เรามาถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ 6 โมงเช้าค่ะ อากาศยามเช้ามักสดใสเสมอ ทานมื้อเช้าเบาๆที่สนามบินก่อนเดินทางค่ะ เพียงชั่วโมงนิดๆก็มาถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงค่ะ สายฝนปรอยๆมาต้อนรับรอเลยค่ะ ชุ่มชื้นตั้งแต่มาถึงเลยมั้ยล่ะ
โชคดีที่เราทำการจองรถเช่าไว้เรียบร้อยค่ะ พอเดินออกมาจากสนามบิน ก็มีผู้ชายมารอ เอ้ย ! เจ้าหน้าที่มาส่งรถค่ะ เราเลือกใช้บริการของ Budget ค่ะ จริงๆมีหลายเจ้าเลยนะคะ แต่เราใช้แต่เจ้านี้ เพราะซื้อ Voucher เก็บเอาไว้ค่ะ ราคาต่อวัน 500 บาทเท่านั้น แต่ถ้าช่วงวันหยุดจะบวกเพิ่ม 300 บาทค่ะ แถมคืนเลทได้ 4 ชั่วโมงด้วยน๊า ดีตรงนี้ รถที่เราจองไว้จริงๆเป็น Honda jazz แต่เนื่องจากมาช่วงเทศกาล รถเลยคิวแน่น เลยได้ upgrade เป็น Toyota Innova แทน แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะอยู่บ้านก็ขับคันนี้อยู่แล้ว คุ้นชินมือคนขับเค้าล่ะ
เริ่มกันที่จุดหมายปลายทางแรกกันเลยค่ะ เนื่องจากมื้อเช้าจากสนามบินนั้น ได้ย่อยสลายไปหมดแล้ว เราเลยหาร้านอร่อยๆกันก่อนค่ะ เปิดแอพวงใน ก็เจอร้านนี้เลย ‘ ร้านชีวิตธรรมดา ‘ร้านเค้าได้รับรางวัลด้วยนะเออ แบบนี้ไม่พลาดอยู่แล้ว ต้องมาลองค๊าา
มาถึงร้านน้องฝนก็ยังคงตกพรำๆค่ะ พนักงานเอาร่มมารับที่ลานจอดรถเลย ร้านนี้ตั้งอยู่ริมน้ำ บรรยากาศดี ร่มรื่นมากๆค๊า ตกแต่งแบบสไตล์วินเทจ มีหลายโซน จะถ่ายรูปมุมไหนก็ดีงามไปหมด สำหรับอาหาร เราสั่งข้าวผัดไส้อั่ว กับน้ำสับปะรดภูแลปั่นมาค่ะ ส่วนคนข้างๆก็จิบกาแฟแก้ง่วงก่อนเลย เพราะเดี๋ยวเราต้องขับกันอีกไกล โดยรวมก็ถือว่าโอเคนะคะ หรือถ้าใครจะแค่มานั่งชิลล์กินเครื่องดื่มของหวานเบาๆก็ฟินไปอีกแบบค่ะ
หลังจากอิ่มแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ พอออกจากร้านมาทางปากซอย เราจะเจอ ‘ วัดร่องเสือเต้น ‘ เป็นวัดที่มีศิลปะแปลกใหม่มาก มองเห็นอุโบสถสีฟ้าครามมาแต่ไกล โดดเด่นมากค่ะ เราเลยแวะเข้าไปไหว้พระทำบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย พอออกจากวัด น้องฝนก็หยุดตกเลยค่ะ เห็นผลทันตา อิอิ
มีวัดแรกแล้วก็ต้องมีวัดที่สองสินะ นั่นคือ ‘วัดร่องขุ่น’ ของอาจารย์เฉลิมชัยนั่นเอง ใครที่มาเที่ยวเชียงราย ไม่ได้แวะวัดนี้ก็คงแปลกใช่มั้ยคะ มาดูสถาปัตยกรรมสวยๆกันหน่อยดีกว่า มาถึงก็เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียบเลยค่ะ ไม่ค่อยเจอคนไทยเท่าไร
