Factory Coffee - BKK (Factory Coffee - BKK) พญาไท

#ร้านกาแฟสายแข่ง #SpecialtyCoffee #FactoryCoffee ร้านกาแฟใช้เมล็ดคุณภาพและหลากหลาย ทั้งไทยและนอก (สำหรับเมล็ดไทย ทางร้านมีการพัฒนาร่วมกับเกษตรกรที่ต้นทางในกระบวนการเริ่มต้นก่อนนำมาคั่วที่ร้าน) เป็นโรงคั่วเอง ทีมบาริสต้ามีประสบการณ์มีฝีมือ เดินสายแข่งขันได้รางวัลมามากมายครับ ผมเคยไปดื่มกาแฟร้านเค้าตั้งแต่เปิดได้ใหม่ๆตอนอยู่ริมถนนแถวๆเลยซอยรางน้ำมาหน่อย จนตอนนี้ร้านเค้าได้ย้ายร้านมาอยู่ในที่ใหม่เขยิบมาไม่ไกลจากที่เดิมมาก อยู่ด้านหลัง Hotel Tranz ติดกับ BTS/Airport Link สถานีพญาไทเลยครับ ผมมีโอกาสได้มาจิบกาแฟร้านเค้าที่ใหม่ตรงนี้เป็นครั้งแรกช่วงผ่อนคลาย Covid-19 นี่แหละครับ (ร้านเปิดให้นั่งดื่มในร้านได้ ช่วงต้น มิ.ย.63) [เกี่ยวกับร้าน:] Coffee Bar : Roastery : Training บาร์กาแฟ (Fast & Slow) : โรงคั่ว : เทรนนิ่ง Awards: * Top13 World Barista Champion (ท็อป 13 การแข่งบาริสต้าโลก) * Barista Champion 2017, 2018, 2020 * 1st Runner-up TNBC 2019 (รองแชมป์การแข่งบาริสต้าในไทย ปี 2019) * Indy Barista Champion 2016, 2017 * 4th runner-up Latte Art 2019 บรรยากาศร้านตกแต่งแนวลอฟท์ออกเท่ๆ ธีมเป็นโรงงานแบบฝรั่ง คล้ายกับตรงที่แรกเลย ถ้าใครเคยไปร้านเค้าที่แรกน่าจะพอคุ้นเคยกับบรรยากาศร้านเค้า คั่วกาแฟกันด้านหลังร้านครับ เมนูกาแฟของที่ร้านนี้ที่มีหลายแนวดี คือ • Espresso-based ใช้เครื่องชงแบบมืออาชีพและ powerful ของ Spirit โดยทำเป็นชื่อร้านที่ด้านหน้าเครื่องแทนยี่ห้อ • Filter (หรือ Drip) ที่ร้านเลือกเน้นใช้สกัดแบบ Chemex ตอนที่ผมไป เค้าให้เหตุผลว่าจะได้น้ำกาแฟที่มีความคลีนกว่าแบบพวก V60 หรือ Aeropress • Signature ของร้านเค้าครับ คือเป็นแนว Creative Espresso ใช้เอสเพรซโซ่เป็นกาแฟยืนพื้นหลักผสมหรือผ่านกระบวนการพิเศษต่างๆและรูปแบบการนำเสนอที่แปลกตา และชื่อเมนูที่ดูเก๋ไก๋ดี อย่างเช่น Supreme, El Brown, Phayathai, Honolulu เป็นต้นครับ กาแฟที่ผมได้มาลอง cupping ชิมดู ดื่มในร้านเลย รอบนี้มี 2 ตัว คือ • Iced Americano เลือกใช้เป็นเมล็ด Single Origin จาก Ethiopia Sidama – Bensa สายพันธุ์ Heirloom เป็น process แบบ Carbonic Maceration Natural ราคาแก้วนี้ 80 (Americano) +120 (Special Bean) [200 บาท] ดูจาก process ตอนแรก