celebrity Chef ที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของเบลเยี่ยม ได้ร่วมงานและ supply ช็อกโกแลตให้กับเชฟชื่อก้องจากทั่วโลกอย่าง Albert Adrià , Sergio Herman, Heston Blumenthal ...มีรายการสอนทำอาหารของตัวเอง และเป็น Chocolatier 1 ในจำนวนเพียง 3 คนของโลกที่ได้รับการแนะนำไว้ใน Michelin Guide อีกด้วยค่ะ ****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-**** The Chocolate Line มีอยู่ 2 สาขาด้วยกัน คือสาขาแรกที่เมือง Bruges และสาขาที่สองคือที่เมือง Antwerp ที่เราได้แวะไปนี่เอง สำหรับพิกัดร้านที่ Antwerp นี้ตั้งอยู่บนถนน Meir ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งเส้นใหญ่ใจกลางเมือง ตัวร้านอยู่ในส่วนหนึ่งของ Paleis op de Meir – พระราชวังที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 18 และเคยเป็นที่พำนักของนโปเลียน กษัตริย์ William I แห่งเนเธอร์แลนด์ และ กษัตริย์ Leopold II ภายในตกแต่งอย่างหรูหราอลังการด้วยศิลปะสไตล์ Rococo โดยห้องด้านหน้าเป็นบริเวณที่วางโชว์และขายสินค้า ส่วนห้องด้านในเป็นครัวทำช็อกโกแลตของทางร้านซึ่งทำเป็นกระจกโดยรอบ สามารถเฝ้าดูเหล่า chocolatiers ของร้านขณะกำลังทำงานได้เพลินๆค่ะ นอกจากสถานที่จะสวยงามจนเคยได้รับรางวัลในฐานะ The most beautiful chocolate shop in Europe มาแล้ว ภายในร้านยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของช็อกโกแลตที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆชวนให้น้ำลายสอ แต่น่าเสียดายที่ร้านนี้ไม่มีที่ให้นั่งทาน (ถ้ามีก็คงเต็มแน่นตลอดจนอดนั่งอยู่ดีนั่นล่ะ) กว่าจะซื้อเสร็จนี่โดนกลิ่นหอมๆยั่วจนต้องรีบหิ้วถุงวิ่งปรู๊ดกลับโรงแรมเพราะอยากจะแกะทานเดี๋ยวนั้น ลืมเรื่องช้อปปิ้งไปซะสนิทเลยล่ะค่ะ ****- The Chocolate-**** สำหรับเชฟหัวก้าวหน้าอย่าง Dominique Persoone แล้ว ช็อกโกแลตไม่ได้มีไว้แค่กินให้อร่อยเท่านั้น แต่ยังเสพย์ได้ทั้งการทา-ถู-สูดดมและสวมใส่ด้วยเลยทีเดียว ผลงานสร้างชื่อของเขาจึงมีทั้งการทำชุด dress สวยหรูจากช็อกโกแลตร่วมกับดีไซเนอร์ Nicky Vankets เพื่อให้ Miss Belgium ใส่โชว์ ทำ Chocolate paint เพื่อใช้ในผลงานภาพถ่ายของศิลปิน Spencer Tunick...ฯลฯ ส่วนภายในร้านเราก็จะได้เห็นหลากหลายผลิตภัณฑ์จากช็อกโกแลตที่ทั้งน่าอร่อยและสุดครีเอทมากมายให้ซื้อมาลองกันล่ะค่ะ ...อาทิเช่น... [The Chocolate Shooter] เมื่อภรรยาของ Ronnie Wood และ Charlie Watts – มือกีต้าร์และมือกลองของ The Rolling Stones- อยากจัดงาน Surprise Birthday Party ให้กับสามีของพวกเธอและได้มาขอให้ Dominique Persoone ช่วยจัดเตรียมเมนูพิเศษให้ เจ้า Chocolate Shooter นี้จึงถือกำเนิดขึ้นมาค่ะ ...