เปิดทริปมาที่ไฮไลท์ของเมืองกันเลย นั่นก็คือ เรือบดน้ำแข็งซัมโป้ (Icebreaker Sampo)
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่าเจ้าเรือบดน้ำแข็งซัมโป้นี้อยู่ตรงส่วนไหนของฟินแลนด์
เกมิ (Kemi) เป็นเมืองชายทะเลเล็กๆทางตอนเหนือของอ่าวบอทเนีย อยู่ไม่ไกลจากชายแดนสวีเดน เป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Sea Lapland หรือแลปแลนด์ติดทะเลตะวันตก มีประชากรประมาณ 20,300 คน ถึงเกมิจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็เป็นเมืองเดียวในแลปเแลด์ที่สามารถทำกิจกรรมเกี่ยวกับทะเล หิมะ และน้ำแข็งได้ในเวลาเดียวกัน และหนึ่งในกิจกรรมนั้นก็คือการล่องเรือบดน้ำแข็งซัมโป้
เกร็ดความรู้
Sampo เป็นเรือบดน้ำแข็งเก่าแก่ สร้างขึ้นในปี 1960 ทำงานให้กับรัฐบาลฟินแลนด์ในการบดน้ำแข็งเปิดเลนทะเลเช่นเดียวกับเรือบดน้ำแข็งลำอื่นๆ อยู่ประมาณเกือบ 30 ปี แต่ในปี 1987 ก็ถูกปลดระวางเนื่องจากสร้างเลนทะเลที่เล็ก ไม่พอกับขนาดของเรือขนส่งสินค้าที่มีขนาดเลนทะเลที่ใหญ่กว่า
เมืองเกมิจึงตัดสินใจซื้อเรือ Sampo เพื่อใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยว ทำการปรับปรุงพื้นที่ในการใช้รับรองนักท่องเที่ยวอยู่หนึ่งปีเต็มและเริ่มบริการนักท่องเที่ยวในปี 1988 จนถึงปัจจุบัน
Sampo ยังคงไว้ซึ่งระบบการเดินเรือแบบเดิม จึงเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศึกษาระบบเดินเรือแบบเก่า
สามารถดูรายละเอียดการจองได้ที่ https://experience365.fi/icebreakersampo/
เมื่อทำการจองเที่ยวเรือเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเลย....
มีรถ Shuttle bus มารับที่หน้าโรงแรม ประมาณไม่เกิน 15 นาทีก็มาถึงท่าเรือ Sampo
เมื่อลงจากรถ ก็ทำการเช็คอินเพื่อรับสายรัดข้อมือซึ่งแต่ละสีของสายรัดข้อมือจะบ่งบอกถึงเวลาที่เราจะทำการลอยน้ำ ทุกขั้นตอนและทุกที่ทั่วตัวเรือจะมีพนักงาน/ ไกด์คอยให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวก เมื่อเข้าไปในเรือจะเจอกับห้องอาหารขนาดใหญ่
บนเรือมีไกด์หลายภาษามากทั้งภาษาอังกฤษ, ภาษาฟินน์, ภาษาสเปน, ภาษาอิตาลี, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาจีน รวมไปถึงภาษาไทยด้วยนะ มีไกด์ไทย 2 ท่านอยู่บนเรือซัมโป้
หลังจากที่เรือเริ่มออกจากท่า จะมีไกด์หลากหลายภาษาให้ข้อมูลทั่วไป รวมถึงประวัติอันยาวนานของเรือบดน้ำแข็งซัมโป้มาตามสาย ซึ่งสามารถได้ยินจากทุกส่วนของตัวเรือ
ที่แรกที่ควรไป คือ สะพานเดินเรือ ไปดูการทำงานของกัปตัน ต้นหล และเจ้าหน้าที่ที่หนึ่ง เดินขึ้นบันไดไปสามชั้นจากชั้นห้องอาหาร
เมื่อขึ้นไปได้สองชั้นจะเจอกับห้องรับรองเล็กๆที่ชื่อว่า Captains Saloon