ผมนึกในใจก่อนเลยว่าเป็น natural ที่ผ่านพวกกระบวนการพิเศษ กลิ่นหอมพิเศษแปลกๆต้องมี และมีความหวานพวกผลไม้ด้วยตามมา ## Cupping แล้ว Tasting note ที่ผมจับได้ก่อนเด่นอย่างแรกเลยคือ กลิ่นหอมของดอกไม้เหมือนซากุระครับ (เคยดื่มพวกชากลิ่นซากุระกลิ่นเดียวกันเลย) ตามด้วยความหวานหอมแบบผลไม้เชื่อมและมีความอมเปรี้ยวพวกเลมอน ดื่มไปเรื่อยๆจะได้กลิ่นเหมือน Blueberry ติดจมูกยาวจนหมดแก้ว ตรงตาม tasting note ที่ทางร้านเขียนคือ Blueberry, Candied Lemon, Sakura ## สรุป กาแฟตัวนี้ Aroma เด่นตอนแรกกลิ่นดอกไม้หอมๆพิเศษๆ Body ค่อนข้างหนาหน่อยตามธรรมดาเพราะเป็นกาแฟที่ใช้เครื่องแรงดันชงไม่ใช่สกัดผ่านน้ำร้อนโดยตรง Sweetness หวานดีไม่มีความขมไหม้ให้รู้สึกเลย Aftertaste ก็มีติดยาวตามบอดี้ ส่วน Acidity ตัวนี้ถือว่ากลางๆไม่เปรี้ยวมาก เป็นกาแฟที่เป็นโทน Floral & Fruity มีความ Complex ไม่มาก เนื่องจากใช้เครื่องชง • Hot Filter Coffee เลือกใช้เป็นเมล็ด Single Origin จาก Costa Rica, Finca Tres Milagros สายพันธุ์ Heirloom (ปกติจะปลูกพื้นเพแถว Kenya Ethiopia แต่ตัวนี้พัฒนาปลูกแถวอเมริกากลาง) เป็น Natural Process [200 บาท/serving] อย่างที่บอกถ้าเป็น Filter ทางร้านใช้วิธีสกัดแบบ Chemex ดูจาก process แล้ว กลิ่นพวกผลไม้น่าจะติดชัด ## Cupping แล้ว Tasting note ที่ผมจับตอนแรกจะเป็นพวกกลิ่นดอกไม้สีเหลืองช่วงตอนอุ่นๆ มีความหวานอมเปรี้ยวนิดหน่อยแบบส้มฝรั่งเปลือกหนาและมีกลิ่นผลไม้อย่างอื่นแทรกประมาณพวก Peach พอช่วงกลางๆจะมีกลิ่นหอมแบบน้ำผึ้ง และที่พิเศษกาแฟตัวนี้พอเย็นลงมากๆจะจับได้ชัดติดเป็น aftertaste ในปากออกซ่าๆกลิ่นเครื่องเทศ มันคือกลิ่นกระวานครับ ## สรุป กาแฟตัวนี้ ค่อนข้างมีความซับซ้อนดี แต่จะไม่ออกเปรี้ยว Fruity จ๋าเหมือนพวกกาแฟจากแอฟริกา เน้นกลิ่นและความหอมหวาน มีความซ่าติดปลายเวลาเย็นเป็นกลิ่นเครื่องเทศ • Cupping portion พิเศษทางร้านมีดริปกาแฟมาให้ลอง cupping ถ้วยนึงด้วยครับ เป็นกาแฟไทยจาก Maejantai • Sinthop แบบ superwet process ผมเพิ่งเคยได้ยิน process นี้แหละครับ เค้าบอกเป็น process ที่เค้าพัฒนาออกมา พอลองแล้วสิ่งที่สัมผัสได้พิเศษแปลกกว่า process แบบ wet ปกติ คือ Body จะสูงกว่าและมีความฉ่ำเวลาดื่ม แต่ความสวยงามของกาแฟที่ผ่านแบบ wet มายังคงมีนั่นคือ Mouthfeel ที่สะอาดปาก ซึ่งไม่ค่อยจะเจอในกาแฟที่มี