เราเดินทางออกจาก อ.หางดง ในเวลาเกือบๆเจ็ดโมงเช้า และมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่เราตั้งไว้ก็คือ ต.เมืองคอง เราไปถึงปากทางเข้าประมาณแปดโมงครึ่งและมันยังเช้าไป เราเลยตัดสินใจขับต่อไปเพื่อจะไปกินข้าวเที่ยงที่ "ร้านต้าหยง" เป็นร้านบะหมี่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอรุโณทัย ซึ่งปากทางเข้าของทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แต่ร้านบะหมี่ต้องขับเข้าไปอีกใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง โดยเราไปถึงที่ร้านเก้าโมงครึ่งแต่ร้านเปิด 10 โมงและเปิดให้บริการทุกวัน เราจึงไปเดินเล่นในหมู่บ้านเพื่อรอเวลา
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราเดินทางออกจากหมู่บ้านอรุโณทัยและขับรถสู่จุดหมายปลายทางของเราในช่วงเที่ยงกว่าๆ ถนนหนทางในช่วงแรกก่อนถึงด่านตรวจยังเป็นปกติ จะแคบๆหน่อย แต่ถือว่ายังขับได้แบบสบายๆ โดยหลังจากผ่านด่านตรวจจะเจอกับถนนที่มีความชั้นมากขึ้นและแคบ อีกทั้งในช่วงที่เราไปมีการทำถนนในเส้นนั้นจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากหลุมแล้ว พื้นถนนทั้งสองฟากไม่เท่ากัน ด้านข้างถนนก็มีดินแดงลื่นๆและบางทีก็ลึกต้องขับแบบระวังๆ ซึ่งถนนดีก็จะมีมาเป็นช่วงๆ และคาดว่าการทำถนนจะเสร็จในปี 64 (พี่เจ้าของโฮมสเตย์บอกมา)
เมื่อเราเข้าสู่ ต.เมืองคอง แลนมาร์กแรกๆที่เป็นจุดสังเกตุจะเป็นร้านกาแฟ "ฮักเน้อ" อยู่ตรงบริเวณสะพาน สามารถแวะพัก ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับบรรยากาศท้องนาสีเขียวได้ ซึ่งวันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ เราไปถึงช่วงบ่ายสอง-สาม คนที่ร้านกาแฟเยอะมากเราเลยไม่ได้เข้าไปชิม และพอวันกลับเราก็ยังไม่ได้ชิมเพราะเราออกจากที่นั่นตั้งแต่เช้า เสียใจอ่ะ แต่เดี๋ยวกลับไปอีกรอบจะไม่พลาดแน่นอน
พอมองผ่านร้านกาแฟออกไปในทุ่งนาจะเห็นเป็นบ้านหลังเล็กๆ อยู่ริมน้ำ นั่นก็คือ "บ้านวังริมคองโฮมสเตย์" เป็นที่พักของเราในทริปนี้ โดยร้านกาแฟกับโฮมสเตย์เจ้าของเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อเราเข้าไปเช็คอินจะมีแม่ของพี่เจ้าของโฮมสเตย์คอยต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง ที่พักจะมีบ้านอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 หลัง พักได้ตั้งแต่ 1-6 คน หรืออาจจะได้มากกว่านั้น (ตามแต่ขนาดของบ้าน) ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมมีทั้งหมด 3 ห้อง นอกจากนั้นก็ยังมีอุปกรณ์ในการทำครัวต่างๆที่ลูกค้าสามารถหยิบจับนำไปใช้ในการประกอบอาหารได้เลย โดยราคาที่พักเราเลือกแบบไม่รวมอาหาร จะอยู่ที่คนละ 350 บาท เราไปกับเพื่อนสองคนรวมทั้งหมดก็ 700 บาท/คืน ซึ่งพี่เจ้าของบอกว่าราคาจะคงเดิมตลอดไม่ว่าจะเป็นช่วงโลหรือไฮ
