HARU Bangkok Izakaya & Sushi Bar (ฮารุ อิซากายะแอน์ซูชิบาร์)

วันนี้แพรขอพาเพื่อนๆมาชิมอาหารญี่ปุ่นกันที่ร้าน Haru Bangkok Izakaya & Sushi Bar เนื่องจากได้รับเชิญเข้าร่วม Wongnai Testing เป็นครั้งแรก และก็เป็นครั้งแรกที่ได้ลองมาที่ร้านแนว Izakaya ต้องบอกว่าตื่นเต้นพอสมควร รีวิวนี้ยาวหน่อยนะคะ ร้านอิซากายะ แปลง่ายๆคือ ร้านเหล้าของคนญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วร้านอิซากายะในเมืองไทยจะไปกระจุกตัวย่านทองหล่อ และสุขุมวิทที่คนญี่ปุ่นอยู่เยอะๆ รวมทั้งการตกแต่งร้านอิซากายะมักจะทึบๆ มืดๆ เน้นกับแกล้มและดื่มสังสรรค์เสียมากกว่า แต่ที่ร้านฮารุนี้ ตกแต่งในสไตล์ Modern Izakaya โปร่ง สบาย สวยงาม หากเพื่อนๆมา รับรองว่าจะลืมบรรยากาศแบบ traditional Izakaya ไปเลยค่ะ ร้าน Haru Bangkok Izakaya & Sushi Bar ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบด่วนรามอินทรา) ซอยโยธินพัฒนา ด้านหลัง Chic Republic เหมาะสำหรับผู้มีรถส่วนตัวเพราะว่าเส้นนี้ไม่ค่อยมีรถสาธารณะสักเท่าไหร่ ร้านมีที่จอดรถกว้างขวาง จ. - ศ. เปิด 2 รอบ เวลา 11.30 – 14.00 น. และ 17.00 – 22.00 น. ส. - อา. เปิดบริการทั้งวัน ตั้งแต่ 11.30 – 22.00 น. ตัวร้านตกแต่งในแบบสมัยใหม่แต่ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นอยู่ เรียบๆแต่สวยงาม อาคารด้านนอกเป็นรูปทรงนกกระเรียนกระดาษ อันหมายถึงชีวิตที่สงบ อายุยืนยาว ส่วนด้านในเน้น concept ตามชื่อร้าน HARU อันหมายถึง ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นฤดูของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เริ่มต้นทุกๆสิ่ง ความสุขและสิ่งดีๆกำลังจะเริ่มต้นขึ้น โต๊ะเก้าอี้ของร้านใช้ไม้สีอ่อนทำให้รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด หากต้องการสังสรรค์แบบส่วนตัว 10-15 คนก็สามารถจองห้องได้ โดยปกติจะมีห้องพิเศษ 2 ห้องเล็ก ที่พิเศษคือหากแขกจำนวนมาก(30 คน)สามารถเลื่อนฉากกั้นออกให้เป็นห้องใหญ่ห้องเดียวได้ อาหารของที่นี่ตามชื่อบทความเลยค่ะ มาที่เดียวครบจบเพราะว่ามีทุกประเภท ปิ้ง ย่าง ผัด ทอด นึ่ง อบ เพิ่มซูชิบาร์เข้าไป และในอนาคตร้านบอกว่าจะเพิ่มราเมงเข้าไปด้วย เรียกว่าใครชอบอาหารญี่ปุ่นสไตล์ไหนๆก็สามารถตกลงกันได้ที่ร้านนี้ร้านเดียวเลย วันนี้อาหารค่อนข้างเยอะ จะแนะนำและติชมไปทีละจานนะคะ ถั่วแระญี่ปุ่น - จานแรกเป็นกับแกล้ม