เหนือฟ้ายังมีฟ้า แต่เหนือพะเยายังมีเชียงราย
“เชียงราย” เป็นจังหวัดที่มาเมื่อไรก็ตกหลุมรักกับความครบรสของเมืองนี้ มีทั้งที่เที่ยวธรรมชาติ วัดวา ร้านกิน ร้านเที่ยวที่ตอบโจทย์คนทุกสไตล์ อากาศก็เย็นสบายเที่ยวได้ตลอดปี และยังไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านเท่าเชียงใหม่ แถมจังหวะนี้ยังมีร้านใหม่ ๆ สวยน่าไปเปิดตัวอีกเพียบ สำหรับใครที่มาเชียงรายแล้วเบื่อไร่ชา หาที่เที่ยวอื่นที่ไม่ใช่วัด บอกเลยว่านี่คือลิสต์ที่ใช่สำหรับคุณ
“มี 1 วันในเชียงราย เที่ยวไหนดี?” นี่คือโจทย์ที่เราตั้งให้ตัวเองสำหรับทริปนี้ เวลามีจำกัดแต่ความอยากเที่ยวมันล้นทะลัก และเนื่องจากไฟลต์เครื่องบินมาเชียงรายมีค่อนข้างถี่ เราเลยเลือกไฟลต์เช้า ออกจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 10 นาทีก็ถึงค่ะ
เริ่มต้นกันที่ร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานของคู่รักที่ชื่อ Couple Cups พื้นที่เล็กแต่ความน่ารักล้นถ้วย กาแฟมีทั้งแบบชงเครื่องและชงมือค่ะ ตอนที่สั่งกาแฟดริป (เริ่มต้น 80.-) ที่ร้านให้เลือกความเข้มของเมล็ด พูดคุยถึงรสชาติที่อยากดื่มก่อนด้วย เจ้าของทำเอง ใส่ใจและราคาก็น่ารักด้วย และนอกจากกาแฟของที่นี่จะดีงามแล้ว ยังมีเบเกอรีที่ทำเองด้วยนะคะ ทั้งเค้ก สโคน แนะนำ “Banoffie” หวานนุ่มสูตรของที่ร้าน ดีงามเหมาะกับการเริ่มต้นยามเช้าเป็นที่สุด
เดินผ่านเผิน ๆ นึกว่าร้านนี้ขายต้นไม้ พอเข้าไปใกล้ ๆ ถึงรู้ว่านี่เป็นร้านน้ำเงี้ยวค่ะ ชื่อร้าน “น้ำเงี้ยวป้านวล อาหารญวนพังงา” ชื่อยาวและเท่ไม่ซ้ำใคร พอเดินเข้าไปก็เจอการตกแต่งที่ไม่มีใครเหมือนอีกเหมือนกัน บรรยากาศตอนนั่งกินข้าวเหมือนนั่งกินในบ้านไม้ท่ามกลางของสะสมของเจ้าบ้าน ส่วนเมนูที่ทางร้านแนะนำ แน่นอนว่าต้องสั่ง “น้ำเงี้ยว” (35.-) และ “ข้าวกั๋นจิ้น” (15.-) นอกจากนี้ยังมีอาหารเวียดนามให้เลือกเยอะมาก แนะนำ “กวยจั๊บญวน” (65.-) หรือที่เรียกกันว่า “ข้าวเปียก” ค่ะ
ขยับออกนอกเมืองไปอีกนิดมามาที่บ้านดอยดินแดงหรือที่คนเหนือเรียก “คุ้มดอยดินแดง” ที่นี่เป็น สตูดิโอ โรงงาน และร้านขายของเซรามิกของอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเชียงรายที่เคยศึกษาศาสตร์การปั้นจากญี่ปุ่นก่อนจะมาเปิดเป็นโรงปั้นแห่งนี้ งานปั้นของที่นี่จะเน้นวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ ไม่เรียบเป๊ะเหมือนผลิตโดยเครื่องจักร และแต่ละชิ้นไม่เหมือนกันเลย
ภายในโรงงานจะเห็นขั้นตอนการผสมดิน ขึ้นรูป เผา และตกแต่งตามส่วนต่าง ๆ สามารถเดินชมได้เลยค่ะ ส่วนที่เราชอบที่สุดก็คือ ตรง Shop ที่มีถ้วยชาม ภาชนะเซรามิกสวย ๆ ให้เลือกซื้อเพียบในราคาที่ถูกกว่าในห้างเยอะมาก แถมยังมี Shop ของมีตำหนิที่ลดราคาลงไปอีก เห็นแล้วกรี๊ด ต้องใช้เงินค่ะ
มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ บ้านของศิลปินแห่งชาติ อ.ถวัลย์ ดัชนี ที่นี่มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะค่ะ ทั้งคนไทยและต่างชาติ เสียค่าเข้าชม 80 บาทเท่ากัน กลุ่มบ้านที่นี่สร้างในสไตล์ล้านนา ทุกหลังทาสีดำสมกับชื่อ และแต่ละหลังประดับด้วยไม้แกะสลักสวยงาม เราสามารถเดินชมของสะสมและงานศิลปะของอาจารย์ที่จัดแสดงทั่วบริเวณได้เลยค่ะ
ด้านในมีอาคารรูปทรงแปลกตาสำหรับเป็นที่เก็บของสะสมของอาจารย์ถวัลย์ด้วยค่ะ
ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์บ้านดำเท่าไหร่ มีอีกร้านสวยวิวงามที่เราขอแนะนำ ตัวร้านเป็นบ้านสีขาวแต่งสไตล์ยุโรป อินทีเรียและชุดพนักงานก็แต่งแบบฝรั่งย้อนยุค จุดเด่นอยู่ที่ระเบียงสวยที่มองเห็นวิวภูเขากลางร้าน บรรยากาศดีมากค่ะ
ที่ร้านมีทั้งอาหารฝรั่ง อาหารไทย ขนมและเครื่องดื่มหลากหลาย แนะนำเซตอาหารกลางวัน “Smoked Salmon Croissant” (230.-) “พาสต้าไข่กุ้ง” (250.-) เครื่องแน่นล้นทะลัก ถ้าเป็นอาหารไทยก็มี “ชุดน้ำพริก” (150.-) และ "ต้มยำปลาทูสายบัว" ที่อยากให้ลองค่ะ
กลับเข้ามาในเมือง แวะผ่านไปที่ร้านคาเฟ่ในสวนสวยชื่อ Wanderer ตัวร้านเป็นสวนขนาดใหญ่ร่มรื่น มีทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่มให้เลือกค่ะ ตัวร้านอยู่ติดน้ำ และมีพื้นที่ให้นั่งทั้ง Outdoor และ Indoor ค่ะ ไปช่วงเย็นแสงสวย บรรยากาศดีมาก แต่ยุงค่อนข้างเยอะ แนะนำให้พกยากันยุงไปป้องกันตัวด้วยค่ะ
บรรยากาศร่มรื่นภายในสวน ไปตอนเย็น ๆ สวยดีนะคะ แต่ร้านปิดตอน 6 โมงเย็น ใครจะมาต้องรีบหน่อยน้า
มื้อเย็นวันนี้ พี่รถตู้พาเรามาส่งที่ร้านหลู้ลำ ร้านอาหารเมืองริมน้ำบรรยากาศดี บรรยากาศค่อนข้างคึกคักตั้งแต่แสงยังไม่หมด ถ้าอยากได้โต๊ะวิวดี แนะนำให้มาแต่เนิ่น ๆ นะคะ เปิดเมนูมาเราจะเจอทั้งเมนูเหนือแบบธรรมดายันระดับแอดวานซ์ ที่ประทับใจมากคือ "ชุดออเดิร์ฟขันโตก" และ “แป้งนมย่าง” (139.-) ลักษณะคล้ายคอหมูย่างเลยค่ะแต่เป็นส่วนนมหมู ทำให้เนื้อมันนวลกลมกล่อมกว่า กินกับ “ต้มแซ่บเอ็นแก้ว” (139.-) ต้มแซ่บที่ผสมความเป็นเกาเหลาเนื้อหม้อไฟกับต้มแซ่บเข้าด้วยกัน กลมกล่อม ซดไม่ยั้ง
ปล. อย่าลืมลอง “หลู้” (69.-) เมนูเมืองที่ทำจากเลือดดิบ กินกับแคบหมู เครื่องในและเครื่องเคียง สำหรับสายเถื่อนต้องลอง
ด้านบนเป็นบาร์ ด้านล่างเสิร์ฟชา “ร้านฑัย” เป็นสเปซใหม่ที่รวม 2 ร้าน 2 สไตล์ไว้ภายใต้หลังคาเดียว ด้านล่างของร้านเป็นบาร์ชาของ “คุณโต” จากไร่ชาสวรรค์บนดินที่ผลิตชาธรรมชาติรสหอมหวานไม่เหมือนใคร หรือจะเลือกเดินขึ้นไปชั้นบนกับเจอกับบรรยากาศเท่ ๆ ชิมเครื่องดื่มเมนู “Suwan Malee” และ “Bang Nam Pueng” แบบชิลล์ ๆ ใต้แสงไฟสีแดงแบบหว่อง ๆ ก็ยังได้
จบทริปนี้ไปแบบสุข ๆ จุก ๆ ทั้งร้านสวยร้านเก๋ ร้านอาหารชิลล์ ๆ ในเมืองเชียงราย แอ่วเมืองนี้ไม่มีผิดหวังเลยจริง ๆ ค่ะ บรรยากาศดีและผู้คนก็ใจดีน่ารักทุกครั้งที่มา ถ้าอยากมาเที่ยวเชียงรายบ้าง ลองเอาลิสต์นี้ไปปรับได้เลย แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะคะ :)