‘พะเยา’ พูดถึงจังหวัดนี้ในหัวนึกอะไรแทบไม่ออก จังหวัดเล็ก ๆ ติดเชียงรายแห่งนี้ดูเหมือนเป็นแค่เมืองทางผ่านสำหรับเราเสมอมา จนได้มีโอกาสมาแอ่วจริง ๆ ถึงได้รู้ว่ามีเวลาแค่ 2 วันนั้นแทบไม่พอ! พื้นที่ของพะเยารายล้อมไปด้วยภูเขาและที่ราบ จึงมีทั้งที่เที่ยวธรรมชาติและชุมชนครบรส ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวหมอกบนดอย กว๊านพะเยา ร้านอาหารเหนือ และร้านกาแฟดี ๆ เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวแบบสบาย ๆ ไม่ชอบคนเยอะ
การเดินทางมาที่พะเยา เราเลือกบินมาลงที่สนามบินเชียงรายแล้วเช่ารถตู้ต่อมาที่พะเยา ขับรถมาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
ระหว่างการเดินทาง เราแวะที่อุทยานแห่งชาติภูซาง ภายในอุทยานน้ำตกภูซาง มีน้ำตกขนาดเล็กที่สามารถจอดรถแล้วเดินเข้าไปถึงได้เลย ถัดไปภายในอุทยานมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 900 เมตร เป็นเส้นทางเดินป่าง่าย ๆ ให้เดินบนทางเดินไม้ร่มเย็น สะดวกเดินง่ายมากค่ะ เข้าไปจะเจอกับความร่มเย็นของป่าดิบแล้งและป่าพรุ และบ่อน้ำอุ่น เสียค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่คนละ 20 บาท ก็เข้าไปได้เลยค่ะ แต่ตอนเราเข้าไปได้ครึ่งทาง ฝนดันเทลงมาซะงั้น เย็นฉ่ำเกินคาด รับน้ำฝนจนเปียกปอนหนีขึ้นรถแทบไม่ทัน
นั่งรถกันมาอีกเกือบชั่วโมงก็มาถึงตัวเมืองพะเยาค่ะ ตอนที่เสิร์ชหาข้อมูลร้านอาหารในเมือง เราดีใจมากที่พะเยามีร้านกาแฟสวย ๆ ไม่น้อยเลย เราเลือกมาที่ร้าน Phoon Cafe (พูนคาเฟ่) ร้านกาแฟสีขาวบรรยากาศเก๋ ที่ร้านมีเครื่องดื่ม ขนม พร้อมมุมถ่ายรูปและนั่งชิลล์ ครบ ตอบโจทย์ Cafe Hoppers ยุคนี้
อย่าพลาดเมนูพิเศษของที่ร้าน “Black Dirty” (75-) โคล่าผสมช็อตกาแฟเย็นสดชื่น เริ่มต้นเหมือนโค้กปิดท้ายด้วยรสชาติของกาแฟ กลมกล่อม และ “Drip Coffee” (100-) กาแฟดริปที่ทางร้านมีเมล็ดหลากหลายให้เลือก วันนี้ได้ลองเมล็ดคั่วอ่อนของดอยช้าง ได้ความหอมกลมกล่อม เหมาะกับวันฝนตกอย่างนี้เป็นที่สุด
หลังจากกินกาแฟแล้วก็มาต่อกันที่ร้านอาหารเหนือราคาสบายกระเป๋า “น้ำเงี้ยวไฮโซ” มาถึงนี่ก็ขอจัดน้ำเงี้ยวให้สมชื่อร้าน ตามด้วยข้าวซอยเนื้อน่องลาย ตำแตง และไส้อั่ว ตบไปอีกหน่อย โอ้ อิ่มหนำลำแต้ลำว่าเจ้า
อิ่มหนำกันแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก ซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ที่ “ม่อนสามเคียน โฮมสเตย์” โฮมสเตย์หลังหมู่บ้านที่มีทั้งที่พัก คาเฟ่ คราฟต์เบียร์บาร์ และกิจกรรมขี่ม้าครบครัน!
การมาถึงของเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก “มอลโร่” ลาบราดอร์สีครีมตัวยักษ์ที่วิ่งมารับ เห็นปุ๊บก็รู้เลยว่าเลือกที่พักถูกแล้วเรา 555 เราได้พักที่บ้านหลังใหญ่สุดตกแต่งแบบเท่ ๆ ด้วยของใช้วินเทจ ทั้งบ้านเต็มไปด้วยลูกเล่นเก๋ ๆ ทุกมุมไม่ว่าจะเป็นบ่อปลาคาร์พ เปียโน ห้องใต้หลังคา ประตูห้องน้ำเลื่อนได้แบบใกล้ชิดธรรมชาติ ทั้งหมดเป็นฝีมือ “อาจารย์แบด” เจ้าของโฮมสเตย์ที่เลือกของมาแต่งได้ลงตัวเป็นที่สุด แถมที่นี่มีบริการชา กาแฟ และขนมกรุบกริบให้เราดูแลตัวเองได้เหมือนอยู่บ้านจริง ๆ เลยค่ะ
วางของ ทักทายหมา แมว และม้าที่นี่เรียบร้อย อาจารย์แบดก็พาเราไปที่ “Lake Land” ชมรมพายคายักแห่งกว๊านพะเยากันต่อ ที่นี่คนท้องที่บอกเลยว่าเป็น “ไฮไลต์” แล้วเราจะพลาดได้ไง ก็ไปเลยค่ะ
ที่ตั้งของ Lakeland Camp อยู่ในซอยประสาท ติดกับท่าเรือลงกว๊านพะเยาเลยค่ะ แนะนำให้มาถึงตอน 5 โมงครึ่งให้ทันแสงเย็น จากนั้นพี่ทีมงานก็ให้เสื้อชูชีพเราใส่ แล้วก็สอนเทคนิคเราพาย เรือคายักของที่นี่เป็นแบบเดี่ยวนะคะ แต่ถ้าใครพายไม่เป็นไม่ต้องกลัว เพราะที่นี่น้ำนิ่ง พายง่ายมาก ๆ ลองพายหมุนไปมาแป๊บเดียวก็ไปได้แล้วค่ะ แถมพี่ Staff ใจดีมาก ๆ ให้คำแนะนำตลอด
พายไปถึงตรงกลางกว๊าน รับลมเย็น เปิดเพลง Sanfrancisco Street ของ Sun Rai ไปด้วย อ่ะบอกเลยว่ามันใช่มาก ๆ เสียดายที่วันนี้ฟ้าปิดเพราะฝนตก เลยไม่เห็นแสงอาทิตย์ตกดิน แต่บรรยากาศและความสวยงามของวันฟ้าหม่นก็ดีไปอีกแบบ
กิจกรรมพายเรือของที่ Lakeland Camp กำลังจะเปิดให้คนทั่วไปมาพายเรือได้แล้วค่ะ มีทั้งทริปพายเรือยามเช้าไปกินกาแฟ Moka Pot และอาหารเช้า, พายเรือชมพระอาทิตย์ตก แถมแว่ว ๆ มาว่ายังมีทริป Trekking สำหรับสายลุยด้วยนะ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 089-635-4585
ออกแรงพายเรือกันไปเยอะ เราก็แวะไปที่ “ครัวคันทรี” ร้านอาหารเหนือติดกว๊านที่คนท้องที่แนะนำ อยู่หน้าซอยของ Lakeland Camp เลยค่ะ บรรยากาศร้านเป็นกันเองมาก เจ้าถิ่นแนะนำให้สั่งเมนูปลานะคะ เพราะสดมากมาจากในกว๊านนี่เอง อย่าพลาด “แกงเลียงกุ้งสด” (89-) “ปลานิลภูกามยาว” (200-) “ลาบเมืองปลาดุกย่าง” (89-) และ “เห็ดหอมสดผัดกุ้ง” (89-) ที่นี่ให้กับข้าวเยอะ คุ้มมาก เลิฟมาก แถมราคาก็น่ารัก ตอนคิดเงินนี่อยากจะบอกให้เขาไปเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ ด้วยเลย
เข้าสู่ Day 2 ด้วยการตื่นตั้งแต่ตี 5 ท่ามกลางสายฝน เรานัดแนะกับพี่รถตู้ให้พาเราไปลงเรือชมกว๊านพะเยายามเช้า แต่เนื่องจากฝนตกหนักเลยเปลี่ยนแผนไปที่จุดชมวิวกันก่อน
จุดชมวิวเมืองพะเยาแบบ 360 องศา เห็นหมอกลอยไหลเอื่อยระหว่างหุบเขา สามารถขับรถขึ้นไปได้เลยค่ะ จากจุดนี้เราสามารถเห็นทิวทัศน์ของดอยหลวง ดอยหนอก (ลักษณะเหมือนหนอกของอูฐ) และกว๊านพะเยาอยู่ไกล ๆ หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ขับรถไปต่ออีกนิดก็จะเจอกับ “น้ำตกตาดหมอก” และ “น้ำตกธารทอง” น้ำตกเล็ก ๆ ข้างทางที่เราสามารถจอดรถถ่ายรูป สัมผัสกับน้ำใสไหลเย็นกันหน่อย
