ทริป #มัลดีฟทั้งใจ นี้จริงๆเป็นทริปที่จองที่พักไว้ตั้งแต่ก่อนโควิด แต่โควิดทำให้ทริปนี้ต้องล่มทำเรื่องคืนเงินจากสายการบินกันไป จนสุดท้ายแล้ว เมื่อการเดินทางเปิด วันเวลาเหมาะ ลงตัว จึงแพลนใหม่ล่วงหน้าประมาณ 3เดือนได้ เพื่อให้ได้ค่าตั๋วเครื่องบินในวันหยุดยาวที่ราคาถูกลง สุดท้ายแล้ว เมื่อเปรียบเทียบราคา เวลาของไฟล์ทบินทั้งไปและกลับ เราตกลงเลือกเป็นแอร์เอเชียพร้อมประกันกรเดินทาง ที่หวังว่าจะไม่มีการดีเลย์เกิดขึ้น
ส่วนที่พักเราจองไว้ล่วงหน้าไว้แล้วเป็นที่ Centara Ras Fushi Resort & Spa Maldives ห้อง Premium Deluxe Sunset Overwater Villa แบบ All Inclusive ซึ่งถือว่าไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติมแล้ว และสามารถทานเครื่องดื่มรวมแอลกอฮอล์ได้แบบไม่อั้น
สำหรับการเดินทางจากไทยไปสนามบินมาเล่ใช้เวลาโดยประมาณ 4ชั่วโมง (เวลาของมัลดีฟช้ากว่าประเทศไทยประมาณ2ชั่วโมง) เครื่องออกจากไทย 09.20 น. บินถึงสนามบินมาเล่ประมาณ 13.20 น. มีเจ้าหน้าที่โรงแรมมาถือป้ายรอรับ แจ้งกำหนดการและพาขึ้นสปีดโบ๊ทและพาไปโรงแรม ถึงโรงแรมโดยประมาณบ่าย2กว่าๆ ตามเวลาประเทศไทย แต่เวลาของมัลดีฟโดยประมาณเที่ยงนิดๆ โรงแรมต้อนรับอย่างดี มีเจ้าหน้าที่ดูแล และชี้แจงรายละเอียด ห้องพัก และการใช้ชีวิตที่ Centara Ras Fushi
พอชี้แจงรายละเอียดต่างๆเรียบร้อย ( เอาจริงๆนะ ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่ดีที่อ่านรีวิวมาบ้าง )
พนักงานก็พาไปทานอาหารกลางวันมื้อแรก ที่ห้องอาหาร The Ocean กันเลยก่อนพาเข้าไปพักผ่อนในห้องพัก (ห้องอาหารThe Ocean ถือเป็นห้องอาหารหลักที่รวมอาหารนานาชาติ และเป็นรูปแบบBuffet และมีบริการทั้งเช้า กลางวันเย็น )
ห้องพักของเราหมายเลข 358 (ฝั่ง Sunset จะเป็นเลขคู่) แต่ห้องเราออกไปกลางน้ำและออกจากฝั่งค่อนข้างไกล ซึ่งพนักงานบอกว่าห้องยิ่งดี จะยิ่งออกไปไกล จะรู้สึกดีๆมั้ย เพราะระหว่างวันหากจะเดินมาทานอาหารหรือทำกิจกรรมบนเกาะ ที่พักจะไม่มีบริการรถรับส่ง ต้องเดินไปมาเอาเอง ( ซึ่งพอเดินจริงๆก็ไม่รู้สึกไกลนะ ด้วยเพราะมีลมพัดตลอดเวลา)
กิจกรรมของโรงแรมมีอยู่เยอะมากๆ ทั้งเรือถีบ เซิร์ฟบอร์ด ให้อาหารปลาฉลาม (Nurse Shark) Pool bar ให้นั่งจิบเครื่องดื่มในสระว่ายน้ำ รวมถึง บาร์กลางน้ำ Viu Bar ซึ่งบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดทั้งวันสำหรับลูกค้า All Inclusive
ช่วงที่เราไปคือ 2 – 4 พค.ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นเข้ามรสุม แต่โชคดีที่ตลอด 3 วัน เจอฝนตกแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น นอกนั้นแดดแรงสมใจที่อยากเจอจริงๆ