รู้หรือไม่? Sampo ลำนี้เป็นลำที่สองของฟินแลนด์ ลำแรกเป็นระบบไอน้ำ สามารถดูแบบจำลองของทั้งสองลำได้ที่ห้องนี้
แล้วก็มาถึงห้องสะพานเดินเรือ กัปตันไม่ได้เป็นคนบังคับพังงาเรืออย่างที่คิด มีต้นหล(คนขับเรือ)คอยทำหน้าที่นี้ กัปตันคอยดูเส้นทางและสั่งการอีกที
ด้านขวาคือเจ้าหน้าที่ที่หนึ่ง คอยช่วยเหลือกัปตันในการตรวจเช็คเรดาร์และความลึกของน้ำแข็ง ที่นี่จะมีไกด์คอยแนะนำและให้ข้อมูลด้วย
เนื่องจากห้องสะพานเดินเรืออยู่สูงจึงสามารถมองเห็นได้ไกล อย่างในรูปด้านบน คือ เรือบดน้ำแข็ง Polaris เป็นเรือบดน้ำแข็งลำใหม่ล่าสุดที่ทำงานให้กับรัฐบาล ไม่รองรับนักท่องเที่ยวอย่างเรือ Sampo นี้
สามารถขับ Snowmobile เพื่อมาขึ้นเรือ Sampo ได้ด้วยนะ จอดและรับนักท่องเที่ยวกันกลางทะเลน้ำแข็งเลย คงได้สัมผัสความเย็นได้อย่างเต็มที่เหมาะสำหรับสายผจญภัยตัวจริง
ออกมาจากห้องสะพานเดินเรือแล้วจะเจอกับลมเย็นๆ และวิวทะเลน้ำแข็งสวยๆ ตรงนี้ต้องระวังลื่น เพราะที่พื้นดาดฟ้าเรือมีทั้งหิมะและน้ำแข็ง
เดินลงบันไดมาสี่ชั้นจากห้องสะพานเดินเรือ ก็จะพบกับห้องเครื่องและห้องควบคุม (อาจหายากนิดนึง สามารถถามพนักงานหรือไกด์ได้เลยค่ะ) เนื่องจาก Sampo เป็นเรือบดน้ำแข็งเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1960 จึงไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การเดินเรือจึงจำเป็นต้องพึ่งพาหลายส่วนทำงานร่วมกัน อย่างห้องสะพานเดินเรือจะคอยควบคุมทิศทางของเรือ และห้องควบคุมจะคอยกำหนดความเร็วของเรือ รวมไปถึงดูแลเครื่องยนต์ที่ใช้เดินเรือด้วย
ภาพด้านบนคือเรือบดน้ำแข็งอีกลำของรัฐบาลฟินแลนด์ชื่อ Kontio
บางพื้นที่จะเห็นได้ว่าน้ำแข็งเป็นแผ่นบาง ไม่ได้หนาเหมือนช่วงใกล้ๆท่าเรือ
ช่วงที่เรือทำการบดน้ำแข็ง จะมีเสียงตามสายแจ้งว่าให้ไปดูบริเวณด้านข้างของลำเรือ ถ้าไปด้านหน้าจะไม่เห็นการแตกตัวของน้ำแข็ง
แล้วก็มาถึงเวลที่รอคอย เวลาของการลอยน้ำ มีห้องเปลี่ยนชุดทั้งหมด 4 ห้อง ไม่แยกหญิงชาย เพราะไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกหมด ไม่ต้องกลัวโป๊แน่นอน ไกด์แนะนำว่าให้ถอดสิ่งที่กันหนาวออกให้หมด ให้เหลือแต่เสื้อผ้าชั้นรองลงมา เพื่อสะดวกในการเคลื่อนไหวภายใต้ชุด
ชุด Survival suite เป็นชุดที่ใช้ในการลอยน้ำ มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถลอยน้ำได้ด้วยตัวเอง จึงไม่ต้องกังวลสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือว่ายน้ำไม่แข็ง เมื่ออยู่ในชุดจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเลย อาจจะรู้สึกเย็นๆแค่ปลายนิ้วมือเท่านั้น
ชุดค่อนข้างใหญ่และเทอะทะสำหรับการเคลื่อนไหวบนบก แต่ไม่มีปัญหาสำหรับการเคลื่อนไหวในน้ำ อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 1-2 องศา
