ทริปนี้เรามากับแฟนสองคน ตอนจองเครื่องพวกเราเลือกสายการบินนกแอร์คะ
ขาไปกทม.-ภูเก็ต ได้ไฟล์ DD7524 เวลา 21.15 น. ถึง 22.30 น. 2,054.90.- บาทต่อ2 คน
ส่วนขากลับภูเก็ต-กทม. ไฟล์ DD7525 เวลา 23.00 น. ถึง 00.20 น. 2,234.90.- บาทต่อ 2 คนคะ (ไม่โหลดกระเป๋าทั้ง 2 ที่นั่งนะจ๊ะ ไปแบบชิวมากกกกกก)
นั่งแท็กซี่มาจากแยก คปอ. มา Check in ก่อนขึ้นเครื่อง 1 ชั่วโมง ตั๋วที่เราซื้อกันในครั้งนี้เป็นตั๋วจากสายการบินนกแอร์คะ ซื้อแบบเที่ยวเดียว แต่ซื้อ 2 ครั้งในวันและเวลาต่างกันคะ (หาตั๋วถูกในเวลาอันใกล้ แฮ้ๆ)
มาถึงเค้าน์เตอร์ก็แทบไม่ต้องต่อคิวเลยคะ เพราะช่วงเวลานั้น แทบไม่มีไฟล์บินแล้ว เงียบมากเลย ต่อคิวรับ Boarding Pass สบายๆ
ได้มาแล้วคะ Boarding Pass ได้ตั๋วมาแล้วก็ไปที่ประตูทางออกที่ 73 เพื่อรอขึ้นเครื่อง แต่ดันมีประกาศขออภัย เนื่องจากไฟล์บินที่จะบินไปภูเก็ตดัน Delay 45 นาที เลยต้องรอไปอีก
เกิดอาการหิวยามดึก เลยลงมาหาอะไรลองท้องสักหน่อย เดินมาเจอร้านเคเอฟซี สาขานี้ไม่มีเป็ปซี่รีฟิลนะ แต่ไม่เป็นไร ยังไงชั้นก็กินอยู่ดี
ร้านเคเอฟซีสาขาสนามบินดอนเมือง เป็นร้านที่ค่อนข้างเล็ก มีที่นั่งไม่เยอะ แต่ตกแต่งร้านสวยเหมือนเดิม มีที่ชาร์ทไฟและอ่างล้างมือ ส่วนราคาไก่แอบแพงไปนิด แต่ลูกค้าร้านนี้ก็ยังเยอะอยู่เหมือนเดิม ซึ่งบริเวณนั้นก็จะมีร้าน Subway , Burger King แล้วก็ McDonald
สั่งชุดเซ็ท C ชุดละ 139.- บาท ประกอบด้วย ไก่ป็อป เฟรนซ์ฟรายและเป็ปซี่ และเอาใบเสร็จครั้งก่อนมาแลกไก่วิงซ์แซ่บ 2 ชิ้น (ฟรี) แต่ต้องทำแบบสอบถามก่อนนะ ถึงจะได้และใบเสร็จอยู่ได้แค่ 14 วันเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครอยากได้ไก่วิงซ์แซ่บฟรี อย่าลืมเก็บใบเสร็จไว้นะคะ ส่วนเรื่องรสชาติก็เหมือนกันในทุกๆร้านที่เคยไปกิน แต่เป็ปซี่ที่นี่แตกต่างจากเป็ปซี่รีฟิลที่เราไปกินนะ ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่
ภาพรวมถือว่าอร่อยและได้คุณภาพ ตัวร้านสะอาด น่านั่ง แต่เล็กไปหน่อย อยากให้มีเป็ปซี่รีฟิล สำหรับสาขาสนามบินดอนเมืองมากๆเลยคะ
ได้เวลาแล้ว ต่อคิว รอขึ้นเครื่องกันเลย
ทริปนี้ตื่นเต้นทั้งขาไปและขากลับคะ เรานั่งเครื่องเป็นครั้งแรก ปกติไม่ว่าจะเดินทางขึ้นเหนือ-ลงใต้ พวกเราจะขับรถไปเองตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก็ประทับใจสุดๆไปเลยคะ