งานของร็อคสตาร์วงระดับตำนานทั้งที จะให้มานั่งละเลียดขนมหวาน กินช็อคโกแลต ก็ดูจะหน่อมแน้มขัดกับอิมเมจ มันต้องให้ได้ “พี้ช็อกโกแลต” จนเกิด “Chocolate high” กันไปข้างนึงมันถึงจะเท่ห์ (จะกัญชา จะบารากู่ ก็หลบไปให้ไกลๆ ...ช็อกโกแลตมาแล้วววว...!) ลักษณะของเครื่องนี้จะมีที่ให้ใส่ผงโกโก้อณูละเอียดที่มีการแต่งกลิ่นรสสมุนไพรลงไป พอกดปุ๊บก็จะพ่นละอองโกโก้ขึ้นมาให้สูดอัดเข้าจมูกลึกๆ ..เห็นว่าทำให้สมองโล่งเลยล่ะค่ะ ผลงานชิ้นนี้นอกจากจะถูกใจคุณปู่ร็อคเกอร์ทั้งสองและบรรดาแขกที่มาร่วมงานแล้ว ยังสร้างความฮือฮาชนิดที่ทำให้ชื่อของ Dominique Persoone ดังเปรี้ยงไปทั่วโลกในฐานะ Rock n’Roll Chocolatier ดาวรุ่งพุ่งแรงเลยทีเดียว สำหรับคนที่อยากลอง Chocolate shooter นี้จะหาซื้อได้เฉพาะที่ร้าน The Chocolate Line เท่านั้น ซึ่งผงโกโก้ที่ใช้เติมใส่เครื่องนั้นมีแบบ refill ขายเป็นตลับๆด้วย หมดแล้วซื้อเติมได้ มี 2 กลิ่นให้เลือกค่ะ ● Cocoa Raspberry – อณูผงโกโก้ผสมกลิ่นของ Raspberry และ Peppermint ● Cocoa Ginger - อณูผงโกโก้ผสมกลิ่นของขิง และ Peppermint คิดดูเล่นๆก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนรักช็อกโกแลตแต่กลัวอ้วนนะคะ แต่ส่วนตัวไม่ได้ซื้อมาลอง เพราะยังไงๆก็อยากลิ้มรสช็อกโกแลตแบบกินจริง-อ้วนจริงมากกว่าล่ะ...5555 [Chocolate Lipstick] เป็นลิปสติกกินได้ที่ทำจากช็อกโกแลตทั้งหวานทั้งหอม สีเป็นสีน้ำตาลช็อกโกแลตแท้ๆ ทาแล้วจะดูปากดำหน่อย ส่วน texture เวลาทาแม้จะเป็นครีมๆแต่ก็เกลี่ยไม่ได้เนียนเรียบแบบลิปสติกจริงๆหรอกนะ ทั้งนี้เพราะลิปสติกแท่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อบิวตี้ แต่เป็นไอเดียซุกซนของ Dominique ที่ให้คู่รักเอาไว้ทาเวลาอยากจะมี “sweet kiss” กัน หรือจะเอาไว้ทาสนุกๆก่อนกินไอศกรีมก็เข้าท่า ใครมีลูกหลานก็เอาไว้ให้เด็กได้เล่นทาลิปสติกได้ ข้อควรระวังคือมันจะละลายได้ง่ายกว่าลิปสติกทั่วไป กับอากาศแบบบ้านเราถ้าเอาใส่ในกระเป๋าถือนี่คือมีเลอะแน่ๆ เก็บในตู้เย็นดีที่สุดค่ะ [Edible Chocolate Massage Cream] ตามชื่อเลยค่ะ คือเป็น massage cream ที่ทำจากช็อกโกแลต เอาไว้ทานวดได้ แถมกินได้อีกต่างหาก ฟังดูชักแอบซุกซนนิดๆอีกล่ะ แต่นึกถึงสปาช็อกโกแลตที่เคยฮิตๆกันอยู่พักนึงนี่ถ้ามี product แบบนี้ก็ง่ายดีเลยนะคะ เนื้อครีมของหลอดนี้จะสีน้ำตาลแบบช็อกโกแลตแท้ๆเลย texture ค่อนข้างเหลวๆแต่ก็มีความมันในตัว ชิมดูแล้วได้รสช็อกโกแลตแบบเต็มๆผสมกลิ่นมิ้นต์ซ่าๆ เวลาทาลงผิวก็จะซ่านิดๆด้วย แต่ไม่ได้เผ็ดร้อนแบบยาหม่องนะ เป็นอีกไอเดียที่น่าสนุกดีค่ะ [Chocolate by Oud Sluis] ช็อกโกแลตแท่งเล็กสีขาวแท่งนี้เป็นผลงานการครีเอทสูตรร่วมกันของ Dominique Persoone และ Sergio Herman เชฟชาวดัตช์เจ้าของ Oud Sluis - ร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลิน (ปัจจุบันปิดไปเพราะแกไปมีโปรเจ็กท์เปิดร้านใหม่ๆ ถ้ามีโอกาสได้ไปลองจะมาเล่าแบบเต็มๆอีกทีค่ะ) โดยเดิมทีช็อคโกแลตนี้จะแถมเป็น complimentary ให้ลูกค้าที่ไปทานที่ Oud Sluis แต่ตอนนี้อยากทานก็ต้องมาหาซื้อที่ The Chocolate Line นี่ล่ะค่ะ ทราบมาว่าที่จริงช็อคโกแลตในซีรี่ย์นี้มีหลายรส แต่วันที่ไปเจอแต่ชิ้นนี้ค่ะ ● Reep Hazelnoot Framboos – เป็นช็อคโกแลตนมที่มี hazelnut กับ raspberries แห้ง บดละเอียดเป็นชิ้นจิ๋วแทรกอยู่ในเนื้อช็อคโกแลต ฟังดูธรรมดา แต่บอกเลยว่าดีกรีความอร่อยเข้าขั้นเว่อร์วังอลังการสุดๆค่ะ คือมันเป๊ะไปหมด ช็อกโกแลตนี่คือหอมมากแบบกินแล้วรู้เลยว่ามาจากเมล็ดโกโก้ชั้นดี รสชาติไม่หวานเกินไป รู้สึกเหมือนมีความเค็มนิดๆ(นิดเดียวจริงๆ) และมีกลิ่นรสอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกกึ่งของคาวแทรกอยู่จางๆแบบได้สมดุลกำลังดี ผสมกับความกรุบกรอบของเศษเฮเซลนัทกับความหอมของราสพ์เบอร์รี่แล้วให้ความรู้สึกโดยรวมที่ยังเป็นขนมอยู่แต่ไม่เลี่ยน ไม่เอียน สามารถทานได้เรื่อยๆ แถมเริ่มทานแล้วคือหยุดไม่ได้ แป๊บเดียวเกลี้ยงหมดทั้งแท่งเลยล่ะค่ะ ปลื้มปริ่มน้ำตาจิไหล... [Single Origin Chocolate Bars] มีไร่โกโก้เป็นของตัวเองทั้งที ช็อกโกแลตแบบ Single Origin ก็ต้องมา ไลน์นี้มีให้เลือกทั้งช็อกโกแลตจากเมล็ดโกโก้สายพันธุ์ทางอเมริกาใต้ แอฟริกา มาจนถึงเอเชียคือเวียดนาม แต่ละแท่งมีเปอร์เซ็นต์ต่างๆกันไป เราเลือกลองตัวนี้เพราะเห็นเค้าว่าเป็นพันธุ์ที่หายากที่สุดค่ะ ● Peru 64% - เป็น Dark Chocolate ที่ขมเข้มเอาเรื่อง กลิ่นรสจะออก woody นิดๆ ทานได้ทีละบล็อก – 2 บล็อก เพราะมากกว่านั้นก็ชักจะรู้สึกเข้มข้นเกินไป เหมาะกับคนชอบช็อกโกแลตแนวสุด dark ล่ะนะ [Chocolate Pills] ก็คือช็อกโกแลตเคลือบแบบ M&M (ละลายในปาก ไม่ละลายในมือจ้ะ) ที่เอามาทำ package แบบขวดยาเก๋ๆ ไส้ข้างในจะมีหลายแบบหลายรส แถมแปะคำคมบอกใบ้สรรพคุณไว้ข้างขวดซะด้วย (รสคาราเมลไว้แก้อกหักก็มีนะ) เราเลือกรสนี้เพราะดูแล้วสรรพคุณน่าจะตรงกับอาการเราเป๊ะค่ะ… ● Coffee and Rice – ไส้เป็นข้าวพองกับผงกาแฟ เคลือบช็อคโกแลตมาเม็ดจิ๋วระดับไมครอน คือ 1 เม็ดมีข้าวพอง 1 เมล็ด ข้างในข้าวพองมีผงกาแฟ 1 เกล็ดเป๊ะ งานละเอียดสุดๆ แน่นอนว่าความแตกต่างจาก M&M ก็คือช็อกโกแลตที่ใช้เป็นเกรดท็อป ข้าวพองหอมแบบคั่วใหม่ๆ และเมล็ดกาแฟที่ก็คัดแบบหอมกรุ่นมาทีเดียว ดูแล้วน่าจะใช้กินเป็นยาแก้ปวดหัวสำหรับคนติดกาแฟได้นะ ส่วนข้างขวดเค้าเขียนไว้ว่า A day without chocolate is like a day without sunshine ..