body สูงขึ้นมา tasting note ตัวนี้จะจับได้ไม่ชัดมากเหมือนพวกกาแฟแบบ Natural process ออกเปรี้ยวปลายแบบผลไม้ที่เป็นพวงๆ ที่ซองเขียนไว้เป็น Dried Grape #### สรุป คหสต #### • กาแฟ Single Origin มีให้เลือกหลากหลายเยอะขึ้นมาก ผมไม่ได้มานานแล้วตั้งแต่ร้านเค้าอยู่ที่เก่า มารอบนี้รู้สึกว่าเค้าให้ความสำคัญและคั่วกาแฟได้ดีขึ้นมากมีการพัฒนาไปในสไตล์ของเค้าเอง เห็นจากมีการใส่เทคนิคการ process เมล็ดกาแฟแบบแปลกๆเข้าไปด้วยก่อนนำมาคั่ว เท่าที่เห็นก็มี Lemongrass Fermentation, Super Wet และก็มีพวกเทคนิคที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย (จริงๆตอนนี้ก็มีหลายที่ทำอยู่) เช่น Carbonic Maceration Natural, Double Anaerobic Washed • ทีมบาริสต้าฝีมือดีมีประสบการณ์มาก สมแล้วที่ได้รางวัลมาจากการแข่งขันหลายรายการครับ รอบนี้ที่มาได้ลองกาแฟทั้งแบบ Espresso-based และ Filter ถือว่าทำมาได้ดีทั้งคู่ ส่วนตัวผมจะชอบดื่มแบบ Filter หรือกาแฟฝั่ง Slow Bar มากกว่า ได้ดื่มแบบมีอรรถรสและลึกซึ้งซับซ้อนกว่า • ราคาถือว่าไม่แรงนะครับร้านนี้ เมื่อเทียบกับร้านที่เป็นแบบ Specialty Coffee Bar แบบจริงจัง • บรรยากาศร้านตกแต่งออกเท่ๆ ดูสว่างๆ เพดานสูงกว่าร้านที่แรก ตอนที่ผมไปเป็นช่วงบ่ายๆวันธรรมดาทำงาน ลูกค้ามานั่งในร้านเยอะมาก เกือบไม่มีที่นั่งแล้ว สังเกตเห็นทางร้านก็พยายามจะจำกัดเวลาการนั่งในร้านของลูกค้าไม่ให้เกินชั่วโมงนึงนะครับ ด้วยเหตุผลเรื่อง Social Distancing ด้วย เข้าใจทางร้านครับ ร้านเค้าเหมาะสำหรับมานั่งดื่มกาแฟไม่ได้เหมาะมานั่งชิลๆหรือนั่งทำงานยาวๆนะครับ จะเห็นว่าในร้านเค้าจะไม่มีจุดให้เสียบปลั๊กไฟเลยเท่าที่เห็น • เดินทางมาสะดวกโดยรถสาธารณะ หรือขับรถมาเองก็พอมีที่จอดอยู่บ้าง ใช้ที่จอดแชร์ร่วมกับโรงแรมด้านหน้า (ทางร้านได้จำกัดโควตาจากทางโรงแรม) ช่วงนี้จะมีช่องให้จอดมากหน่อยเพราะโรงแรมคนมาพักไม่เยอะ สรุป 4.5 ขอปัดขึ้นแสดงเป็น 5 ดาวเลยรอบนี้ เพราะรีวิว 2 รอบก่อนหน้านี้ให้ไป 4 ดาวแล้ว 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการถัวเฉลี่ยให้คะแนน และรู้สึกว่าตอนนี้ทางร้านมีการพัฒนาในเรื่องกาแฟด้านต่างๆที่ผมรู้สึกสัมผัสได้เลยครับ [พิกัด:] ด้านหลังโรงแรม Hotel Tranz ริมถนนเลียบทางรถไฟ ตรงสถานี BTS และทางเชื่อม Airport Link พญาไท #WongnaiUsersChoice2020