บาธ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของลอนดอน ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งรกรากของชาวโรมัน มีชื่อเสียงมากในเรื่องของบ่อน้ำพุร้อน จนได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันครับ นอกจากนั้น เมืองบาธ แห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกด้วยนะครับ ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสำคัญของเมือง เราต้องทำการบ้านกันนิดหน่อยครับ
การเตรียมตัวก่อนเดินทางสำหรับผมถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ โดยเฉพาะในต่างแดนแบบนี้ เพราะเราคงไม่ได้กลับมาบ่อยๆ ก่อนเดินทางผมจึงขอแนะนำให้ศึกษาแผนที่ แหล่งท่องเที่ยวในเมือง วิธีเดินทางไว้สักนิดก่อนเดินทางครับ เพื่อที่จะประหยัดเวลา และยังอาจช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไว้ช๊อปปิ้งยังสถานที่ที่เราจะไปด้วยครับ
ผมเริ่มต้นการเดินทางโดยรถไฟจากสถานี London Paddington ในลอนดอนเพื่อไปยังสถานี Bath Spa โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ ข้อดีของการเดินทางโดยรถไฟคือใช้เวลาน้อยกว่าการนั่งรถบัสประจำทางครับ แต่แน่นอนอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนะครับ บนรถไฟหากใครหิว หรือกระหายน้ำ เรียกซื้อได้จากพนักงานที่เข็นรถผ่านได้เลยนะครับ คล้ายๆการเดินทางบนเครื่องบินครับ ราคาก็ต้องใช้คำว่าใกล้เคียงกับทั่วๆไปครับ
ด้วยความที่ออกจาก London มาสายพอมาถึงสายกินสายชิมอย่างเราท้องมันก็งอแงเลยต้องไปหาของกินก่อน เป็นอันดับแรกครับ จะได้มีแรงท่องเมืองกันต่อเพราะอยู่ที่นี่ เดิน เท่านั้นจ้าถึงจะซึมซับ
เมื่อรถไฟเทียบชานชลา ก็ได้เวลาเดินออกจากสถานีรถไฟ แล้วเดินตาม GPS กันเลยครับงานนี้จะได้ไม่หลง (จริงๆถ้าไม่หิวจะเดินทอดน่องชมบ้านชมเมืองก่อนครับ) เพื่อมายังร้าน ขนมปังอันมีชื่อเสียงของเมืองนั่งก็คือ Sally Lunn's ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ขนมปังนะครับยังมีอาหารตามฤดูกาล ย้ำเลยนะครับว่าตามฤดูกาล ซึ่งแน่นอนว่าถ้าท่านมาคนละช่วงเวลาของแต่ละปีที่ต่างกับผม เมนูที่ผมนำเสนอ อาจไม่มีนั่นเองครับ
บรรยากาศภายในร้านอาจคับแคบ นั่งติดกันนิดหน่อยนะครับ ยิ่งเสาร์อาทิตย์คนอาจจะมาเที่ยวเยอะเพราะฉะนั้นอาจต้องยืนรอหน่อยครับ แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน นอกจากนั้นที่นี่ยังมี Museum เล็กๆ ให้ลูกค้าได้รู้ถึงวิธีการทำขนมปังของทางร้าน เครื่องมือ เครื่องใช้อยู่ในร้านแห่งนี้ด้วยครับ เรียกว่ามาหนึ่งที่ได้ทั้งอิ่มท้องและมีความรู้กันด้วย
ออกจากร้าน Sally Lunn's มาเล็กน้อยก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกของเมืองครับนั่นก็คือ Bath Abbey เป็นมหาวิหารที่ตั้งตระหง่านกลางเมือง มีอายุเก่าแก่ ถูกสร้างด้วยความปราณีต มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่เนื่องจากผมมาในช่วงที่ใกล้กับเทศกาลที่สำคัญเทศกาลหนึ่งทางวิหารได้ปิดการเช้าชมเพื่อตกแต่งความสวยงามด้านในครับ เลยอดเข้าไปดูความสวยงามของสถาปัตยกรรมและการประดับประดากระจกด้านในวิหาร ได้แต่เดินวนๆ รอบๆ งานนี้เสียใจสุดๆจ้า
สถานที่ต่อมาอยู่ติดกับวิหารเลยครับนั่นคือ Roman Bath หรือโรงอาบน้ำโรมัน สถานที่ที่ใครหลายๆ ตั้งใจว่าจะต้องมาชมให้ได้สักครั้งหากเดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้ โรงอาบน้ำแห่งนี้อาศัยบ่อน้ำพุเล็กสองบ่อเพื่อหล่อเลี้ยงบ่ออาบน้ำแห่งนี้ครับ อุณหภูมิของน้ำในบ่ออยู่ที่ประมาณ 46 องศากันเลยทีเดียว ไม่แน่ใจว่าจะสุกรึป่าว แฮแฮ ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้อาบน้ำนะครับ แต่เปิดเป็น Museum ให้ได้เข้าไปเยี่ยมชม โดยต้องเสียค่าใช่จ่ายประมาณ 15 ปอนด์จ้า