สำหรับบ้านที่เราพักจะเป็นบ้านหมายเลข 1 ที่เดินข้ามสะพานมาก็ถึงเลยและหน้าบ้านอยู่ติดกับริมธาร ในบ้านจะมีเตียงขนาด 6 ฟุต มีพัดลมให้ มีที่เสียบปลั๊กให้สองช่อง (เราพกปลั๊กพ่วงไปเองด้วย แต่ที่โฮมสเตย์ก็มีให้ยืมนะ) มีกาน้ำร้อน แก้ว กาแฟและน้ำดื่มสองขวด นอกจากนั้นหลังบ้านของเราก็ยังอยู่ติดกับทุ่งนาที่เมื่อมองออกไปแล้ว ทำไมมันช่างสบายตาขนาดนี้นะ ชักอยากจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไปละสิ่ ><
จนมาถึงเวลาอาหารเย็น สำหรับใครที่อยากทำอาหารเองแนะนำว่าให้ซื้อของที่อยากกินให้เรียบร้อยก่อนเดินทางเข้ามา เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลทำให้ร้านภายในหมู่บ้านจะมีตัวเลือกให้ไม่มากนัก แต่สำหรับใครที่คิดไม่ออกที่นี่เขาก็มีหมูกระทะและเมนูอื่นๆไว้ให้บริการเหมือนกัน โดยในวันนั้นเรากับเพื่อนตั้งใจจะกินมาม่าหม้อไฟก็เลยซื้อของไว้ก่อนบ้างแล้ว แต่ดันลืมซื้อหมูเลยได้ไปซื้อเป็นแพคแช่แข็งที่เขามีขายในหมู่บ้าน (ซึ่งอาจจะเยอะไปสำหรับสองคน) หลังจากซื้อของเสร็จและกลับเข้าบ้าน เราก็ให้แม่ของพี่เจ้าของมาช่วยจุดเตาเพื่อที่เราจะได้เริ่มประกอบอาหารเย็นในวันนั้น และในช่วงเย็นบนสะพานก็จะมีอาหารมาขาย เช่นไก่ทอด หม่าล่า โรตี ลูกชิ้นทอด ขนมจีน เป็นต้น
การประกอบอาหารของเราใช้เวลานานมากเพราะเป็นเตาถ่านและไฟไม่แรง ทำให้เมื่อเราได้กินเราก็เลยจัดเต็มกินจนแน่นแบบจุก และน้ำแข็งก็ดันมาหมด เพื่อนก็เลยใช้เราเดินไปซื้อน้ำแข็งที่พี่เจ้าของ พี่เขาก็เลยชวนเรากินหมูกระทะ เพราะพี่เขาสั่งชุดใหญ่มาและมันเยอะ เราจึงเดินไปลากเพื่อนมานั่งกับพวกพี่เขา ละพี่เขาก็ให้เรากินนั่นนี่ ใจดีมากและเป็นกันเองมาก เพื่อนเราเลยอยู่เอนเตอร์เทนนานมากกว่าจะได้กลับและคืนนั้นรู้สึกเหมือนว่าจะไม่ได้นอน เลยเก็บภาพบรรยากาศตอนกลางคืนบริเวณที่เรานั่งกินหมูกระทะมาฝาก
ถึงวันที่เราต้องกลับแล้วสินะ ใจจริงๆยังไม่อยากกลับเลย เราไปแค่ 2 วัน 1 คืน แต่สำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะไปอยากให้อยู่พักผ่อนและซึมซับธรรมชาติสักสอง-สามคืน จริงๆไปล่องแก่งหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นของเขาด้วยก็ได้นะ
หลังจากที่ออกมาเดินเล่นในช่วงกลางดึกของคืนนั้น ฝนก็ตกหนักมากจนถึงเช้าทำให้เช้าวันนั้นเราเลยอดดูทะเลหมอก แต่สำหรับอากาศก็คือดีสุดๆไปเลย
เราเดินทางออกจากที่พักประมาณแปดโมง ระหว่างทางที่ขับรถออกไปก็จะมีหมอกจางๆให้เห็นเป็นระยะๆ ซึ่งสามารถมองเห็นความสวยผ่านได้ทางสายตาเท่านั้นจริงๆ อยากให้ได้ลองไปสัมผัสกันดู เป็นอันจบจบทริปแล้วน้า ปีหน้าเจอกันอีกสักรอบ เพราะเราเริ่มหลงรักที่นี่เข้าแล้วสิ่♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
ในระหว่างทางกลับบ้าน เราอยากแวะพักที่คาเฟ่สักแห่งนึงเลยมาจบที่ "ซอมบี้ คาเฟ่ - แม่ริม" ดับร้อนและคลายความเหนื่อยล้าด้วยการสั่ง เค้กไอติมมากิน สบายใจเขาหล่ะ;P
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