เรามา flight ตอนเช้า ที่เช้าไม่มาก พอสู้ไหว ประมาณ 9.30 ก็ถึงเชียงใหม่แล้วค่ะ
พอ10.30 น. รถตู้ก็มาล้าววว แนนอนว่าท้องหิวเล็กน้อย ขอถมอาหารให้ท้องร้องเย้หน่อย ที่ร้าน “สวนหมอกฟ้า” ร้านนี้เป็นร้านอาหารใต้ เอ้ะ บางคนอาจจะงง ๆ ว่าขึ้นเหนือมากินอาหารใต้หรอ แต่คนท้องถิ่นที่นี่บอกว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารใต้ที่รสเด็ดมาก แน่นอนว่าพอได้ลองชิมถึงกับตาวาว! ขึ้นปายมาก็ตั้งหลายครั้ง ร้านนี้เหมือนกับทางผ่านที่ไม่มีใครสนใจ แต่รสชาติขอยกนิ้วให้จริง ๆ น้ำถึงกับหมดไปสามขวด เมนูที่อยากแนะนำคือ “ยำสาหร่ายเกาะยอ” และ “คั่วกลิ้งหมู” เด็ดจริงอะไรจริง
กินข้าวเสร็จเราก็มาต่อที่ “Harvest Moon” Organic & Biodynamic Farming เกษตรอินทรีย์ แค่ก้าวเท้าเข้ามาก็รู้สึกถึงความผ่อนคลาย สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาแม่แสะ ที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี พืชพันธุ์ที่ถูกเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดด้วยวิธีเกษตรชีวพลวัตร (Bio Dynamic) ที่ต้องอําศัยการโคจรของดวงตะวันและดวงจันทร์การทำการเกษตรให้สอดคล้องกับปฏิทินดวงดาว รวมถึงการเอาใจใส่สมดุลภายในดินด้วยจุลินทรีย์พืชที่ปลูกได้แก่ ไข่ไก่ออร์แกนิก ผักสลัด แครอท และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งธีมของทริปนี้คือการนำเอาอาหารโลคอลตามฤดูกาลของปาย มาเสิร์ฟในรูปแบบของ Fine Dining แค่ฟังก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางไปที่ “บ้านสวนอคิราห์” ศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่อำเภอปาย - ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอำเภอปายในพื้นที่กว่า 7 ไร่
ซึ่งตอนแรกพื้นที่นี้เป็นลานกางเต็นต์จากนั้นก็ปรับพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
1.แหล่งน้ำ เลี้ยงปลา เลัยงปลาแบบอินทรีย์ ขุดสระน้ำ
2.ปลูกข้าวในพื้นที่ประมาณสองไร่ เพียงพอต่อการบริโภค จากนั้นก็เอาไปแปรรูปเพื่อการจำหน่าย
3.ไม้ยืนต้น ไม้ผล กล้วยหอมทอง มะนาวไร้เมล็ด นอกนั้นเป็นพืชยืนต้นต่าง ๆ อย่างเช่นส้มโอ เขาจะไม่ปลูกเยอะเกิน แต่เอาพอดี
4.โรงเรือนต่าง ๆ เลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ เช่น หมู ไก่
ส่วนที่ชอบสุดของบ้านสวนอคิราห์แห่งนี้ น่าจะเป็นต้นมะนาวค่ะ ผลใหญ่มากกก ที่นี่เขาจะขายให้กับรีสอร์ต หมู่บ้าน ร้านขายน้ำปั่นในตัวอำเภอ
จากนั้นก็ถึงเวลาอาหาร เรามากินอาหารเย็นที่ "ร้านบ้านเบญจรงค์" เป็นร้านอาหารตำนานในเมืองปาย ที่เขาบอกว่าฝีมือระดับชาววังเลยนะคะ คนท้องที่ให้ข้อมูลมาว่าแม่ครัวร้านนี้เคยอยู่ในพระราชวังมาก่อน บวกกับคุณลุงเจ้าของร้านมีประวัติเคยทำงานในโรงแรมชั้นนำมาหลายที่ ซึ่งพอเกษียรแล้ว ก็กลับมาเปิดร้านอาหารที่ปาย บางคนเดินเข้าร้านอาจจะสงสัยว่าทำไมมีป้ายเขียนว่า “ของดบริการลูกค้าที่ใจร้อน” ที่นี่เขามีกันแค่สามคนเท่านั้น คือ คุณลุงเจ้าของ คุณยายแฟนลุง ลูกมืออีกคน ดังนั้นอาหารจะช้ามาก สถิติคอยหนึ่งชั่วโมงก็มี ซึ่งทำเร็วกว่านี้ไม่ได้ เพราะมันจะไม่อร่อย มาที่นี่ต้องใจเย็นค่ะ แต่รับรองว่าอาหารทุกจานเด็ด รสถึง คุ้มค่าที่จะมาลองมาก ๆ ค่ะ