ของทานเล่นมาเรียกน้ำย่อยก่อน ถั่วแระญี่ปุ่นที่เป็นของคู่กัน ไปร้านญี่ปุ่นร้านไหนก็มักจะเสิร์ฟนำร่อง ถั่วแระที่นี่ต้มได้ดี สุก นิ่มแต่ไม่แข็ง ไม่ได้โรยเกลือทำให้ได้รสหวานของถั่วแระ ผ่านตามมาตรฐาน ปลาหมึกแห้งทอดแบบเทมปุระกับซอสมายองเนส - จานนี้ตามมาติดๆ เป็นการนำปลาหมึกแห้งไปชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ กรอบๆ มีรสเค็มนิดๆ จะกินเปล่าๆหรือว่าจิ้มกับซอสมายองเนสที่โรยพริกป่นนิดๆก็เข้ากันดี ประทับใจที่ทอดได้ดี ไม่อมน้ำมันเลย แซลมอนยำไทย - ไม่แน่ใจว่าชื่อนี้รึป่าว แต่เวลาแพรเห็นแซลมอนเอามาคลุกน้ำยำแบบไทยๆก็มักเรียกชื่อนี้ตลอด จานนี้เพิ่มรสชาติจัดจ้านขึ้นมาอีกหน่อย ไม่ถึงกับเผ็ดมาก กำลังดี คีบแซลมอนสดๆที่คลุกกับน้ำยำ มีแตงกวา ผักสลัดและหนังปลาแซลมอนทอดกรอบแกล้ม เพลินๆแป๊บเดียวหมดค่ะ เหล้าบ๊วย - คั่นด้วยเหล้าบ๊วยแบบ sparking ของทางร้าน มีความซ่านิดๆ กลิ่นบ๊วยอ่อนๆ แอลกอฮอล์น้อยๆ ดื่มแล้วชื่นใจจริงๆ ซาซิมิ ปลาดิบ 9 อย่าง - Highlight สุดอลังการเริ่มต้นที่จานนี้ค่ะ ปลาดิบ 9 อย่างแล่มาชิ้นหนา เต็มที่ แบบไม่ขี้เหนียววัตถุดิบกันเลยทีเดียว เซ็ตใหญ่นี้ประกอบด้วย ปลาทูน่า ปลาฮามาจิ ปลาแซลมอน หมึกยักษ์ หอยเชลล์ญี่ปุ่น(โฮตาเตะ) กุ้งหวาน ก้ามปู หอยปีกนก และไข่ปลาแซลมอน อยากบอกว่าคอปลาดิบอย่างแพรขอยกนิ้วให้เลยจริงๆ มันดีอ่ะ ไม่ได้เขียนอวยนะคะ คือดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็ว่ากันไปตามความจริง เรื่องความสด ความหวาน ความอร่อยของเหล่าปลาดิบทั้งหลาย ฟินมากๆ หมดกังวลเรื่องความคาวหรือคีบแล้วปลาเหี่ยวไปได้เลย Premium จริงๆ ใจรักแซลมอนแต่มื้อนี้เลือกไม่ถูกเลย มันดีงามไปหมด กุ้งหวานก็สด หวาน หอยเชลล์สดแบบลื่นปรื้ด ขอแอบเทใจให้กับฮามาจิละกัน เพราะปกติไม่รู้สึกอะไร แต่ฮามาจิของ Haru นี้ทำให้แพรเปลี่ยนใจค่ะ จุดเด่นของร้านคือวัตถุดิบทั้งหมด ทางร้านบอกว่าจัดหามาอย่างสดๆ ไม่เอาของแช่แข็งมาแน่นอน เพราะมันจะทำให้รสชาติผิดเพี้ยนและไม่ใช่ concept ของร้าน ร้านอยากให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารสด อร่อย คุณภาพดี คุโรบูตะนาเบะสไตล์โตเกียว - นาเบะ หรือว่าหม้อไฟแบบญี่ปุ่น ทางร้านนำรสชาติแบบโตเกียวอันโดดเด่นมาใส่ในหม้อไฟนี้ ขนาดไม่ใหญ่มาก ที่เด็ดคือจะมีก้อนคอลลาเจนใส่ถ้วยมาให้ ถ้าน้ำซุปเดือดก็ละลายคอลลาเจนนี้ลงไปในน้ำซุปได้เลย เพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก เห็นหน้าตาธรรมดาแบบนี้แพรชิมแล้วขอบอกว่า น้ำซุปอร่อยมากกกกก คือมันดูบ้านๆแต่ทำได้ดีมากค่ะ ไม่ต้องเติมน้ำจิ้มอะไรเพิ่มเลย แต่หากอยากเติมที่ร้านก็น้ำจิ้มงาและน้ำจิ้มพอนซึให้นะคะ เสียบไม้ย่าง - จานนี้มีอาหารเสียบไม้ย่างมา 5 ชนิด คือหมูสามชั้น ลิ้นวัว เบคอนพันไข่นกกระทา ไก่บด(ทานคู่กับไข่ออนเซ็น) และเห็ดหอม โดยทุกอย่างจะถูกทาด้วยซอสดำ(คุโรมิโซะ)สูตรเฉพาะของทางร้าน ให้รสหวานๆ ย่างบนถ่านไม้ไผ่เพิ่มความหอม แพรได้ลองทุกอย่างยกเว้นเบคอนพันไข่นกกระทา เพราะไม่ชอบไข่นกกระทาสุก ขอวิจารณ์เป็นอย่างๆไปนะคะ หมูสามชั้น - นุ่ม อร่อย ชิ้นหนา ทิ้งไว้แล้วยังนุ่มอยู่ ลิ้นวัว - น่าผิดหวัง อาจจะเพราะชิ้นหนาเกินไปและทิ้งไว้จนเย็นทำให้ลิ้นวัวเหนียวมาก ไม่โอเคเลย ทางร้านน่าจะแล่ให้บางกว่านี้หน่อย ไก่บด - ชิ้นนี้น่าสนใจมากตรงที่เป็นไก่บดนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆคล้ายลูกชิ้นแล้วเสียบไม้ย่าง ไก่บดนุ่มมาก ยิ่งจิ้มกับไข่ออนเซ็นแล้วยิ่งตัดเลี่ยน อร่อยทีเดียวค่ะ เห็ดหอม - นุ่มมากๆ อร่อยค่ะ Special Sushi - คำโต๊โตคำนี้ไม่แน่ใจเลยจะเรียกซูชิได้ไหม มีเอ็นกาวะห่อรอบๆ ด้านในเป็นข้าวญี่ปุ่นและแซลมอนสับ ด้านบนมีตับห่านเผา ไข่กุ้ง คาเวียร์ และไข่นกกระทากับไข่แซลมอน โอ้โห...คือคำใหญ่มากกกก ไม่สามารถทานได้หมดในคำเดียวนะ อยากจะบอกว่าแม้หน้าตาดูจะไปคนละทิศคนละทาง แต่รสชาติออกมาอร่อยล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นการผสมผสานกันที่ลงตัว รู้สึกอยากจะกลับไปที่ร้านแล้วขอสั่งเมนูพิเศษนี้อีกจัง ประทับใจในคำนี้มากๆค่ะ เชอร์เบทสตอเบอร์รี่ - คั่นจังหวะ ตัดเลี่ยนกันด้วยเชอเบทสตอเบอร์รี่ ไอศกรีมผลไม้ที่ใช้สตอเบอร์รี่ปั่นกับไซรัป อร่อย หอมหวานมากค่ะ Hotate Volcano Yaki - หอยเชลล์ญี่ปุ่นผัดกับซอสมันๆเผ็ดๆก่อนจะนำไปอบให้สุกอีกครั้ง ฝานี้แพรเฉยๆแต่ดูพี่ๆจะถูกใจกัน เพราะว่ามีรสเผ็ดเด่นขึ้นมา มันออกเป็น fusion food อ่ะค่ะ Okonomiyaki - หรือที่แปลว่าพิซซ่าญี่ปุ่น ทางร้านบอกว่าซอสของทางร้านจะเป็นสูตรพิเศษ ใส่แอปเปิ้ลลงไปเคี่ยวด้วย ทำให้ได้ความหวานจากธรรมชาติ รสชาติดี อร่อยค่ะ ข้าวต้มปลาฮามาจิ - เสริ์ฟมาในหม้อญี่ปุ่น หน้าตาแปลกๆ ตัวหม้อดูเหมือนใส่ข้าวได้ไม่เยอะแต่ก้นลึก จุมากทีเดียว เป็นอีกเมนูเหนือความคาดหมายและแพรค่อนข้างประทับใจ ทางร้านจะนำข้าวต้มที่ต้มจนเละเกือบจะเป็นโจ๊ก