เสียดายที่เราไม่ได้จองตั๋วข้ามปี ไม่งั้นจะถูกกว่านี้อีก เพราะตั๋วหางแดงถูกอยู่แล้ว ทริปหน้าจะมาแก้มือใหม่คะ 555+
ถึงแล้วคะ กับการเดินทางจากดอนเมืองมาจังหวัดภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 20 นาที
ขอบอกเลยว่า สนามบินที่นี่เป็นสนามบินนานาชาติที่บรรยากาศดีและสวยที่สุดของประเทศไทยเลยนะคะ เพราะเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวที่มีรันเวย์อยู่ติดกับทะเลอันดามัน รวมทั้งมีความทันสมัย สะดวก กว้างขวางและสะอาดมากเลยคะ เดี๋ยวเราจะพาไปชมบริเวณโดยรวบของสนามบินกันคะ
จอมอนิเตอร์แสดงเที่ยวบินขาเข้าภายในประเทศคะ
โปสเตอร์ที่ติดข้างฝาผนังทางเดินระหว่างเดินออกจากสนามบิน สถานที่นี้แหละคะที่เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมกันว่ามีอะไรกันบ้าง
ตรงประตูทางออกจะมีตู้บริการรถเช่าด้วยนะคะ ใครสนใจก็มีหลายจ้าวให้เลือกอยู่ ลองเดินสอบถามกันดูได้ ส่วนเรา....เช่ามอไซต์คะ แว๊นไปเที่ยวสนุกกว่าเย๊อะ
ด้านหน้าของสนามบินนานาชาติภูเก็ตคะ ไฟล์กลางคืนคนไม่เยอะ
ป้ายต้อนรับ Welcome to Phuket สวยงามคะ
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารผู้โดยสารแล้ว ยังมีพื้นที่สูบบุหรี่สำหรับสิงห์นักสูบอีกด้วยนะคะ
เช้านี้ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต
สิ่งแรกเลยที่เราต้องทำก็คือ ต้องไปหารถเช่า ซึ่งรถเช่าที่เราได้ทำการจองไว้แล้วนั้น เป็นรถเช่าจากทางร้าน "สวิส บังกะโล" ของลุงเชาวน์คะ ราคาไม่แพงเลย ลุงบริการดีมากๆ (มาเช่าตามเพื่อนๆในกระทู้พันทิป) บอกเลยว่าลุงแข็งแรงและน่ารักมากเลยคะ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่มาให้ดู เอาไว้ทริปหน้าไม่พลาดที่จะมาเช่าร้านลุงอีกแน่นอนคะ
ก่อนเดินออกจากสนามบิน แหม่ะ!!! แสงมันลงหัว เลยขอถ่ายรูปจุดนี้สักหน่อย เหลือบไปเห็นแอร์พอร์ตบัสที่วิ่งจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตไปตัวเมืองภูเก็ต ใครสนใจอยากนั่งรถเข้าเมือง สามารถเข้าไปดูเส้นทางและจองตั๋วได้ที่ Website :: Airportbusphuket ได้เลยนะคะ
ร้านลุงเชาวน์ มอไซต์เช่า อยู่ไม่ไกลจากสนามบินเลยคะ เดินออกมาจากสนามบินแล้วเลี้ยวขวา ไปทางหาดในยางอีกประมาณ 500 เมตร ร้านลุงเชาวน์จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเทสโก้โลตัสสนามบินนานาชาติภูเก็ตเลยคะ
แต่เดี๋ยวก่อน แวะซื้อข้าวเหนียวหมูทอด 4G กันแป๊ปนึง หิวแล้วอะ
มอเตอร์ไซต์ที่เราจองไว้ เป็นคลิกรุ่นใหม่ ราคาเช่าจะอยู่ที่ 250.- บาทต่อวัน ถ้าเป็นรุ่นเก่าจะอยู่ที่ 300.- บาทต่อวัน ส่วนเรื่องน้ำมันทางร้านให้มาเต็มถัง ขากลับก็เติมมาให้เค้าเต็มถังเช่นกันคะ และที่สำคัญนอกจากราคาและคุณภาพของรถในร้านที่พวกเราคิดจะเช่าแล้ว ในเรื่องของเอกสารก็สำคัญเช่นกันนะคะ ร้านลุงเชาวน์แค่มีใบขับขี่ก็สามารถเช่าได้แล้วคะ ไม่ยุ่งยากเหมือนร้านอื่นๆ ที่ต้องมีใช้เอกสารมากมาย รวมถึงเงินประกันหลักพัน (บอกแล้วว่าร้านลุงดีจริง แฮ้ๆ)
ทริปนี้นอกจากจะนั่งเครื่องมาลงภูเก็ตแล้ว พวกเรายังแว๊นมอไซต์เที่ยวเมืองภูเก็ตกันอีกด้วยนะคะ
ที่นี่ชานมไข่มุกก็มี ราคาเบาๆ แวะสักหน่อยกับร้านชาช้าง ร้านชานมของที่นี่ค่อนข้างเปิดเยอะมาก ตามรายทาง พวกเราขี่มอไซต์ไปเที่ยว มองไปทางไหนก็มีแต่ร้านชานม เยอะมากจริงๆ แต่ร้านนี้เข้มข้นดี ชอบๆๆ สดชื่นก่อนออกเดินทาง
ที่แรกที่พวกเราจะไปเที่ยวนั่นก็คือ หาดไม้ขาวคะ 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตแล้วห้ามพลาดที่จะมาเดินเล่นถ่ายรูปคู่กับเครื่่องบินที่ Landing ลงสู่ Runway คะ
อากาศวันนี้ดีมากเลย ฝนไม่ตก ตามที่เราได้คาดคิดไว้ ไม่งั้นคงเล๊ะแน่ๆเลย 555+
ตรงนี้ไม่ใช่หาดไม้ขาวนะคะ ทางผ่านที่เราจะต้องขี่มอไซต์ไปหาดไม้ขาว แต่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ด้านข้างจะมีบ้านพักหลังเล็กๆ สามารถเข้ามาพักได้ แต่เราแค่มาเดินชมวิวเฉยๆ
แวะพักแปป
ถึงแล้วจร้าาาาาาาา "หาดไม้ขาว" จุดชมวิวด้านหลังสนามบินนานาชาติภูเก็ต จุดชมวิวเครื่องบินที่สวยที่สุดของประเทศไทย อย่างที่เค้ากล่าวไว้เลยจริงๆ
การเดินทางมายังหาดไม้ขาว :: สามารถเดินเข้ามาได้จากทางด้านข้างของสนามบิน แต่ระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร แนะนำให้นั่งรถสองแถวเล็กของหมู่บ้านที่เค้ามีไว้ให้บริการจะดีกว่า ค่ารถคนละ 20.- บาทเองคะ ส่วนใครที่นำรถยนต์หรือมอเตอร์ไซต์มา สามารถจอดด้านนอก (มีที่จอดรถ) แล้วนั่งรถสองแถวเข้าไปคะ
ชายหาดที่นี่ กว้างและสะอาดมาก น่าลงเล่นน้ำมากเลย ถ้ามาช่วงเช้าๆ จะดีมาก บรรยากาศดี แต่ถ้ามาช่วงสายๆ ก็มานอนอาบแดดได้อีกเช่นกัน
นั่งรอสักพัก เดี๋ยวจะมีเครื่องบิน Landing ผ่านมาให้เราได้ไปถ่ายรูปกัน
นั่นไง!!!! มาแล้วๆๆๆ แต่ แต่ แต่ ทำไม Take Off ล่ะ หือๆๆๆๆ ไม่นะ..............
ทิศทางลมที่เราไปเที่ยวกันในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เครื่องบินไม่ Landing ลงสนามบินนานาชาติภูเก็ตเลยสักลำ ผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง รอแล้วรอเล่า 5555+ ได้แต่ Take off ไปแทน เลยตัดสินใจ เอาว่ะ!!! ไหนๆก็มาแล้ว ขอภาพ Take off สวยๆสักสองสามรูปก็แล้วกัน รอบหน้ามีแก้ตัวแน่นอนคะ
ถ่ายรูปกันหนำใจแล้ว แว๊นมอไซต์ไปต่อกันที่ "น้ำตกโตนไทร" น้ำตกแห่งเดียวของจังหวัดภูเก๊ตคะ
น้ำตกโตนไทร เป็นน้ำตกที่อยู่ในอำเภอถลาง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต จากเมืองภูเก็ตไปอำเภอถลาง 19 กิโลเมตร เมื่อถึงสี่แยกในเขตอำเภอเมืองถลาง แล้วแยกไปทางขวามืออีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกโตนไทร ค่าเข้าชม คนละ 20.- บาท มีที่จอดรถสะดวกสบาย และสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วยนะคะ
ตรงนี้เป็นฝายชะลอการไหลของน้ำ สามารถลงเล่นน้ำได้เช่นกันคะ
เดินขึ้นไปตามทางอีกหน่อย ก็จะพบกับน้ำตกเล็กๆ เห็นแบบนี้น้ำไหลแรงนะเออ
จริงๆ เดินขึ้นไปอีกก็ได้นะคะ แต่นั่งเล่นน้ำแค่ช่วงนี้พอ
บริเวณน้ำตกก็จะมีพรรณไม้ที่ขึ้นปกคลุมแผ่กิ่งก้านสาขาทั่วไป
ยังคงสดชื่นและอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมคะ
ออกจากน้ำตกมาแล้ว แว๊นหาข้าวเที่ยงกินกันต่อที่ร้าน "ส้มตำ ตอม&ตูม" คะ ร้านนี้ขายทั้งอาหารตามสั่งและอาหารอีสาน พร้อมแล้ว!!! ลุยกันเลยคะ
เติมพลังก่อนไปเที่ยวกันต่อ มื้อใหญ่จัดเต็ม 555+
มาถึงร้านในตำนานกับร้านนี้เลยคะ "แป๊ะจ๋องกาแฟโบราณ" ร้านเด็ดร้านดังของจังหวัดภูเก็ต ที่เปิดขายมานานกว่า 150 ปีกันเลยทีเดียว จากรุ่นสู่รุ่นจนกลายมาเป็นตำนานของคนบางเหรียงกันไปแล้ว
แป๊ะจ๋องกาแฟโบราณ ที่ไม่ได้ขายความโบราณเพียงอย่างเดียว บรรยากาศร้านก็จะเป็นแบบบ้านๆ สบายๆ มีโต๊ะนั่งโต๊ะใหญ่ สามารถนั่งได้หลายคน ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นคนพื้นที่ คือมองหน้ากันก็รู้ใจว่าใครกินเมนูไหน
ต้องบอกเลยว่า นอกจากกาแฟโบราณแล้ว ยังมีซาลาเปา ซึ่งเป็นซาลาเปาโฮมเมดที่ทางร้านเค้าทำเองด้วยนะ แต่พวกเราไปไม่ทัน เลยอดกินเลย
วันนี้เราสั่งโกโก้เย็นกับชาเย็นอย่างละ 1 แก้ว (20.- บาท) รสชาติเข้มข้นและหวานมันส์ ที่แน่ๆเลยคือสดชื่นมากๆ พร้อมลุยต่อ!!!
จุดหมายปลายทางต่อไปคือ แว๊นมอไซต์เข้าเมืองภูเก็ตกันคะ มากันที่ร้านนี้เลย "ร้านลองแล กล้วยทอดสูตรเด็ด" มาหาของอร่อยๆกินอีกสักหน่อย
ร้านลองแล ขายกล้วยทอด มันทอด จำปาดะและข้าวเม่า ร้านตั้งอยู่หน้าสนามสุระกุลเลยคะ
กล้วยทอด ขาย 8 ชิ้น 20.- บาท
ข้าวเม่ากองละ 20.- บาทเช่นกันคะ ส่วนจำปาดะ ราคาไม่แน่นอน แล้วแต่ขนาดของจำปาดะ
จัดข้าวเม่า 1 ชุดกับกล้วยทอด 20.- บาท หอม กรอบและอร่อย ไม่อมน้ำมัน
ราคาสบายๆกระเป๋า เพื่อนๆลองแวะมาชิมกันดูได้นะ
จุดหมายปลายทางต่อไปคือ "สะพานหิน" คะ เห็นป้ายนี้แล้วไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นงานวิ่งระดับจังหวัดที่ใครๆก็อยากมาลองสนาม สนามวิ่งนี้มีชื่อว่า "Phukethon 2019" จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ที่บริเวณสะพานหินคะ