อาหารที่ขึ้นชื่อมีอยู่หลายอย่าง แต่ที่เด็ดสุดก็คือ "ยำหัวปลี" รสชาติกลมกล่อม กินแล้วหยุดมือไม่ได้ เป็นรสชาติที่ถูกปากมาก ๆ กับ “ปลากะพงผัดชะอม” เนื้อปลาทอดกรอบกับชะอมมันเข้ากันได้ดีอย่างคาดไม่ถึง จบมื้อนี้บอกเลยว่า "บ้านเบญจรงค์" เป็นร้านอาหารฝีมือระดับชาววังก็ว่าได้
อิ่มแล้วก็ถึงเวลาย่อย เราไปย่อยกันที่ “ถนนคนเดินปาย” ช่วงหน้าฝนแบบนี้ร้านค้าจะน้อยหน่อย แต่เราจะได้ความชิลล์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเข้ามาแทน อ้อ เกือบลืมไป ตอนนั้นมี Pai Food Festival ด้วยค่ะ ภายในงานดูฮิปดีค่ะ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินกันเต็มเลย อาหารก็ครบทั้งคาว หวาน เครื่องดื่ม
จากนั้นเราก็ไปเดินชิลล์ที่ถนนคนเดินต่อค่ะ ร้านค้าเปิดน้อย แต่ก็ยังมีอาหารเด็ด ๆ อยู่
พอสักสามทุ่มพวกเรายกแก๊งก็เดินทางกลับที่พักค่ะ
ตื่นมากินเบรกฟาสต์เบา ๆ ในบรรยากาศชื้น ๆ เนื่องจากฝนตก เอาแทบไม่อยากลุกจากเตียงไปไหนเลยค่ะ
เช้านี้เราไปบุกกันที่ “นาข้าวยินดี” แม่นาเติง อ. ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ชิมน้ำลำไยออร์แกนิกแก้ร้อน เราได้คุณลุงยรรยงค์ ยาดี หรือ “ลุงต่วน” ปราชญ์ชาวบ้าน แห่งบ้านแม่นาเติง กลุ่มข้าวพื้นเมืองปลอดภัยแม่ฮ่องสอนเป็นวิทยากรตนสำคัญในวันนี้ เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับการขุดค้นพบฟอสซิลข้าวโบราณอายุนานกว่า 5,400 ปี แสดงให้เห็นว่าพื้นที่แถบนี้เป็นแหล่งปลูกข้าวมาตั้งแต่โบราณกาล
ที่นี่ใช้น้ำจากลำน้ำเติงที่ไหลมาจากบนดอยจิกจ้องซึ่งเป็นภูเขาสูง มีการนำน้ำไปวิจัยและพบว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุ พอเอาข้าวที่ปลูกไปให้ ม. เชียงใหม่ทำการวิจัยก็พบว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะ “ข้าวหอมปาย” ซึ่งเป็นข้าวสามสี (ขาว ชมพู แดงสนิม) อุดมไปด้วยวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องผิว ซึ่งในจุดนี้คุณลุงเลยเอาไปเป็นส่วนหนึ่งของการทำครีมเสียเลย หน้าเด้งหรือไม่ต้องลองค่ะ 555 เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่แท้ทรู จากทุ่งนาสู่นวตกรรมเสียจริง ๆ
ถ้ามีคนถามว่าข้าวที่คุณลุงแนะนำในวันนี้มีอะไรที่โดดเด่น ขอพูดถึงสามชนิดนี้นะคะ
1.ข้าวจ้าว ลักษณะคล้ายข้าวเหนียว เม็ดใหญ่เนื้อแน่น จะหุงนานกว่าปกติเป็น ชม. ปริมาณน้ำต้องใส่มากกว่าปกติ 1:2 (ข้าว : น้ำ)
2.ข้าวดำดอย เหมาะกินกับของทอด จะฟินมาก
3.ข้าวหอมปาย เหมาะกับข้าวแกง กลิ่นหอมอบอวนมาก เนื้อแน่นมีเทกซ์เจอร์ อิ่มทน อิ่มนาน
หลังจากนั้นเราก็ได้ชิมข้าวและผักไปหลายอย่าง แต่ที่ฟินสุดต้องยกให้ข้าวส้ม โอ้ยยย ฟินหนักมาก มันคือข้าวหอมนิลไปผัดกับน้ำมันเจียว ปรุงน้ำมะเขือเทศ หยำ ๆ จากนั้นเวลากินโรยด้วยหอมเจียว หรือใครชอบรสจัดหน่อยก็กินกับพริกแห้งทอด
พอรู้ว่าข้าวมันดี้ดี เราก็ซื้อกลับสิคะ ใครที่อยากซื้อไปลองกินข้าวยินดี โทร. 065-009-9049
แน่นอนว่า เราจะไม่หยุดกินเท่านี้ ไปต่อค่ะ “ร้านลาบอร่อยที่สุดในโลก” หรือลาบจ่าเดช เมนูเด็ดร้านนี้คือ ลาบขม จะสั่งแบบสุกหรือดิบก็แล้วแต่เลยค่า แต่ที่เด็ดมากกว่าลาบ ก็ “ผักสด” นี่แหละ แต่ละอย่างไม่เคยเห็นในกรุงฯ มาก่อน ถามบางอย่างก็รสชาติดีเข้ากับผักแบบถอนตัวไปขึ้น กินคู่กับเครื่องเคียงอย่าง กระเทียมปายออแกนิก มะแข่วนดอง ข่า เม็ดต้นตะไคร้ดองน้ำปลา บอกเลยว่าลืมไม่ลง ต้องมาซ้ำ