ใส่น้ำซุปสูตรทางร้าน จุดไฟมาให้ โดยจะมีปลาฮามาจิสดๆใส่จานแยกมา ส่วนเครื่องก็คล้ายกับข้าวต้มบ้านเรา มีกระเทียมเจียว ขิงซอยและผักชี วิธีรับประทานคือคีบปลาฮามาจิ วางรองที่ก้นชาม แล้วตักข้าวต้มร้อนๆ ราดไปบนเนื้อปลาดิบ ข้าวต้มจะทำให้ปลาสุก ใช้เวลาไม่เกิน 10-15 วินาที ก็คีบปลากลับขึ้นมาวางด้านบน เพราะหากปลาฮามาจิสุกเกินไป จะมีรสเปรี้ยว แต่หากใครชอบให้มีรสชาติเปรี้ยวนิดๆก็ให้ทิ้งไว้จนสุกมาก หรืออีกวิธีจะคีบปลาฮามาจิ จุ่มลงไปในหม้อข้าวต้มสักแป๊บนึงก็ได้เช่นกัน หน้าตาคล้ายข้าวต้มปลาผสมโจ๊กแต่รสชาติแตกต่างจากข้าวต้มไทยหรือโจ๊กแบบจีนเลย น้ำซุปของทางร้านกลมกล่อมมาก ปลาก็สด ข้าวก็นิ่ม ลงตัวมากๆค่ะ ช่วงนี้เมนูนี้มีขาย deal ในวงใน เป็นมื้อเย็นสุดคุ้ม แพรว่าเดี๋ยวได้โดนอีกรอบแน่ๆค่ะ 5555 ข้าวอบหม้อญี่ปุ่นหมูสามชั้น - จานสุดท้ายก่อนไปกินของหวาน เสิร์ฟมาในหม้อแบบเดียวกับข้าวต้ม แต่หม้อนี้เป็นข้าวอบ ทางร้านจะนำข้าวผสมกับซอสหุงมาค่อนข้างแฉะ วางหมูสามชั้นและผักต่างๆด้านบน จากนั้นก็จุดไฟทิ้งไว้ให้ข้าวเริ่มแข็ง น้ำแห้ง เป็นอันถึงเวลากิน สามารถรับประทานได้ 3 แบบคือแบบข้าวอบ ข้าวยำ โดยใส่เครื่องเคียง(สาหร่าย ขิงดองซอยและต้นหอมซอย) หรือจะเติมน้ำซุปเป็นข้าวต้มก็ได้ แล้วแต่คนชอบ เมนูนี้แพรเฉยๆนะคะ อาจจะกินมาเยอะจนอิ่มมากแล้วก็เป็นได้ บราวนี่และไอศกรีมชาเขียว - ขนมหวานจานสุดก่อนจะกลิ้งออกจากร้าน บราวนี่อบร้อนๆ ไม่ใช่ลาวานะคะ เป็นบราวนี่แบบนิ่ม ด้านในมีซอสราสเบอร์รี่ตัดเลี่ยน แต่อร่อยเข้ากัน ไอศกรีมชาเขียวเข้ม แต่ไม่เข้มจนขมเกินไป ด้านล่างไอศกรีมมีถั่วแดงบดวางรอง อร่อยค่ะ ต้องบอกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยมาก ค่อนข้างพิเศษ และน่าประทับใจ แพรรับรู้ได้ถึงความจริงใจ ความเอาใจใส่ในการทำอาหารของพ่อครัว การบริการที่ดีของพนักงาน ความเป็นกันเองของผู้จัดการร้านไปจนถึงการตกแต่งร้านที่มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แนะนำเพื่อนๆที่อยู่ละแวกนี้ หากไม่อยากเข้าเมืองรถติด หาที่จอดรถยากถึงทองหล่อก็ลองมาร้านนี้ดูค่ะ มีที่จอดรถสะดวกสบาย อาหารอร่อย บรรยากาศดี คุ้มราคา แพรก็จะไปรับประทานอาหารที่ร้าน Haru Bangkok Izakaya & Sushi Bar อีกแน่นอนค่ะ ปล. ช่องทางรับโปรโมชั่นที่น่าสนใจของทางร้าน Facebook - Haru Bangkok Line - @Harubangkok ( มีแจก E-Coupon ) IG - Harubangkok