Phukethon 2019 เป็น 1 ในสนามวิ่งระดับนานาชาติของเอเชียเลยก็ว่าได้ เพราะมีเหล่านักวิ่งไม่น้อยที่อยากจะมาวิ่งออกกำลังกายบ้าง ทำสถิติใหม่ให้กับตัวเองบ้างก็ว่ากันไป ส่วนเราอะหรอ ได้บัตรวิ่งฟรีมา 2 ใบ เลยได้มาโดยปริยาย รวมถึงวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 เป็นวันเกิดเราด้วย เลยมามอบรางวัลให้กับตัวเองไปในตัวเลย
งานนี้มีให้เลือกถึง 4 ระยะด้วยกันคือ 42.195km. , 21.5km. , 10.5km. และ 5km. เราลง 21.5km. วันนี้มารับ BIB และอุปกรณ์วิ่งกันที่สะพานหิน บรรยากาศภายในงานดูโอเครมากๆ มีจุดถ่ายรูปเยอะ ซุ้มอาหาร จุดบริการต่างๆพร้อมมาก แถมบรรยากาศภายในสวนร่มรื่นและเงียบสงบดีมาก เหมาะกับการมาวิ่งออกกำลังเป็นอย่างมาก
เราอยู่ Block C (2.30-3.30 hrs.) เดี๋ยววันต่อไปมาลุ้นกันคะว่า จะจบ Half ที่เวลาที่เท่าไหร่
รับอุปกรณ์วิ่งไปแล้ว แว๊นมอไซต์เข้าเมืองมาพักกันที่ "Feelgood @ Journey Hostel" โฮสเทลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ตเลยคะ ที่เลือกที่นี่ก็เพราะว่า ราคาถูก ปลอดภัย ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ตอีกมากมาย ณ จุดๆนี้ หาโรงแรมเปรียบเทียบแล้วเปรียบเทียบอีก ที่นี่...ถูกที่สุดแล้วคะ คืนละ 550.- บาท จองผ่าน Booking (ชำระเงินที่โรงแรมในวันเข้าพักได้เลยคะ)
ภายในห้องพักก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งเครื่องทำน้ำร้อน ทีวีและชั้นวางของ ที่นี่สะอาดมาก เจ้าของเป็นกันเองมากๆเลยคะ
พอถึงที่พัก พวกเราก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วแว๊นไปเที่ยวกันต่อ
นั่งพัก...หายเหนื่อยกันสักพัก เราวางแผนกันไว้ว่า จะไปชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่แหลมพรหมเทพ ไม่รอช้า...พวกเราพร้อมลุย!!!
พวกเราแว๊นมอไซต์ไปเรื่อยๆ ไปตามที่อากู๋บอกเลยคะ แหลมพรหมเทพอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองภูเก็ตมากนัก ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตเพียงแค่ 18 กิโลเมตรเท่านั้น
การเดินทาง :: จากตัวเมืองภูเก็ต ใช้ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก (4021) มาทางทิศใต้ เลี้ยวเข้าถนนวิเศษ (4024) วิ่งตามทางมาเรื่อยๆ มาทางหาดราไวย์ เข้าถนนเลียบหาดราไวย์ (4233) วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกทางไปแหลมพรหมเทพอย่างชัดเจน
บริเวณด้านบนแหลมพรหมเทพมีร้านค้า ห้องน้ำและที่จอดรถสะดวก หลังจากจอดรถเสร็จแล้วจะต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 650 เมตร ถึงจะเห็นแหลมพรหมเทพ
ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะมาชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆกันที่นี่
บางครั้ง.....ความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
เรารักแหลมพรหมเทพ
วันนี้คนเยอะมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนจะมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดิน (ควรจะไปก่อนพระอาทิตย์ตกดินอย่างน้อย 1 ชั่วโมง) นะคะ
แหลมพรหมเทพ เป็นแหลมหินที่ยื่นไปในทะเล มีต้นตาลขึ้นที่แหลมพรหมเทพเป็นจำนวนมาก เมื่อเรายืนที่แหลมพรหมเทพก็จะมองเห็นเกาะแก้วน้อยและเกาะแก้วใหญ่อยู่เบื้องหน้า และทางด้านขวาจะเป็นหาดในหาน มีเรือยอร์ชจอดลอยลำอยู่เป็นจำนวนมาก
พวกเราเดินลงไปด้านล่างของแหลมพรหมเทพ มีทางเดินสะดวก
เจอเจ้าแมวน้อย น่ารักและคุ้นกับคนที่ผ่านมาผ่านไปแถวนั้นมาก นางต้อนรับอย่างดี
ต้นตาลที่นี่ขึ้นเยอะมากจริงๆค่ะ
เคว้ง แต่ไม่คว้าง....