ไปต่อกันค่ะ อีกสถานที่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักนะคะ นั่นคือ ‘ขัวศิลปะ’ ที่กลุ่มศิลปินของเชียงรายเค้าก่อตั้งกันขึ้นมาค่ะ มีจัดแสดงศิลปะต่างๆมีร้านกาแฟและร้านอาหารบริการด้วยนะคะ และที่วันนี้เรามาเพราะว่า เค้ามีจัดแสดงภาพวาด ‘ The Heroes จ่าแซมและทีมหมูปา ‘ และวันที่เรามา เพิ่งวาดเสร็จสดๆร้อนๆเลยค่ะ มีนักข่าวและนักท่องเที่ยวมาแวะชมมากมาย อินเทรนด์สุดๆ
ไปเที่ยวมาสองสามที่แล้ว ดูนาฬิกา ได้เวลามื้อเที่ยงอีกแล้วสินะ เหมือนเพิ่งกินไปเอง ยังไม่ค่อยหิวเท่าไร แต่ไม่ได้ค่ะ เราต้องทานข้าวให้ตรงเวลา ไปสิคะ รออะไร ไปกินต่อ 55+ ออกจากขัวศิลปะเราตรงมาที่ร้านนี้เลย ‘ ร้านข้าวซอยอนงค์ ‘ หาจากแอพวงในเช่นกัน เห็นคนรีวิวเอาไว้ว่าดีในย่านนี้ค่ะ ต้องลอง
มาถึงก็จอดรถข้างทางแล้วก็เข้าร้านกันเลย ที่นี่มีเมนูข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ขนมจีบ และพวกขนมหวานค่ะ เราสั่งข้าวซอยไก่กับขนมจีบมากิน นี่ไม่หิวเลยเนอะ รสชาตก็พอใช้ได้นะคะ เข้มข้น จัดจ้านดี ขนมจีบลูกโต ที่สำคัญราคาไม่แพงค่ะ กินซะเกลี้ยง อิ่มมากๆค๊า
พร้อมออกเดินทางต่อแล้วค่ะ จุดหมายต่อไปเราคือ ‘ดอยแม่สลอง ‘ ค่ะ เราจองที่พักใน agoda ไว้เรียบร้อยแล้ว คืนแรกเราจะพักบนดอยกัน อากาศต้องดีมากแน่ๆเลย
ขับรถชมวิวมาเรื่อยๆประมาณชั่วโมงกว่าๆ เราก็เริ่มง่วง เลยต้องหาคาเฟอีนเติมให้ร่างกายกัน ใช่ค่ะ เราจะแวะกินอีกแล้ว เนื่องจากของคาวกับของหวาน กระเพาะจะแยกกันเนอะ อย่าคิดมากค๊า มาถึงที่ ‘ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่จัน ‘ โอ้โหว ! สวยมาก เราเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกค่ะ ชาวบ้านเค้ามากันหมดแล้ว 55+ เดินชมไร่ชาสีเขียวๆ ถ่ายรูปเพลินเลย รู้สึกชอบจัง พอเดินเหนื่อย ก็ขึ้นไปสั่งชีสเค้กทานคู่กับชาเขียวเย็น ดีไปอีก ชีสเค้กอร่อยมากค่ะ ไม่หวานจนเกินไป เราทานคนเดียวทั้งชิ้นหมดอย่างรวดเร็ว ว่าจะเดินไปสั่งเครปเค้กมาอีกชิ้นก็เกรงใจร่างกาย เดี๋ยวจะเป็นเบาหวานไปซะก่อนเที่ยวครบ เลยขึ้นรถเตรียมขับไปยังดอยแม่สลองกัน
ทางขึ้นดอยแม่สลองก็ไม่ยากนะคะ ขับได้สบายๆ คนขับบอกมา ส่วนเราก็นั่งชมวิวไปเรื่อย เปิดกระจกสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ดีงามพระรามแปดมากค่ะ ไม่นานก็มาถึงที่พัก เราจะเช็คอินกันก่อนค่อยออกไปเที่ยวบนดอยต่อค่ะ
เราจองที่พักบนไร่ชา 101 ค่ะ ชื่อว่า ‘ 101 Tea Green View ‘ ขับขึ้นมาสุดทางเลยค่ะ ทางวนหลายตลบอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ผิดหวังค่ะ ที่พักอยู่ในไร่ชาเลย เพียงมองออกนอกหน้าต่าง ก็จะพบกับทุ่งสีเขียวขจี สวยงามมากเว่อร์ แถมราคาก็ดีงาม คืนละพันนิดๆเท่านั้นค่ะ ฟรีอาหารเช้าอีกด้วย