มี Ice-guard คอยดูแลความปลอดภัยให้ในช่วงที่เราเดินเล่นบนพื้นน้ำแข็ง
หลังจากถ่ายรูปและเดินเล่นจนหน่ำใจ ได้เวลากลับแล้ว
ใช้เวลาไม่นานจากบริเวณที่จอดลอยน้ำจนถึงท่าเรือ ประมาณ 10-15 นาที
บันไดทั่วตัวเรือค่อนข้างชันและลื่นมาก ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ
ขากลับเจอเรือสีส้มลำเล็กแล่นอยู่บริเวณท่าเรือ ไกด์บอกว่าเป็นเรือบดน้ำแข็งของท่าเรือ เพราะน้ำแข็งที่บดไปจะกลับมาเกาะตัวกันอีกทุกๆชั่วโมง (เร็วช้าขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของแต่ละวัน) จึงต้องทำการบดน้ำแข็งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือลำอื่นในการเทียบท่าและออกจากท่าเรือ
ตอนลงจากเรือจะได้รับใบประกาศนียบัตรคนละหนึ่งใบ เป็นที่ระลึกสำหรับทริปครั้งนี้
หลังเสร็จจากทริปเรือบดน้ำแข็งซัมโป้ นั่งรถ Shuttle bus ไปที่ตึก Experience365 เพื่อเยี่ยมชมปราสาทหิมะด้านในอาคาร (SnowExperience365) ที่สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี เราสามารถใช้สายรัดข้อมือที่ไป Sampo เข้าชมปราสาทหิมะได้ฟรี โชว์สายรัดข้อมือให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลย
ภายใน SnowExperience365 จะประกอบไปด้วย Ice-castle, IceRestaurant365, สไลเดอร์น้ำแข็ง และประติมากรรมน้ำแข็ง
ด้านในนั้นหนาวถึง -5 องศา ถ้าไปเที่ยวหน้าหนาวก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าไปฤดูกาลอื่นอย่าลืมติดเสื้อกันหนาวไปด้วย ถ้าทนหนาวได้หรือไม่ได้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปสามารถขอยืมผ้าห่มได้ที่แผนกต้อนรับค่ะ
พื้นเป็นหิมะนิ่มๆเหมือนด้านนอกเลย โต๊ะทำจากน้ำแข็งทั้งโต๊ะ ความเย็นจากพื้นจะส่งผ่านขาโต๊ะไปทั่วทำให้โต๊ะไม่ละลาย เก้าอี้เป็นแบบแลปแลนด์ทำจากท่อนไม้ รองด้วยหนังกวางหรือหนังแกะ
ถ้าต้องการรับประทานอาหารในห้องอาหาร IceRestaurant365 ต้องทำการจองล่วงหน้า 3 วัน
แต่ถ้าต้องการดื่มที่ Ice Bar สามารถสั่งเครื่องดื่มได้ที่แผนกต้อนรับ เมนูเครื่องดื่มที่แนะนำคือ Ice shot โดยตัวแก้วชอตนั้นทำมาจากน้ำแข็ง
มีประติมากรรมน้ำแข็งมากมาย หนึ่งในนั้นคือบัลลังก์น้ำแข็งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสไลเดอร์
ในส่วนของประติมากรรมน้ำแข็งจะเปลี่ยนไปทุกๆปีเช่นเดียวกับปราสาทหิมะด้านนอก
สไลเดอร์น้ำแข็งทำเป็นรูปทรงปราสาท ให้อารมณ์แบบ Frozen เลย
Mascot Arttu & Terttu เป็นสัญลักษณ์ประจำปราสาทหิมะแห่งนี้