เมื่อเราเดินลงมาถึงด้านล่างของแหลมนี้ ก็จะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เวลามีคลื่นซัดเข้ามากระทบก้อนหิน จะเป็นฟองสีขาวสวยงามมากๆคะ
วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 พระอาทิตย์ตกดินเวลา 18.04 น. คะ
สายลม สองเรา ภูเขาและท้องฟ้า --- ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้มาชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ฟินมากคะ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความหิวเข้ามาแทนที่ พวกเรารีบขึ้นมาจากแหลมพรหมเทพ แล้วแว๊นเข้ามาในเมืองกันต่อ ผ่านวงเวียนหอนาฬิกาเมืองภูเก็ต เปิดไฟแจ่มและสวยงามมากๆ
เรามากินข้าวกันที่ร้านดังย่านเมืองภูเก็ต ให้ทายซิว่าร้านอะไรเอ๋ย? คนเยอะขนาดนี้จะมีที่นั่งมั๊ยล่ะเนี้ย
พอหันไปอีกฝั่ง โอ้แม่จ้าว!!! ต่อคิวยาวเหยียดเกือบถึงท้ายซอย 555+
ร้านนี้มีชื่อว่า "ร้านโกเบ๊นซ์ข้าวต้มแห้งภูเก็ต" เห็นคนที่ยืนต่อคิวยาวแล้วด้านนอกแล้ว มาเห็นตอนที่ลูกค้านั่งในร้านเต็มทุกโต๊ะไปอีก เริ่มถอดใจขึ้นมาทันทีทันใด เฮ้อ!!!
แต่เอาว่ะ!!! มาแล้วนี่ จะพลาดร้านดังแบบนี้ได้ไง มาภูเก็ตทั้งที ไม่ไปกินข้าวต้มแห้ง เดี๋ยวเค้าว่ามาไม่ถึงอีก
ยืนรอต่อคิวไปสักพัก มีพนักงานมารับออเดอร์ ค่อยยังชั่วหน่อย ใจเริ่มชื้นล่ะ
สักพักได้โต๊ะนั่ง ติดเคาน์เตอร์ทำอาหารเลยคะ ความรู้สึกนะตอนนั้น ทำไมร้านนี้ดูวุ่นวายจัง? แล้วออเดอร์ของเราจะได้เมื่อไหร่นะ (คิดในใจ)
มาดูเมนูที่เราสั่งกัน เราสั่งมาลองก่อน 2 อย่างคือ ข้าวต้มแห้งกับเกาเหลาเลือดหมู+ข้าวเปล่า
อืมมมมมม........สมกับที่รอคอย คืออร่อยมากอะ พวกเครื่องในนี่สดและสะอาดมาก อ่านรีวิวมาไม่ผิดกับที่เพื่อนๆเขียนรีวิวบอกเลยคะ
ปีหน้าไม่พลาดที่จะมากินร้านนี้อีกแน่นอน
เหมือนจะยังไม่สุด กินของคาวแล้ว ก็ต้องต่อด้วยของหวานตบท้ายซิค่ะ
ต่อกันด้วยร้านน้ำเต้าหู้เที่ยงคืน (สาขา7 ภูเก็ต) ขายทั้งน้ำเต้าหู้ เต้าฮวย บัวลอยน้ำขิง เต้าทึงและขนมปังสังขยา ในราคาเบาๆ
จัดน้ำเต้าหู้เย็นทรงเครื่องมา 2 ถ้วย เครื่องแน่น รสชาติไม่หวานมาก เย็นสดชื่น ชื่นใจจริ๊งจริงคะ
ทานคู่กับปาท่องโก๋กรอบๆ มันเข้ากันดีอ่ะ
อิ่มแล้ว พวกเราแว๊นมอไซต์กลับที่พักกัน พรุ่งนี้ค่อยลุยกันต่อคะ
คืนนี้...บูชาบิบเรียบร้อย 555+
ตื่นเช้ามา อาบน้ำแต่งตัวออกไปวิ่งกันคะ --- งาน Phukethon 2019 สนามนี้เป็นสนามที่ดีมากๆเลยนะคะ ถึงแม้ว่าระยะทางที่เราลงวิ่งนั้น จะไม่ได้วิ่งไปจนถึงแหลมพรหมเทพ แต่ก็ประทับใจอะไรหลายๆอย่าง อย่างเช่น เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลระหว่างเส้นทางวิ่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่พยาบาลและทุกคนที่ทำหน้าที่อยู่ภายในบริเวณงาน ขอบคุณทุกคนมากจริงๆคะ งานนี้เหรียญสวยมากเลย ชอบมากๆเลยคะ
วันนี้เราได้สถิติใหม่ของการวิ่ง Half แล้วนะคะ ทำไปได้ 2 ชั่วโมงกับอีก 6 นาทีคะ ภูมิใจในตัวเองมากเลย