โดนใจคนรักช็อกโกแลตเต็มๆเลยล่ะ [Beasty Bars] ช็อกโกแลตแท่งที่ทำออกมาในรูป Energy Bar เติมวิตามิน แร่ธาตุ ไขมันไม่อิ่มตัว และ antioxidants ลงไป มีหลายรสชาติให้เลือก เหมาะกับสาย Healthy ...ไลน์นี้ Dominique Persoone ลงทุนเป็นพรีเซ็นเตอร์เองทีเดียว ดูโปสเตอร์โฆษณาเหมือนจะสื่อว่ากินแล้วแข็งแรง แต่ก็ดูแมนๆเหมือนจะบอกใบ้ว่าทำให้ตัวโต-กล้ามใหญ่ซะด้วย เลดี้อย่างเราเห็นแล้วเลยขอบาย ไม่กล้าซื้อมาลองนะคะ [Tequila Choc-Tail] เป็นอีกชิ้นที่ไอเดียเก๋เลิศสุดๆ ช็อคโกแลตชิ้นพอดีคำที่ไส้ผสมน้ำมะนาวสด มีเกลือ (Maldon Sea Salt) แปะไว้ตรงขอบ 1 เกล็ด และมีหลอดหยดพลาสติกบรรจุเหล้า Tequila ปักไว้กลางชิ้นช็อกโกแลต เวลาจะกินให้เลียเกลือที่ขอบก่อน แล้วค่อยบีบหลอดหยดฉีด Tequila เข้าไปในเนื้อช็อกโกแลต พอกินเข้าไปตอนแรกนี่ทั้งขมทั้งเปรี้ยว แอลกอฮอล์แรงแบบลำคอร้อนวาบทีเดียว (ขนาดคนที่ปกติชอบกินช็อกโกแลตใส่เหล้าอย่างเรายังแอบตกใจเบาๆ) แต่แค่วินาทีแรกผ่านไปก็จะรู้สึกถึงความหอมของช็อกโกแลตแทรกขึ้นมากรุ่นไปทั้งปาก Aftertaste ดีงามโดดเด่นมากๆ ฟินระเบิดระเบ้อ... [Chocolate Pralines] บรรดาช็อกโกแลตสอดไส้ด้วย fillings แปลกๆสุดครีเอทนี่ล่ะค่ะคือจุดเริ่มต้นของความโด่งดังของร้านนี้ แต่ก็ยังมีหลายๆไส้ที่เป็นรสชาติแบบ traditional เพราะแม้จะเป็นเชฟหัวก้าวหน้าที่เต็มไปด้วยไอเดียสุดล้ำ แต่ Dominique Persoone ก็เคยให้ความเห็นไว้ว่าอะไรที่เป็นของเก่าดั้งเดิมแล้วมันดีก็ควรจะรักษาไว้ เรียกได้ว่าแม้จะ progressive ขนาดไหน แต่ก็มีรสนิยมในการเลือกเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร้านนั่นเอง ไม่ได้เอาแต่จะสุดโต่งไปซะทุกเรื่องนะ เราเลือกลองไปตามนี้เลย ● Atlanta – ช็อกโกแลตที่ไส้เป็น Ganache รส Cola (ก็โค้กนั่นล่ะ) บดผสมกับ Hazelnut Praline เนื้อเนียน แทรกไว้ด้วย Popping Candy อณูจิ๋วๆที่ให้ความรู้สึก “เต๊าะ” ในปากคล้ายกำลังขยี้ฟองโค้ก ชิ้นนี้บอกได้คำเดียวว่ามันดีเลิศระดับสิบ อร่อยฟินสุดๆแบบนึกไม่ถึงเลยว่ารสชาติของโค้กมันจะมาเข้ากั๊น-เข้ากันกับช็อคโกแลตได้แบบนี้ ห้ามพลาดจริงๆค่ะ ● Miss Piggy – เป็น Milk Chocolate ไส้เป็น Almond Praline เนื้อเนียนที่มีอณูจิ๋วๆของเบคอนกรอบๆกับ Quinoa บดผสมอยู่ ให้กลิ่นหอมของเบคอนในระดับที่กำลังเหมาะ เข้ากันกับความมันจาก Almond Praline และรสชาติของช็อกโกแลต เป็นอีกชิ้นที่รักหมดใจให้คะแนนเต็มเลยล่ะ ชอบมากกก...