สำหรับวันแรก ขนาดมาถึงในช่วงครึ่งวัน ยังกิจกรรมแน่นๆขนาดนี้
พอตกค่ำ นั่งรับลมริมหาด ชมวิวพระอาทิตย์ตก แล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวออกมาค่ำๆกับมื้อดินเนอร์รอบหนึ่งทุ่มที่จองไว้กับห้องอาหารไทยสวนบัว
สำหรับเช้าวันที่ 2 เราต้องใช้ชีวิตบนเกาะของเซนทารา ราส ฟูชิ ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ในใจคือภาวนาให้ทั้งวันฝนไม่ตก เพราะต้องการสัมผัสแดดดีๆ ที่นี่ ให้สมกับครั้งแรกของเราที่มัลดีฟ
โปรแกรมวันนี้ คือทานอาหารเช้าและเที่ยงที่ห้องอาหาร The Ocean
ระหว่างวันในช่วงเช้า คือดื่มด่ำกับบรรยาการริมหาดบนเกาะ โดยจะเล่นน้ำริมหาด และในสระซึ่งอยู่ในโซนเดียวกัน
* การแต่งกายจะชิลๆ พร้อมทั้งลงสระ และลงทะเล
หลังจากอาบน้ำ ( โรงแรมมีห้องน้ำส่วนกลาง ที่ไม่ต้องกลับไปอาบที่ห้อง) เราก็อาบให้เรียบร้อยและไปทานข้าวเที่ยง ก่อนจะกลับเข้าห้องในช่วงบ่าย เพื่อกิจกรรมริมระเบียงของห้องพักเราที่มีอ่างให้นอนแช่ และลงไปเล่นน้ำได้จากหลังห้องพักของเรา
หลังจากที่ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่ห้องพัก ตกค่ำก็ออกไปทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารหลักอย่าง The Ocean อีกครั้ง ถึงจะเลือก The Ocean บ่อย แต่ทุกรอบก็มีความหลากหลายของอาหารที่มีการปรับเปลี่ยนแตกต่างกันออกไป
วันนี้ช่วงดึกๆ มีฝนลงมาแค่ช่วงหนึ่ง ไม่น่าถึง 10 นาที แต่หลังจากฝนตกก็มีลมแรงพัดตึงเข้าห้องพัก แต่ฝนและลมแบบนี้เป็นเรื่องปกติของการมาพักที่มัลดีฟ แต่สำหรับเราถือว่าเจอฝนน้อยมาก แอบมีความโชคดีติดตัวมาเล็กๆ
ถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ
ตื่นมาด้วยควมรู้สึกว่อยากอยู่ต่ออีกซักคืน แต่ภาระกิจการงานก็มีรออยู่ จึงต้องอาบน้ำแต่งตัวพร้อมเก็บของใส่กระเป๋าตั้งไว้หน้าห้อง เพื่อให้พนักงานมายกสัมภาระไปรอที่ส่วนกลาง
โดยก่อนกลับเราสามารถรับประทานอาหารเช้าได้อีก1มื้อ ก่อนออกเดินทางกลับ
นี่คือภาพความประทับใจบางส่วน ในบางความประทับใจจะถูกบันทึกไว้ในคลิปวีดีโอ บางส่วนจะบันทึกไว้ในความทรงจำ และความรู้สึก
ถือว่าทริปนี้อาจจะไม่สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็เป็นทริปที่ประทับใจสุดๆสำหรับการท่องเที่ยวในรูปแบบทะเลของเรา ทั้งเรื่องที่พัก บรรยากาศ การต้อนรับ และสิ่งแปลกใหม่ทางอาหาร วัฒนธรรม รวมถึงเพื่อนใหม่ๆ ที่พบเจอระหว่างการเดินทาง
มัลดีฟมันดีย์เกินไปมั๊ยอ่า...
#มัลดีฟทั้งใจ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ






