เรามาต่อกันที่ “สวนหมูป่าปาย” พี่อนง เจ้าของสวนเล่าว่าที่นี่เริ่มก่อตั้งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 ที่บ้านม่วงสร้อย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นสวนอินทรีย์ปลอดสารพิษอยู่ติดกับป่าไม้อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและทัศนียภาพที่สวยงามสวนไม่ใช้ยาหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช มีพี้นที่ประมาณ 25 ไร่ เลี้ยงหมูแบบปล่อยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังปลูกพืชผลและผลไม้ทั่วไปอีกด้วย อาหารที่ใช้เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นกล้วย ข้าวโพด หญ้าเนเปีย ฟักทอง และพืชผลตามฤดูกาล ระยะเวลาในการเลี้ยงหมูป่าอย่างน้อย 18 เดือน คุณภาพเนื้อหมูป่า สด แน่น มีคุณค่าทางโภชนาการอุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุ ฟอสฟอรัส และยังมีแคลอรีต่ำ ไขมันไม่อิ่มตัว
และในปัจจุบันมีหมูป่าและหมูดำรวมกันกว่า 200 ตัว ด้วยระบบการเลี้ยงและดูแลแบบธรรมชาติ
พื้นที่การเลี้ยงกว้างและมีความลาดชันทำให้หมูได้ออกกำลังกายและได้ใช้กล้ามเนื้อครบทุกส่วน
ตอนเย็นพวกเราก็มาร่วมงาน “A SEASON IN PAI 2” ณ Riverie Siam Resort กิจกรรมมื้ออาหารสุดพิเศษที่ได้รับเกียรติจํากเชฟเรวัติ ศรีลําชัย แห่งร้าน Steak of the Day และร้านริมภิรมย์ เชฟมากฝีมือและประสบการณ์ เป็นผู้รังสรรค์อาหารมื้อค่ำในบรรยากาศ Fine Dining ด้วยการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอำเภอปายในฤดูฝน ที่อยู่ภายใน 50 กิโลเมตร จากสถานที่จัดงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น
"Not only food but idea..." ไม่ใช่เรื่องเล่าแต่เป็นอาหารเท่านั้น แต่ต้องการคนรุ่นใหม่ที่สืบทอดมรดก
เรียกง่าย ๆ ว่าเชฟต้องการเล่าเรื่องของปายผ่านเมนูอาหารทุกจาน ไวน์ทุกแก้วที่จัดมา Paring คู่กัน เรียกได้ว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความคิด และสตอรีที่น่าสนใจมาก ๆ (ดูจากรูปภาพได้เลยค่ะ ขอบอกว่าฟินเว่อ)
เริ่มด้วยอากาศดี ๆ กับอาหารเช้าง่าย ๆ จากนั้นก็เดินทางสู่ตัวเมืองเพื่อที่จะกินอาหารแบบจัดเต็มที่ แกงร้อนบ้านสวน ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ของเชียงใหม่ อยู่ถนนเส้นคลองชลประทาน อาหารเหนือมีเยอะมาก แต่ที่อยากแนะนำอย่าที่สุดคือ แกงฮังเล ออร์เดิร์ฟเมือง ลาบคั่วหมู และขอเน้น ๆ ว่าต้องสั่งไส้อั่ว โอ้ยเด็ดมาก กินจนพุงแตกไปเลยจ้า ตอนนั้นทางร้านมีเมนูตามฤดูกาลด้วยค่ะ ลองสั่ง “เห็ดขมิ้นคั่วเมือง” มา เอ้อ อร่อยใช้ได้เลยนะ รสชาติไม่เข้มมา แต่กลมกล่อมได้เทกซ์เจอร์กรึบ ๆ ของเห็ด กินกับข้าวเหนียวคือดี~
ก่อนกลับแวะ "ตลาดสันป่าข่อย" ร้านที่ดังในตลาดนี้คือร้านลักษ์ ซี่โครงหมูอบ กินกับน้ำพริกหนุ่มและข้าวเหนียว อือหือเด็ดมากจ้า พี่ที่นำทางมา บอกว่ามาช้าคือหมดนะคะ ตอนที่น้องหลุมมา เหลือแค่สี่ชิ้นเท่านั้น! จากที่เราเอามาสองชิ้น ก็มีคนมาเหมาหมดร้านไปเลยค่าาา
จบทริปสายธรรมชาติไปแล้ว ขอบอกเลยว่าปายหน้าฝนมีดีกว่าที่คิด ที่สำคัญกว่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าปายมีวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากชาวบ้านที่สามารถนำมาแปรรูปให้กลายเป็นอาหารชั้นเยี่ยมระดับ Fine Dining ได้ นักกินตัวจริงจะต้องชอบอย่างแน่นอนค่ะ :)
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