(กอไก่ล้านตัว) ● Hot Lips – รูปลักษณ์เป็นช็อคโกแลตสีแดงสดใสรูปริมฝีปาก ไส้เป็น Bitter Ganache ผสม Bombay Gin รสชาติออกมาขมแรงสมชื่อ แต่ผสมกับกลิ่นรสของช็อกโกแลตแล้วโอเคอยู่ ดีกรีความปลื้มประมาณ 3/5 นะ ● Asian Confetti – ตัวนี้ไส้เป็นคาราเมลผสม Praline ที่ทำจากงา ปรุงด้วยโชยุ แล้วใส่ popping candy แทรกไว้ ชิมแล้วก็ได้กลิ่นโชยุจริงๆซะด้วย ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดสุดๆแต่ก็ไม่ได้แย่ค่ะ (3/5 คะแนน) ● Cabernet-Sauvignon – เป็นอีกชิ้นที่ถูกเอาไปเสิร์ฟที่ร้าน Oud Sluis ไส้ของชิ้นนี้เป็นคาราเมลผสม Cabernet-Sauvignon และ Pine Nut Praline มีความเปรี้ยวเล็กน้อยผสมความหวานของคาราเมลและความขมของ dark chocolate ออกมาลงตัวดีทีเดียวนะคะ ● Piemonte – ขอลองรสชาติคลาสสิคแบบชิ้นนี้บ้าง ไส้เป็น Hazelnut Praline อร่อยดีงามตามมาตรฐานค่ะ ● Apero – ชิ้นนี้เห็นนักวิจารณ์หลายคนชอบ เราเลยต้องลองซะหน่อย เป็น White Chocolate สีเขียวอ่อนที่ไส้เป็น vodka ผสมมะนาวและเสาวรสที่ทางร้านยืนยันว่าใช้แต่ผลไม้สดๆเท่านั้น ไม่ใช้กลิ่นสังเคราะห์ ซึ่งอันที่จริงก็ได้ความเปรี้ยวที่สดชื่น แต่แอบรู้สึกว่าดีกรีความเปรี้ยวมันเกินงามจนเสียสมดุลไปหน่อย เลยไม่ค่อยปลื้มล่ะค่ะ ● Italiaanse Javanais – อธิบายง่ายๆว่ามันคือช็อกโกแลตที่มีไส้เป็น White Chocolate Ganache กับ Marzipan ที่มีกลิ่นแบบพิซซ่าแทรกอยู่จางๆ เป็นอีกรสที่แปลกใหม่น่าสนใจ ส่วนความอร่อยจะยังกลางๆนะ ● Cebolla – มันคือช็อกโกแลตไส้ Almond Praline ผสมหอมใหญ่ทอดกรอบๆบดละเอียดค่ะ เป็นอีกครั้งที่ต้องประหลาดใจว่า เออ...มันเข้ากันได้แฮะ แม้จะไม่ถึงกับฟินเว่อร์แต่ก็อร่อยใช้ได้เลยล่ะ (4/5 คะแนน) [Block Chocolates] ช็อคโกแลตแท่งหนาๆ หักเป็นชิ้นๆแบบไม่ต้องเนี้ยบแล้วขายตามน้ำหนัก มีทั้ง Milk, White และ Dark Chocolates ปรุงแต่งด้วยผลไม้และ nuts ชนิดต่างๆ เราเลือกอันที่แต่งรสโยเกิร์ต ได้ความเปรี้ยวหวานกำลังลงตัว อร่อยฟินสุดๆค่ะ [Chocolate Figures] ก็คือช็อกโกแลตธรรมดาที่เอามาทำเป็นรูปร่างต่างๆ แต่งแต้มสีสันสวยงามน่าเอ็นดู ธีมก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามฤดูกาลและเทศกาลต่างๆ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ต้องซื้อมาซะหลายชิ้น ความอร่อยก็จะมาจากการที่ใช้เมล็ดโกโก้เกรดท็อปและ cocoa butter 100% นี่เองค่ะ ****- The Line-**** Dominique Persoone นั้นเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขามีความสุขอยู่กับการคิดค้นสูตรช็อกโกแลตและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่เรื่องธุรกิจนั้นไม่สันทัดเอาซะเลย ยกให้ภรรยาคือ Fabienne Destaercke หรือ “Fabby” เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ส่วนตัวเขาขอแค่ค่าขนมไว้ซื้อบุหรี่ซื้อหนังสือพิมพ์บ้างเท่านั้น (เห็นมาดดูห้าวเป็น Bad boy ซะขนาดนี้ แต่ที่จริงก็เป็นสมาชิกชนเผ่าเกลียมัวผู้เจริญนะเออ..555) แต่ Fabienne