ส่วนผู้เรา 10km. 1ชม. 10 นาที เกือบ Sub1 ละ
ได้แล้วค่ะ เสื้อ Finisher21km. แถมติด Top100 ได้น้องเต๋ามาอีก 1 ตัว
มาตามดูของกินภายในงานกันบ้างดีกว่าคะ มีทั้งขนมเดือน โอ้วแอ๋ว ลอดช่องน้ำกะทิ น้ำแข็งใส สับปะรด ไอศครีมและอีกมากมายภายในงาน กินไม่หมดจริงๆคะ
วิ่งเยอะ ก็ต้องกินเยอะเช่นกันคะ ตามมาติดๆกับร้านดังอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาด "ลกเที้ยน" ศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดังย่านเมืองภูเก็ต ที่ผสมผสานระหว่างอาหารไทยของคนพื้นเมืองดั้งเดิมและอาหารของชาวจีนที่อพยพมา
การเดินทาง :: จากตัวเมืองภูเก็ต ใช้ถนนเยาวราชตรงมาทางวงเวียนน้ำพุ ระหว่างทางจะผ่านแยกไฟแดง 3 ครั้ง ร้านลกเที้ยนตั้งอยู่แยกไฟแดงที่ 3 บริเวณหัวมุมสี่แยกระหว่างถนนดีบุกกับถนนเยาวราชคะ
เมนูเด่นของที่นี่ก็คงจะหนีไม่พ้น "หมี่ลกเที้ยน" ที่ใช้เส้นหมี่ขนาดใหญ่กว่าบะหมี่เหลืองทั่วไปมาผัดกับอาหารทะเล หอมและอร่อย สะท้อนเอกลักษณ์ของอาหารภูเก็ตได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
ส่วนปอเปี๊ยะสดฮกเกี้ยน ไม่ต้องพูดถึง แป้งที่ใช้ห่อนุ่มมาก อัดไส้ด้านในมาแน่น ราดด้วยซอสหวานฉ่ำ หอมและอร่อย สุดยอดไปเลยคะสำหรับเมนูนี้
สุดท้ายเป็นบะหมี่น้ำฮกเกี้ยนน้ำกุ้งต้มยำ รสชาติน้ำซุปคือดีมาก หอมอร่อย เส้นก็นุ่ม ใครที่แวะมาเที่ยวที่นี่ ไม่พลาดที่จะสั่งมาลองทานกันดูนะคะ ให้สามผ่านเลยคะ
ฝั่งตรงข้ามศูนย์อาหารลกเที้ยน ยังมีหอนาฬิกา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยงเมืองภูเก็ต ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกส ที่ใครผ่านมา ผ่านไปก็จะต้องแวะมาถ่ายรูปอาร์ตๆกันที่นี่เลยคะ
มาเดินเล่น ถ่ายรูป ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและชมความเมืองเก่าของเมืองภูเก็ตกันคะ
พักหิวน้ำกันต่อที่ Deli Cafe
แว๊นมาที่ Deli cafe สาขาเมืองภูเก็ต เพื่อมาใช้โปรฯ แก้วละ 9.- บาท สดชื่นและสบายกระเป๋าไปอีก
ไปวิ่งในงาน Phukethon 2019 ดันมาเจอเพื่อนสนิท เลยชวนมาไหว้พระที่ "วัดฉลอง" ด้วยกันซะเลย
วัดฉลอง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดไชยธาราราม หากใครที่มาวัดนี้จะต้องแวะมาสักการะหลวงพ่อแช่ม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองคะ
สาธุ สาธุ สาธุ
อีกหนึ่งสถานที่บริเวณใกล้เคียงกัน มีพระมหาเจดีย์ พระจอมไท เป็นเจดีย์ที่อยู่ด้านหลังของวัด เมื่อเราเดินขึ้นไปด้านบนสุด จะมองเห็นทัศนียภาพของเมืองภูเก็ตได้อย่างสวยงามเลยทีเดียวคะ
จากนั้น พวกเราก็แว๊นไปไหว้พระใหญ่กันที่ฝั่งตรงข้ามของวัดฉลองกันต่ออีกสักหนึ่งที่ค่ะ แต่เผอิญ เรามาผิดทางคะ ขึ้นภูเขามาผิดลูก มาไกลซะด้วย 555+
วัดที่เราจะพาเพื่อนๆไปชมกันนั้นเป็น วัดพระใหญ่ค่ะ อุ๊ย!!! มีน้องแมวออกมาต้อนรับด้วย
น่ารักมากเลยคะ