เที่ยวมาทั้งวันแล้วต้องหาอะไรกินเพื่อเพิ่มพลังแล้วล่ะ ซึ่งก็ไม่ต้องเดินไปไหนไกลอยู่ภายในอาคารเดียวกันเลย เป็นร้านหารสไตล์โมเดิร์นอาร์คติกติดริมทะเล ซึ่งทะเลที่นี่มีความพิเศษคือ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมรับประทานอาหารเช้า ชมพระอาทิตย์ตกตอนรับประทานอาหารเย็น และถ้าหน้าร้อนสามารถชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อีกด้วย พนักงานที่นี่รับประกันว่านี่คือวิวทะเลที่ดีที่สุดในแลปแลนด์
เมนูอาหารมีให้เลือกพอสมควร ซึ่งแต่ละฤดูกาลมีเมนูอาหารแตกต่างกันไป มีบริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ ตอนเย็นเป็น a la carte
การตกแต่งเรียบง่าย ใช้สีขาวทำให้ดูสะอาดตาและหรูหรามาก
หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน และก็เหมือนเคยไม่ต้องเดินไปไหนไกล แค่ออกมาจากตัวตึก Experience365 ก็ถึงที่พักของเราแล้ว
ที่พักคือดีมากๆ อยู่ติดทะเล ใกล้ตัวเมือง ใกล้ร้านค้า สะดวกสบาย
ประเภทห้องพักของที่นี่มี 3 แบบ คือ Superior Villa, Seafront Premium Villa และ Villa Loft
Superior Villa มีทั้งหมด 7 หลัง เป็นวิลล่าที่ไม่อยู่ริมสุดทะเล แต่ก็ยังคงอยู่หน้าทะเลนะ กล่าวคือ อยู่ด้านหลังของ Seafront Premium Villa นั่นเอง
Seafront Premium Villa มีทั้งหมด 26 หลัง เป็นประเภทวิลล่าที่ดีที่สุดเพราะอยู่ติดหน้าทะเลเลย
และมาถึงประเภทสุดท้าย Villa Loft มีทั้งหมด 5 หลัง ณัฐเขาเลือกพักวอลล่าประเภทนี้เพราะมีซาวน่าส่วนตัวภายในตัววิลล่า
หลังจากเช็คอินแล้วจะได้เป็นป้ายห้อยคอที่ระบุชื่อผู้เข้าพักพร้อมกับรหัสประตูปลดล็อคสู่ห้องพัก
ในส่วนของอาหารเช้านั้นเป็นบริเวณเดียวกับห้องอาหาร Lumuhiutale มีอาหารให้เลือกหลากหลายมาก
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ถึงเวาลาเก็บกระเป๋าเช็คเอาท์
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการรีวิวครั้งแรกของทริปเมืองเกมิ เที่ยวชมเรือบดน้ำแข็งซัมโป้ เที่ยว ปราสาทหิมะตลอดปีอย่าง The SnowExperience365 ที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงฤดูหนาวอีกต่อไป ชิมอาหารสไตล์โมเดิร์นอาร์คติกติดริมทะเลที่ได้รับการการันตีว่าเป็นวิวทะเลที่สวยที่สุดในแลปแลนด์ และนอนพักค้างคืนกับโรงแรมหรูหราที่มีกระใสล้อมรอบเหมาะแก่การรับชมแสงเหนืออย่าง Seaside Glass Villas
การเที่ยวทริปนี้เป็นของฤดูหนาวปี 2019-2020 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า ท่านใดที่สนใจสามารถค้นหารายละเอียดได้ที่ https://experience365.fi
ณัฐหวังว่ารีวิวนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกๆท่านผ่านพ้นวิกฤตการระบาดครั้งนี้ไปได้ หรืออาจจะเป็นไอเดียสำหรับผู้ที่สนใจมาเที่ยวเมืองเกมิ หากผิดพลาด พิมพ์ผิดหรือตกหล่น หรือมีคำติชมประการใด ก็สามารถแบ่งปันกันได้นะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