ลงจากเขาก็เริ่มหิว เราเลยขอแวะกินโจ๊กร้อน ๆ ไข่ลวกและโอวัลตินกันที่ร้านโจ๊กบุญชูร้านอาหารเช้าแบบบ้าน ๆ ในตัวเมือง สังเกตว่ามีแต่ชาวบ้านมากินจริง ๆ และร้านมีคนมาตลอดเลยค่ะ ราคาก็เริ่มต้นแค่ชามละ 40 บาทค่ะ พิเศษก็ 45 บาท
ฝนเริ่มซา ฟ้าเริ่มใส เราก็ลงมาที่ตัวเมืองอีกครั้งตามจุดนัดพบขึ้นเรือที่ “โฮงเฮียนพะเยา” ที่นี่เราได้ข้อมูลจากที่พักที่ช่วยประสานกับชาวบ้านชุมชนสันแกลบดำให้พาเราขึ้นเรือไปล่องลำน้ำกว๊านพะเยายามเช้าค่ะ สามารถออกตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง - 6 โมง จนถึงช่วงสาย จุดนี้เราแนะนำให้เตรียมร่มและแว่นกันแดดไปเผื่อด้วยนะคะ อัตราค่าเรืออยู่ที่ 1,200 บาทต่อลำ หรือแล้วแต่จะตกลงกันค่ะ
ฟ้าใสน้ำสวยสะท้อนเหมือนแผ่นกระจก เหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ แถมลุงคนเรือยังพกร่มสีแดงมาเป็นพร๊อพให้เราด้วยค่ะ
เรือขนาด 6 ที่นั่งของชาวบ้าน พายด้วยแรงมือพาเราไปสู่ใจกลางกว๊าน ตรงนี้จะเห็นวิถีชีวิตของชุมชน มีชาวบ้านมาทอดแห จับปลากันหลายคนเลยค่ะ โดยวิธีการจับปลาของที่นี่จะมีอุปกรณ์ช่วยเป็นไม้พายที่เอาชิ้นไม้มาติดแล้วกระทุ้งกับน้ำจนเกิดเสียง เพื่อไล่ปลาให้มาติดกับแห หลังจากนั้นเราก็มาแวะดูดงดอกบัวกันต่อ ลุงคนเรือบอกว่าบัวบานเรื่อย ๆ ตลอดทั้งปีค่ะ แล้วแต่ช่วง แต่ตอนที่ไปบัวค่อนข้างหุบแล้วบางส่วน
ทริปล่องเรือที่กว๊านพะเยาจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล มีทั้งกิจกรรมตกปลา หว่านแห ช้อนกุ้งฝอย ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการตกลงกับพี่ ๆ คนเรือค่ะ สามารถติดต่อได้ที่คุณสมศักดิ์ เทพตุ่น 086-297-5179 และคุณอดิเรก 063-114-5606
ผจญภัยในตัวเมืองทั้งวันเราก็มุ่งหน้ากลับที่พักเพื่อมาเก็บของค่ะและไปแวะชิลล์ที่ร้านกาแฟในที่พักชื่อ “Mr. Handsome” บรรยากาศร้านสไตล์ลอฟต์กลางสวน เปิดเพลงคลอเย็น ๆ ต้อนรับ แถมยังมีน้องหมาหลายตัวมาเล่นด้วย แค่เดินเข้าไปก็รู้เลยค่ะว่านั่งได้ทั้งวันแน่นอน
เราสั่ง “Hot Latte” (45-) ร้อน ๆ มากินคู่กับ “Brownie” (40-) ชิลล์เป็นที่สุดเลยเจ้า
หลังจากนั้นก่อนกลับก็ขอขี่ม้าสวย ๆ กันก่อน เจ้าม้าตัวนี้ชื่อ “ฟีนิกซ์” เป็นม้าของ อาจารย์แบด เจ้าของที่พักที่ชอบการขี่ม้าเป็นส่วนตัว (มี hobby เป็นการขี่ม้า เก๋เว่อร์) เลยขอขี่วนนิดหน่อย แถมเจ้าตัวนี้เชื่องมาก พาขี่เข้าบ้านยังได้เลยค่ะ
แผนที่สรุปการเดินทาง 2 วัน 1 คืนในพะเยาของเรา
มาดูสรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้กันค่ะ
เสียดายเวลาที่มีน้อยนิด เก็บของเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ แอบเสียดายที่เพิ่งรู้ว่า 2 วัน 1 คืนในการเที่ยวพะเยามันน้อยเกินไป แต่ไม่เป็นไรหน้าหนาวเราจะกลับไปใหม่ ยังมีที่เที่ยวสายผจญภัยและที่เที่ยวแบบชุมชนในพะเยารออยู่อีกเพียบ แล้วพบกันครั้งหน้าเด้อ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