พอเก็บของเรียบร้อย เราก็เตรียมออกไปเที่ยวต่อบนดอยแม่สลองค่ะ บนนี้ก็มีบ้านเรือน ร้านค้า วัดวา ให้ท่องเที่ยวกันนะคะ จากที่พักเราขับขึ้นเขาลาดชันไปอีกประมาณ 4 กม. เพื่อไปสักการะ ‘ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี’ เป็นพระบรมธาตุที่สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่าค่ะ บนนี้ถือเป็นจุดสูงสุดของดอยแม่สลองเลยค่ะ สามารถยืนชมวิวกว้างๆได้เลย ตอนเรามาถึงเกือบ 5 โมง ก็ใกล้ปิดแล้วค่ะ มีคนอยู่สองสามคนเองค่ะ ข้างบนนี้อากาศเย็นมากค่ะ
ขาลงมาเราเห็นมีป้ายจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกด้วยค่ะ ก็เลยจอดรถแวะกัน แต่เสียดายวันนี้พระอาทิตย์หลบหน้าหลบตาไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ก็เลยได้แต่ชมวิวภูเขาและผืนป่าด้านล่างแทน ฟินไปอีกแบบค่ะ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ยืนมองได้ไม่เบื่อเลยค่ะ
ผ่านไปไม่นานจะหมดวันซะแล้ว มื้อเย็นวันนี้เราเลยหาอะไรกินกันค่ะ จริงๆยังไม่ค่อยหิวเลยค่ะ เพราะกินมาทั้งวันแล้ว เดิมทีตั้งใจจะกินสุ้กี้ยูนนานตรงที่พักค่ะ แต่คิดว่าคงไม่ไหวแน่ๆ เลยหาร้านอาหารตรงทางผ่านสั่งอะไรง่ายๆมาแทนค่ะ แถวนี้ร้านส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารจีนค่ะ พวกข้าวแกง ส้มตำอะไร หายากมากค่ะ และพอเริ่มพลบค่ำ ร้านก็ทยอยปิดกันแล้วค่ะ เราเลยมาลงเอย ที่ร้านแม่สลองวิลล่าค่ะ เป็นภัตตาคารอาหารจีนเก่าแก่ ราคาอาหารสูงอยู่ค่ะ แต่จานใหญ่มาก เหมาะกับมากันเป็นครอบครัวค่ะ รสชาตอาหารดีค่ะ ไม่เลี่ยนเลย พนักงานก็น่ารัก บริการดีมากค่ะ
อิ่มละค่ะ ไปเดินย่อยชมวิวอีกนิดที่ ดอยหมอกดอกไม้ค่ะ และก็ได้เวลากลับที่พักเพื่อพักผ่อนค่ะ เดินทางมาทั้งวัน อากาศข้างบนนี้เย็นสบายมากค่ะ จะนอนแบบไม่ต้องเปิดแอร์ยังได้เลย หลับฝันดีนะคะ
ตื่นมาเช้าวันที่สองแล้วค่ะ วันนี้เราตื่นแต่เจ็ดโมงเช้า มาแอ๊บถ่ายรูปเก็บชากันค๊าา ที่รีสอร์ทเค้ามีพร๊อพไว้ให้ใส่ถ่ายรูปด้วยนะคะ ดีจังเลย เช้าๆแบบนี้ไม่มีคนเลยค่ะ ถ่ายรูปเล่นสบาย ประหนึ่งไร่ชาเป็นของเรา ได้ภาพสวยๆไว้อวดลงโซเชี่ยลเพียบเลยค่ะ
พอเริ่มเหนื่อยก็ได้เวลาอาหารเช้าค่ะ ทางที่พักเตรียมไว้เรียบร้อยค่ะ กินไปชมวิวไปเพลินเชียว อาหารเช้าเป็นแบบง่ายๆ ค่ะ กินเสร็จก็นั่งจิบชาร้อนๆต่อกัน รสชาตกลมกล่อมมากๆ ค่ะ ติดใจจนต้องเดินไปขอซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านเลยค่ะ
หลังจากอิ่มแล้วเราก็เช็คเอาต์เตรียมตัวเดินทางกันต่อค่ะ ทางผ่านก่อนไป เราแวะ ‘วัดพระธาตุสันติธรรม ‘ ก่อนออกจากแม่สลองค่ะ วิวยามเช้าก็ดีงามไม่แพ้ยามเย็นเลยค่ะ
จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้ เราจะไปอีกโซนเลยค่ะ นั่นคือ 'ภูชี้ฟ้า และดอยผาตั้ง'ค่ะ ต้องขับรถจากแม่สลองไปประมาณ 160 km ประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ จริงๆมีหลายเส้นทางให้เลือกไปนะคะ จะขับเข้าเมืองก่อนก็จะใกล้หน่อย แต่เราไม่เน้นไวค่ะ เราเลือกขับอ้อมไปทางสามเหลี่ยมทองคำ เชียงของ เวียงแก่นแทนค่ะ เพราะเส้นนี้ จะได้ชมวิวแม่น้ำโขงไปด้วย แถมมีที่ให้แวะเที่ยวด้วยค่ะ วันนี้เรามีเวลาเยอะค่ะ เลยขับไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ เจออะไรสวยก็แวะถ่ายรูปกัน
ขับมาสักพักก็เริ่มง่วงค่ะ เลยแวะร้านกาแฟกันก่อนเลย ร้านนี้มีชื่อว่า 'Panorama Coffee ' อยู่ที่เวียงแก่น เป็นร้านที่บรรยากาศและวิวดีมากค่ะ เพราะอยู่ติดริมแม่น้ำโขงเลย ร้านไม่ใหญ่มาก มีเครื่องดื่มและเบเกอรี่ขายค่ะ ราคาก็ไม่แพงด้วยนะคะ เรียกได้ว่าราคาหลักสิบ วิวหลักล้าน มองไปอีกฝั่งจะเป็นฝั่งลาวแล้วนะคะ นั่งชมวิวกันเพลินมากเลยค่ะ
ขับออกจากร้านมาเรื่อยๆ เราจะไปแวะเที่ยวกันที่ ‘แก่งผาใด ‘ ค่ะ ขับเข้ามาลึกพอสมควรเลยค่ะ กว่าจะถึง แถมทางไม่ค่อยดีด้วยค่ะ เป็นหลุมเป็นบ่อ ขับผ่านทุ่งนา ผ่านหมู่บ้าน สักพักก็ถึงค่ะ แต่น่าเสียดาย ช่วงที่เรามาน้ำขึ้นสูงเลยค่ะ ผาอะไรก็หายไปหมด มาถึงเจอน้องหมา 1 ตัว เป็นไกด์นำทางค่ะ น้องเชื่องมากๆเลยค่ะ บอกให้พาไปไหนก็ไป น่ารักจัง ดีนะไม่พาไปลงแม่น้ำโขง 55+ เดินเล่นถ่ายรูปแปปนึงแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ แวะเติมน้ำมันเต็มถังและหาอะไรกินลองท้องก่อนเลย
ก่อนเข้าที่พัก เราจะแวะชมพระอาทิตย์ตกกันก่อนที่ดอยผาตั้ง มาถึงก็ตอนบ่ายแก่แล้ว ไม่มีคนเลยค่ะ มีกลุ่มเด็กๆนั่งรอนักท่องเที่ยวกันอยู่ มีน้องคนนึงเดินหน้าตาน่ารักเรียบร้อยเข้ามาหาเรา ชื่อว่า น้องเสกสรร ค่ะ น้องอาสาจะพาขึ้นดอยผาตั้งค่ะ เราก็ยินดีค่ะ ไปกันเล้ยย
ให้น้องนำทางไปเลยค๊า น้องเดินได้ตัวปลิวมาก เรานี่ยังกลัวลื่นเลย ลมก็แรงมากๆ ข้างบนผาตั้งจะมีจุดให้แวะเที่ยว 4-5 จุดค่ะ เราแวะศาลาอนุสรณ์ ไหว้พระพุทธรูปและตีระฆัง ทำตามที่น้องเสกสรรบอกเลย น้องก็เล่าประวัติความเป็นมาต่างๆ ของแต่ละจุดให้ฟังค่ะ วันที่เรามา เนื่องจากฝนเพิ่งตกไปตอนเช้า เราเลยมองไม่เห็นอะไร นอกจากหมอกอันขาวโพลน เหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆเลยค่ะ เราเดินไปแค่เนิน 102 และน้องก็แนะนำว่า เนินสุดท้ายค่อนข้างไกลและหมอกลงจัด ทางเดินลื่นไม่ควรไป เราก็โอเคค่ะ เริ่มเมื่อยแล้วด้วย ก็เลยเดินกลับค่ะ ขาลงมาก็ให้ค่าขนมน้องไปด้วยค่ะ 100 บาท เด็กขยันเราต้องสนับสนุนค่ะ
หลังจากไม่มีพระอาทิตย์ให้ตก เราก็เลยขับรถมุ่งหน้าไปที่พักค่ะ เราจองที่พักผ่านทางแฟนเพจเลยค่ะ ชื่อว่า ‘ม่านฟ้าฮิลล์ ‘ คืนละ 2,000 บาทเท่านั้น อยู่ตรงทางขึ้นภูชี้ฟ้าฝั่งบ้านร่มฟ้าทองเลยค่ะ เราวิ่งไปตาม GPS ค่ะ เห็นป้ายก่อนขึ้นแล้วว่าเป็นทางขึ้นเฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น แต่ตอนนั้นคิดไม่ทันค่ะ เพราะเข้าใจว่ามีทางเดียว ขึ้นไปเกือบไม่รอด ทางโหดมากค๊าา โค้งหักศอกติดต่อกัน แถมลื่นเพราะฝนเพิ่งตกไปอีก โชคดีคนขับค่อนข้างขับเก่ง เลยรอดมาได้ พอมาถึงที่พักเค้าบอกว่าจริงๆมีทางขึ้นอีกทางค่ะ แต่ GPS ชอบพามาทางนั้นค่ะ เรามองไปอีกทาง โอ้โห คนละเรื่องเลย ทางดีเชียว แหม่ คิดซะว่าความผจญภันเริ่มขึ้นแล้ว 555+ เพราะพี่เค้าบอกว่า ทางขึ้นภูชี้ฟ้าจะมีแบบนี้อีกรอบ เอิ่ม จะดีหรอ ?
อยู่บนที่พักโชคดีมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตค่ะ เพราะบนนี้มีแต่ธรรมชาติค่ะ นั่งชมวิว ดูหมอกลอยไปมา ฟังเสียงจิ้งหรีดร้องเพลง ร้านขายของไม่มีเลยค่ะ แต่ที่พักเค้ามีอาหารมื้อเย็นให้ด้วยค่ะ รวมอยู่ในแพคเกจเลยค่ะ แถมอาหารอร่อยด้วยน๊า มีทั้งหมด 4 อย่าง เติมข้าวไม่อั้นนะคะ กินกันเกลี้ยงเลยค่ะ อิ่มอร่อยเลย ได้เวลาพักผ่อน อากาศบนนี้ก็เย็นมากค่ะ ที่พักไม่มีแอร์นะคะ เพราะใช้แอร์ธรรมชาตินี่แหละ สบายสุดแล้ว
ตื่นมาตั้งแต่ตี 5 ค่ะสำหรับเช้าวันนี้ หลังจากเมื่อคืนฝนถล่มหนักมาก เรานอนๆอยู่ยังแอบกังวลเลย ว่าทางขับขึ้นภูชี้ฟ้าจะลื่นแค่ไหน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เก็บกระเป๋ารอ แจ้งทางที่พักว่าเดี๋ยวลงจากภูชี้ฟ้าแล้วค่อยมากินมื้อเช้าค่ะ เราขับน้องสีเทาขึ้นไปแบบใจตุ๊มๆต่อมๆ จากรีสอร์ทขับไปประมาณ 1 กิโลค่ะ แต่ทางลาดชัน และโค้งหักศอกเยอะค่ะ ถ้าใครไม่ชำนาญ แนะนำว่าไปขึ้นทางวนอุทยานดีกว่าค่ะ แต่ทางนั้นจะเดินไกลหน่อย ประมาณ 750 เมตร ส่วนทางนี้เดินต่ออีก 400 เมตรค่ะ แปปเดียวก็ถึงจุดจอดรถ ไม่มีรถเลยสักคัน อาจเป็นเพราะหน้าฝน คนเลยไม่ค่อยมาเที่ยวกัน มีรถเราคันเดียว ดูวังเวงชอบกล แถมหมอกค่ะ หมอกหนามาก ตรงที่เรายืนอยู่ก็หมอกลอยรอบตัวเลย ฟินมากเลย ถึงแม้จะเดินผ่าสายหมอกมา ไม่เห็นวิวทิวทัศน์เลยก็ตาม แต่ก็มีความสุขไปอีกแบบค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ภูชี้ฟ้า ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว หมอกก็จะลอยต่ำกว่านี้ค่ะ เห็นเป็นทะเลหมอกสวยงาม ถ้าหน้าร้อนก็เห็นวิวแม่น้ำโขงและมองไปที่ฝั่งลาวได้เลยค่ะ แต่มาหน้าฝนก็ต้องลุ้นค่ะ วันนี้มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็ได้ขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์แล้วค่ะ เย็นชื่นใจมากๆ
ขาลงขับรถแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ เหยียบเบรคบ้างปล่อยไหลบ้างอย่างระมัดระวัง มาถึงที่พักทานอาหารเช้ากันก่อนกลับ เป็นข้าวผัดกุ้ง ไส้กรอก ไข่ดาว ชา กาแฟชงเองได้เลยค่ะ และแล้วก็ได้เวลาอำลาภูชี้ฟ้าค่ะ
เราเปลี่ยนทางกลับมาเป็นเส้น อ.เทิงค่ะ เพราะจะมาที่ตัวเมืองสะดวกกว่าค่ะ แต่ขับมาได้ครึ่งทาง เห็นเค้าปิดทางค่ะ ( เพิ่งมาทราบข่าวทีหลังว่ามีดินถล่มค่ะ ถนนเหลือแค่ครึ่งเดียว เลยต้องปิด) GPS เลยเปลี่ยนให้กลับทางเส้นขุนตาล ภูหลงถัง และป้ายเตือนก็มาอีกรอบค่ะ บอกว่าเส้นนี้ เฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น เราก็ใจแป้วไปนิดค่ะ เพราะเมื่อวานเจอมาแล้ว ลังเลอยู่จะถอยกลับและขับอ้อมไปยังเวียงแก่นดีมั้ย แต่ไม่ทันแล้วค่ะ คนขับมุ่งตรงไปเรียบร้อย โอเคค่ะ ลุยก็ลุย บอกเลยว่า ทางคดเคี้ยวมากๆ ถ้าดูจาก GPS ยังมึนเลยค่ะ เรานี่เกาะแน่นมาก นั่งจิกแล้วจิกอีก แบบว่าเลี้ยงโค้งหักศอก ล้อฟรีติดกันยาวๆไป ใจนี่หล่นไปที่ตาตุ่มหลายรอบเลยค่ะ บอกเลยว่าถ้าใครขับไม่แข็งไม่แนะนำนะคะ อันตรายมากๆ โชคดีที่ผ่านมาได้ พอลงมาถึงข้างล่างเท่านั้นแหละ ค่อยหายใจโล่งหน่อย เกือบไปแล้วเชียว แต่ลืมเล่าค่ะ ว่าถึงทางจะน่ากลัว แต่วิวสวยมากเลยค่ะ นึกว่าอยู่นิวซีแลนด์เลยทีเดียว
ลงมาถึงก่อนขับเข้าไปหาของกินที่อำเภอเมือง เราเลยแวะร้านกาแฟที่ริมน้ำกกกันค่ะ ชื่อว่า ‘ร้านมโนรมย์’ ค่ะ ร้านตั้งอยู่ริมนน้ำ ข้างในมีสวนกุหลาบ ร้านบรรยากาศร่มรื่นมากค่ะ ต้นไม้เขียวชอุ่ม มีมุมถ่ายรูปมากมายเช่นกัน เครื่องดื่มเค้าก็ดีนะคะ
นั่งชิลล์อยู่นี่สักพัก ก็ขับออกไปแวะซื้อของฝากที่ ร้านนันทวัน หรือที่รู้จักกันว่า ร้านก๋องค่ะ
มีของฝากให้เลือกมากมาย มีที่จอดรถ สะดวกสบายค่ะ ก่อนขึ้นเครื่องหาอะไรทานมื้อเที่ยงกันค่ะ ตอนแรกเราไปร้านบะหมี่พานโอชา แต่เสียดายร้านปิด แอบเศร้า TT สรุปเลยไปแวะเติมน้ำมันเต็มถัง และกินมื้อเที่ยงที่สนามบินเชียงรายแทนค่ะ
จบลงไปเรียบร้อยนะคะกับทริปเชียงราย 3 วัน 2 คืน เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจมากค่ะ การมาเที่ยวหน้าฝน ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด และก็ให้ความรู้สึกของการท่องเที่ยวที่แตกต่างไปอีกแบบนะคะ ได้เห็นความเขียวขจีของพืชพรรณ ไอหมอกที่ปกคลุมไปทั่วทุกเส้นทางที่ไป และอากาศที่สดชื่นเย็นสบาย ไว้รอบหน้าจะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ อย่าลืมติดตามกันอีกน๊าาา
Give a heart and share this trip to express your appreciation