ห้องอาหารร่มไทร บันยันทรีกรุงเทพ (บันยันทรีกรุงเทพ)

สำหรับวันนี้เปลี่ยนมารีวิวโรงแรมกันบ้างครับ โดยผมเจอโปรใน KLOOK ที่เราจะได้ทานอาหารที่ร้าน Vertigo จำนวน 3 คอร์สและได้พักในโรงแรมถึง 1 คืนในราคาเพียง 4400 บาทเท่านั้น (ยังไม่รวมโค้ดส่วนลดและ Cash Back อื่นๆ ที่จะได้รับ) ซึ่งเป็นโปรที่ค่อนข้างคุ้มค่ามากอยู่แล้ว และพอมีโปรอัพเกรดเป็นห้องเซรินิตี้ (ห้องจะใหญ่กว่าปกติ) ในราคาเท่ากัน ไม่รอช้าก็กดสั่งซื้อและชำระเงินผ่าน KLOOK จากนั้นโทรติดต่อไปที่ Marketing ของโรงแรม ซึ่งอันนี้ค่อนข้างยากสักหน่อยเพราะสายเต็มบ่อยมาก แต่สุดท้ายก็จองได้สำเร็จครับ ตำแหน่งโรงแรมจะอยู่ที่ถนนสาทรใต้ สามารถขับรถเข้าไปจอดในโรงแรมได้เลยครับ แต่ก่อนออกต้องให้พนักงานปั๊มบัตรก่อนนะครับ ไม่อย่างงั้นจะเจอค่าจอดแบบจุกๆ ที่จอดค่อนข้างเก่าและมีน้ำเจิ่งนองอยู่พอสมควร แนะนำให้เลือกที่จอดดีๆหน่อยครับ สำหรับใครที่เดินทางมาโดย MRT สามารถเดินมาตามทางและเข้าทางตึกไทวาที่อยู่ด้านหน้าและทะลุมาที่โรงแรมได้เลยเช่นกัน หรือถ้านั่งแท๊กซี่มา สามารถจอดได้ที่หน้าทางเข้าโรงแรมเลยครับ เมื่อเราเข้าไปแล้ว โดยปกติถ้าเช็คอินเราจะต้องไปยืนกันที่หน้าเคาเตอร์ แต่อาจจะเป็นเพราะ Social Distance หรือมาตรฐานของโรงแรมอยู่แล้วหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ รอบนี้พนักงานให้เรานั่งรอที่โต๊ะและจะนำเอกสารและมาอธิบายเงื่อนไขต่างๆให้เราทราบเลยครับ และนำกระเป๋าขึ้นไปรอที่ห้องพักให้เรียบร้อยเลยครับ นอกจากนี้ก็มี welcome drink เป็นน้ำอัญชันเย็นๆ เสิร์ฟด้วยเช่นกัน สำหรับวันนี้เราได้พักที่ชั้น 49 ฝั่งถนนสาทรใต้ครับ ซึ่งฝั่งนี้เมื่อเราเปิดผ้าม่านจะเห็นวิวกรุงเทพแบบสุดลูกหูลูกตาเลยครับ จะเห็นทั้งไอคอนสยาม ไปจนถึงตึกใบหยกเลยทีเดียว แต่ถ้าให้ดี อยากพักอีกฝั่ง ซึ่งจะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงโค้งพระราม 3 หรือบางกระเจ้า ซึ่งจะให้อารมณ์ไปอีกแบบเลยทีเดียว ภายในห้องพักจะมีโต๊ะทำงานแบบนั่งทำงานได้จริงๆ ซึ่งจะหันเข้าหาทีวีเลยครับ ซึ่งเป็นเรื่องตลกอย่างนึงว่า โซฟาอยู่อีกฝั่งและจะมองไม่เห็นทีวี แต่กลายเป็นว่าโต๊ะทำงานมองเห็นทีวีซะงั้น เตียงนอนจะอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อตื่นเช้ามาเราจะเห็นวิวกรุงเทพยามเช้าเลยครับ ห้องน้ำจะมีการแบ่งสัดส่วนชัดเจน ทั้งอ่างน้ำ ฝักบัว และชักโครกครับ อุปกรณ์ในห้องมีพร้อมทุกอย่าง และยังมีเตารีดให้อีกครับ ลืมบอกไปอีกอย่าง ก่อนเข้าพักประมาณ 1 สัปดาห์ ทางโรงแรมจะมีส่งอีเมลในเรื่องของหมอนที่อยากได้ ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 อย่างจาก 5 อย่างครับ และยังสามารถ recommend ได้ว่าไม่ชอบกลิ่นอะไร ซึ่งในห้องก็จะมีธูปหอม และน้ำหอมกลิ่นขิง ไว้ให้จุดได้เลยเช่นกัน (ใช้ไม้ขีด) และภายในห้องก็มีเครื่องดื่มและแก้ว เตรียมไว้พร้อมมากเช่นกัน ส่วนตู้เย็นจะเป็นตู้แช่ไวน์เก่าๆ อุณหภูมิจะตั้งต่ำๆไม่ได้ครับ ส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เช่นฟิตเนส เครื่องดูใหม่และน่าใช้งาน ส่วนสระว่ายน้ำก็ใหญ่พอสมควรเลยครับ ภายนอกวิวสวยดีเช่นกัน แต่การจะใช้งานสิ่งเหล่านี้ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อนครับ นอกจากนี้ก็มีบริการนวดแผนไทยเช่นกัน แต่ผมไม่ได้ใช้บริการ สำหรับมื้ออาหารในคืนนี้ผมจะยกยอดไปรีวิวที่ร้านอาหารเวอร์ติโก้นะครับ และส่วนนี้จะมารีวิวส่วนของอาหารเช้า ซึ่งห้องอาหารจะอยู่ชั้นล่างของล๊อบบี้อีกที หรือก็คือร้านอาหารต้นไทรนั่นเองครับ ถ้าลงมาช้าอาจจะไม่ได้วิวสวยๆ ซึ่งเป็นบ่อน้ำและป่าจำลองเล็กๆ ซึ่งเป็น Background ของห้องอาหารนี้ เนื่องจากช่วงนี้เป็น Social Distance ทางโรงแรมเลยเปลี่ยนเป็นสั่งอาหารที่เคาเตอร์ของแต่ละบาร์ แล้วพนักงานจะนำไปเสิร์ฟให้ เช่นในส่วนของ Breakfast และอาหารไทยบางอย่าง แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มสามารถกดที่บาร์ได้เลยเช่นกัน ผลไม้ วาฟเฟิล ขนมปัง สลัด จะมีพนักงานตักและยื่นให้เราเลยครับ โดยรวมของอาหารเช้ารู้สึกเฉยๆหน่อยๆครับ ตัว Breakfast ได้รับไม่ครบตามที่สั่ง แต่รสชาติใช้ได้ ส่วนของขนมปังจะมีแค่วาฟเฟิลที่รู้สึกว่าแห้ง อาจจะเป็นเพราะว่าใส่ไข่เยอะไปสักหน่อย ข้าวต้มและก๋วยเตี๋ยวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ว้าวอะไร โดยเฉพาะไก่ตุ๋นค่อนข้างจะแห้ง ส่วนข้าวราดแกงกะหรี่อันนี้คือเค็มมาก ข้าวสวยคือดีแต่แกงกะหรี่ทำให้พังไปเลยทีเดียว เครื่องดื่มก็ตามมาตรฐานครับ เลยรู้สึกว่าที่นี่ยังไม่ว้าวเท่าที่ควร ถึงแม้จะวิวดี แต่จุดด้อยและต้องปรับปรุงมากเลยก็มีเช่นกัน อย่างเรื่องแอร์ในห้องที่ไม่เย็นเลยครับ นอนข้างนอกห้องยังเย็นกว่าเลยครับ และการติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือก็ติดยากมาก และสุดท้ายก็มาเจอว่าเครื่องทำความเย็นเสียอีกต่างหาก แต่ดีที่ช่างเข้ามาแก้ไขให้เลยครับ แทบไม่ต้องรอ โดยรวมแล้วก็ถือว่าโอเครสำหรับโรงแรมระดับนี้ครับ อาจจะมีข้อผิดพลาดที่ค่อนข้างจะเยอะพอสมควร เข้าใจว่าน่าจะเพิ่งเปิดได้เดือนเดียว หลายๆอย่างเลยยังไม่พร้อมสักเท่าไรครับ ถ้าให้ดี อยากให้ตรวจสอบห้องพักก่อนแขกเข้าพักด้วยครับ