ก็ไม่ได้นั่งงอมืองอเท้านับเงินสามีเพียงอย่างเดียว เธอนำเอาผลิตผลจากในไร่โกโก้มาแตกไลน์เป็นสินค้าต่างๆ เช่นเครื่องเทศจากสมุนไพรที่ปลูกในไร่ น้ำผึ้ง และลิปบาล์มจากขี้ผึ้ง นำมาวางขายในร้านอีกด้วย พูดง่ายๆว่า “The Chocolate” นั้นเป็นหน้าที่ของ Dominique ส่วน “The Line” นั้นของ Fabienne ค่ะ ● Fabby's Cocoa Beeswax Stick for Happy Bees - เป็นลิปมันบำรุงริมฝีปากที่มีให้เลือกหลายกลิ่น เราเลือกมาเป็นกลิ่น Cocoa กับ Chocolate (เป็นความแตกต่างของกลิ่นแบบ cocoa butter กับกลิ่นผงโกโก้ น่ะค่ะ) เวลาทาปากจะได้กลิ่นหอมน่ากินอยู่ตลอด ชอบเลยล่ะ ****-The Verdict-**** ถ้าสำหรับคนที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศแบบร้านช็อกโกแลตเล็กๆน่ารักที่ Master Chocolatier ของร้านทำช็อกโกแลตเองกับมือ หรือร้านที่มีที่นั่งทานสบายๆ มีขนมและเครื่องดื่มเสิร์ฟ ร้านนี้ก็คงเหมือนจะไม่ตอบโจทย์ แต่จุดแข็งที่ทำให้ร้านนี้เป็นอะไรที่ห้ามพลาดก็คือความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นชนิดที่หาเจ้าอื่นเทียบยาก คุณภาพของเมล็ดโกโก้ที่เหนือกว่าร้านอื่นๆทั่วไปอีกหลายๆร้าน และความพิถีพิถันในการครีเอทสูตรช็อกโกแลตแต่ละชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าฝีมือของ Dominique Persoone นั้นคือ “ของจริง” ...เป็นร้านสุด unique ที่ถ้าได้มาเที่ยวเบลเยี่ยมก็ควรต้องแวะให้ได้เลยล่ะค่ะ Coming up next : Galler Chocolatier - The passion for chocolate, the love of perfection, and permanent creativity.

Chocolate Pralines
CHOCOLATE
CHOCOLATE
CHOCOLATE
Chocolate Shooter
Chocolate Shooter
Tequila Choc-Tail
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
Reep Hazelnoot Framboos
Reep Hazelnoot Framboos
Reep Hazelnoot Framboos
Reep Hazelnoot Framboos
บรรยากาศ
CHOCOLATE
CHOCOLATE
Chocolate Oscar
Chocolate Pills
บรรยากาศ
Chocolate Pills
Chocolate Pills
Hot Shock
บรรยากาศ
อื่นๆ
อื่นๆ
บรรยากาศ
HONEY
อื่นๆ
CHOCOLATES
CHOCOLATES
CHOCOLATES
Chocolate Lipstick
Chocolate Lipstick
Herbs
Peru 64% Chocolate
Peru 64% Chocolate
อื่นๆ
อื่นๆ
Block Chocolate
Chocolate Pralines
Edible Chocolate Massage Cream
Edible Chocolate Massage Cream
Edible Chocolate Massage Cream
Beasty Bars
บรรยากาศ
Beasty Bars
Beasty Bars
บรรยากาศ
บรรยากาศ
บรรยากาศ
WHITE CHOCOLATE
Single Origin Chocolate Bars
บรรยากาศ
อื่นๆ
CHOCOLATES
อื่นๆ
บรรยากาศ
หน้าร้าน
Chocolate Pralines
Chocolate Pralines
ตัวกรอง
เรียงตาม
ยอดนิยม

อ่านรีวิวร้านอื่นๆ ที่สมาชิกวงในแนะนำ

Segré
Segré
4.0
1 รีวิว
฿฿฿฿฿