การเดินทาง :: จากตัวเมืองถนนเจ้าฟ้านอก เลยวัดฉลอง 800 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยยอดเสน่ห์ (ระยะทางขึ้นเขา 6 ก.ม.) หรือจากวงเวียน ห้าแยกฉลองถนนเจ้าฟ้านอก ระยะทาง 1 ก.ม. เลี้ยวซ้ายเข้าซอยยอดเสน่ห์ (ระยะทางขึ้นเขา 6 ก.ม.) ทางขึ้นไปยังเขานาค ทางค่อนข้างจะลาดชันสักเล็กน้อย แต่เส้นทางเป็นถนนราดยางรถทุกชนิดสามารถขึ้นได้
พระใหญ่ หรือ พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบร่วมสมัย ที่มีความสูงถึง 5 เมตรด้วยกัน ก่อสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสันติ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและความหวัง จากการร่วมมือร่วมใจบริจาคของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และยังสามารถขึ้นมาชมทัศนียภาพและความสวยงามของเกาะภูเก็ตในมุมสูงได้อีกด้วย
จุดชมวิวเกาะภูเก็ต
ช่วงบ่าย ฟ้าไม่เปิด มีก้อนเมฆเต็มไปหมด สักพักฝนตกลงมา แผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือไปเที่ยวเกาะ เลยต้องพักไว้ก่อน
หลังจากที่พวกเราไหว้พระองค์ใหญ่เสร็จ ระหว่างทางขึ้น-ลงวัดพระใหญ่ เหลือบไปเห็นร้านกาแฟที่มีจุดชมวิวสวยๆอยู่หลายร้าน เราเลยเลือกที่จะมาร้านนี้ คนน้อยดี
ร้านกาแฟพี่ศักดิ์ เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเดียวกันกับพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี ร้านจะอยู่ทางด้านขวามือ เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีจุดชมวิวที่สวยงาม น่านั่งและบรรยากาศร้านดีมากๆ
เอาบรรยากาศมาฝากกันคะ
นั่งจิบชาเขียว ชมทัศนียภาพของเมืองภูเก็ต มันช่างฟินอะไรขนาดเน๊.....
ต่อด้วยหาร้านของฝาก ซึ่งพวกเราก็แทบตระเวรหาทั่วเมืองภูเก็ตกันเลยทีเดียว เพราะช่วงเวลาที่เราแว๊นมอไซต์เข้าเมืองก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว หลายๆร้านก็ปิดไปหมดแล้ว ก็จะมีร้านพรทิพย์ของฝากนี่แหละคะที่ปิดทุ่มนึง โชคดีของพวกเราเลยคะ
ร้านพรทิพย์ เป็นจุดรวมขายของฝากที่ของขายเยอะมากๆ ราคาโรงงานเลยนะ
พวกเราซื้อของฝากหมดไปกับเต้าส้อเกือบ 500.- บาท เพราะเป็นขนมขึ้นชื่อของเมืองภูเก็ต อันนี้ไม่ซื้อไม่ได้เลยนะคะ
มื้อสุดท้ายของทริปนี้ ก่อนแว๊นมอไซต์ไปคืนที่ร้านลุงเชาวน์
คืนมอไซต์แล้ว พวกเราก็เดินข้ามถนนไปที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต เพื่อไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบินนกแอร์ (ขากลับพวกเราไม่มีของให้โหลดใต้ท้องเครื่อง เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม)
ได้เวลากลับแล้วค่ะ 2 วันที่ได้อยู่ที่นี่ ถือว่าคุ้มมาก อาจจะเก็บไม่หมดทุกแลนด์มาร์คในเมืองภูเก็ต แต่พวกเราก็ได้ไปเที่ยวทุกที่ที่เราอยากไปและก็ประทับใจแบบสุดๆ
ท้องฟ้าไม่ว่าจะกว้างมากแค่ไหน ก็ไม่กว้างเกินไปถ้าเราจะออกเดินทาง
แล้วเราจะได้พบกันใหม่ "ภูเก็ต" บับบาย
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