พอได้ตั๋วก็เดินตามทางเยี่ยมชม มี Audio Guide ให้ด้วยนะครับสำหรับฟังบรรยาย
เดินจนสุดทางเดินระเบียงชั้นสองก็จะเข้าสู่ส่วนจัดแสดงครับ มีแบบแสดงต่างๆ ถึงประวัติ หินแกะสลัก แบบจำลอง ของทั้งในส่วน Roman bath และบ่ออาบน้ำอื่นๆใกล้เคียงด้วยครับ
ออกจากส่วนจัดแสดงก็จะเป็นทางออกสู่บ่อน้ำที่ใช้อาบครับ ที่นี่ในอดีตอาบแยกกันนะครับระหว่างหญิงและชายคิดว่าคล้ายๆ Onsen ที่ญี่ปุ่นครับ มีทางเจ้าหน้าที่แต่ตัวเป็นทหารโบราณมายืนรอถ่ายรู็กับนักท่องเที่ยวด้วย ไม่ต้องเสียเงินนะครับ ผมถามเขา เขาบอกว่าคุณก็เสียพร้อมค่าเข้าชมอยู่แล้วเป็นบริการ แต่ผมก็ล้วงให้ไปเป็นสินน้ำใจครับ
ใช้เวลาพอสมควรครับกับบ่ออาบน้ำแห่งนี้ เลยต้องรีบจ้ำไปสถานที่แห่งอื่นๆของเมือง กันต่อ
จาก Roman bath ขึ้นมาทางเหนือตามถนน หนืดหน่อยครับก้าวขาไม่ค่อยออกเพราะทางแอบเป็นเนิน จนมาถึงที่หมายต่อไปนั่นคือ The circus อาคารสถาปัตยกรรมสวยงามที่ถูกออกแบบให้เป็นวงกลมล้อมรอบวงเวียน ตรงกลางเป็นสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่
เดินออกจาก The circus ตัดผ่านถนน Brook มาสักไม่กี่ร้อยเมตร เราก็เข้าสู่ The royal crescent อาคารที่ถูกออกแบบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งจริงๆแล้วนักออกแบบที่ออกแบบ The circus กับ The royal crescent เป็นพ่อลูกกันครับ แต่ตัวอาคารของ The royal crescent ผมว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก ยิ่งได้ยืนที่บริเวณสนามหญ้าของสวนที่อยู่หน้าอาคาร มันช่างใหญ่โตและสวยงามจริงๆครับ
ผมเดินออกจากสนามด้านหน้ามาทางสวนที่อยู่ติดกันเพื่อกลับไปที่กลางเมือง เดินลัดถนนนั้นตึกนี้ ชมเมืองมาเรื่อยๆ (ใจเย็นเหลือเกินพระอาทิตย์จะตกแล้ว) จนมาถึงย่านค้าขายอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเราในวันนี้ จริงๆแล้วยังมีอีกหลายที่ครับ แต่ช่วงที่ผมมาเที่ยวเป็นช่วงหนาวพระอาทิตย์จะตกไวมาก จนทำให้ต้องยอมตัดที่อื่นๆออก
และแล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้ายของวันอันแสนสุขในเมืองที่อบอุ่นผู้คนยิ้มแย้ม มีไมตรีต่อกัน นั่นก็คือ Bath christmas market เนื่องจากตลาดแห่งนี้มีเพียงช่วงคริสต์มาส เท่านั้นเพราะฉะนั้นผมจึงเลือกที่จะมาบาธในช่วงนี้ครับ ในตลาดจะเต็มไปด้วยของทำมือ เครื่องประดับ เสื้อผ้า ไอศครีม เครื่องดื่มแบบรสชาตของคนท้องถิ่นจะถูกนำมาตั้งบูทขายในราคาที่พิเศษ (สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซด์ครับว่าเขาจัดระหว่างช่วงใด)
ผมลองมาหยุดที่ร้านหนึ่งเพื่อชิมรสชาตของคนท้องถิ่นดูครับ ลองไปสองแก้วเล็กๆ ส่วนตัวคิดว่า ชิมอย่างเดียวดีกว่าครับ คอผมอาจไม่ถึง
ออกมาจากร้านเครื่องดื่ม ไปยังร้านอื่นครับ อันที่จริงๆแล้วผมว่าน่าเครื่องดื่มรสท้องถิ่นบนเกาะนี้น่าจะไม่เหมาะกับเราคนไทยครับ รสมันเกินบรรยาย คหสต. นะครับ
ในที่สุดเสียงเตือนจากมือถือก็ดังขึ้นครับ ผมเลยต้องรีบออกจากตลาดเพื่อกลับไปยังสถานีรถ พอเดินออกจากบริเวณตลาดที่จัดงานก็ยังคงเดินผ่านย่านค้าขาย ที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้งของเมือง พอได้เก็บภาพบรรยากาศและความประทับใจเล็กๆน้อยๆ ก็ออกจากเมืองบาธ อันแสนอบอุ่น
ทุกการเดินทางสำหรับผมไม่ว่าจะใกล้หรือไกล มันคือ การเดินทางที่แสนพิเศษ เสมอครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมเดินทางไปกับผม และถ้าหากท่านใดที่อยากสัมผัสกลิ่นไอแห่งคริสต์มาสแบบผม เตรียมวางแผนการเดินทางไว้นะครับ มันเป็นเหตุผลที่ผมยกเอาทริปนี้มาเขียนก่อนนานๆ เพื่อให้ได้มีเวลาวางแผนการเดินทางครับ และจะได้สร้างแรงบันดาลใจ
ปล. เกาะอังกฤษฝนตกได้ตลอดทุกฤดูอย่าลืมพกร่มติดไว้ในกระเป๋านะครับ และถ้าหากถูกใจบทความท่องเที่ยวทริปนี้ขอฝากกดไลด์ กด follow ไว้เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