เดินทางจากภูเก็ต-ฮ่องกงด้วยสายการบิน HK Express ถึงสนามบินฮ่องกงเวลาประมาณ 05.00 น. ระหว่างรอรถไฟ Airport Express เปิดเวลา 05.50 น. นั้นได้นอนรอเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางท่องเที่ยวต่อ (หากจองตั๋วรถไฟผ่าน Klook จะต้องรอเคาท์เตอร์เปิด เวลา 07.00 น. ราคาจะถูกกว่าซื้อผ่านตู้และเคาท์เตอร์ของ Airport Expressโดยตรง) หลังจากสถานีรถไฟเปิดได้เดินทางต่อไปยังที่พักแถว Mong Kok กินติ่มซำที่ร้าน One Dim Sum ภายในร้านจะมีพนักงานไว้คอยบริการค่อนข้างมาก อาหารรสชาติอร่อย ที่สำคัญมีเมนูภาษาไทยด้วย อาจเป็นเพราะคนไทยนิยมเดินทางมารับประทานที่นี่เป็นจำนวนมาก เมื่ออิ่มท้องก็เดินทางไปถ่ายรูปที่ตึก Yick Fat Building ซึ่งบรรยากาศขณะถ่ายรูปได้มีฝนตกโปรยปราย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ทำให้ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง จากนั้นเดินทางต่อชิวๆ ณ Hollywood Road มีรูป Street Art คล้ายๆ กับย่านเมืองเก่าของภูเก็ตในประเทศไทย แวะไหว้พระที่ Man Mo Temple มีนักท่องเที่ยวทั้งไทย จีน ฝรั่ง เข้าไปสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางต่อได้แวะชิมทาร์ตไข่ที่ Tai Cheong Bakery ซึ่งเป็นร้านที่เหล่านักเดินทางที่ผ่านมาต้องเข้ามาชิม ก่อนจะเดินทางกลับไปช้อปปิ้งที่ย่าน Tsim Sha Tsui และซื้อฮ่องกงวาฟเฟิลจากร้าน Mammy Pancake ความอร่อยเหมาะสมกับที่ได้รางวัล Michelin Street Food 3 ปีซ้อน ก่อนจะไปดู Symphony of Light ริมน้ำก่อนกลับเข้าที่พัก
การเดินทางจากที่พักไปยังดิสนี่แลนด์สามารถทำได้ง่ายด้วยการใช้รถไฟ MTR ซึ่งสามารถเดินทางไปลงยังสถานีดิสนี่แลนด์ได้โดยตรง ดิสนี่แลนด์เป็นเมืองมหัศจรรย์ที่ใฝ่ฝันของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในตัวการ์ตูนของดิสนี่ เมื่อนักเดินทางเข้ามาแล้วเปรียบเสมือนอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายในการ์ตูนก็ว่าได้ ภายในสวนสนุกนอกจากจะมีเครื่องเล่นต่างๆ รวมั้งเครื่องเล่น Antman and the Wasp ซึ่งพึ่งเปิดใหม่เมื่อต้นเดือน เป็นการนั่งรถแล้วยิงศัตรูด้วยปืนเลเซอร์ (สนุกมาก มีการเก็บคะแนนแข่งกันได้ด้วย) แล้ว ยังมีขบวนพาเรดของตัวการ์ตูนดิสนี่ 2 รอบ โดยรอบแรกจัดขึ้นเวลา 14.45 น. รอบสองเวลา 20.30 น. บังเอิญวันนั้นได้ดูแค่ช่วงแรก เพราะช่วงที่สองทางสวนสนุกได้ยกเลิกขบวนพาเรดเนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย อีกทั้งยังมีร้านค้าขายของต่างๆ ให้เลือกช้อปมากมายทั้งของที่ระลึก ร้านขายขนมในรูปตัวการ์ตูนต่างๆ เช่น มิกกี้เม้าส์ และร้านอาหารมากมายเข้ากับโซนต่างๆ ให้เลือกสรร ซึ่งภาพบรรยากาศที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทางภายในสวนสนุกก็สามารถจดจำด้วยการบันทึกเป็นภาพเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ครั้งหนึ่งได้เดินทางเข้ามาตะลุยในแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ หากมีโอกาสก็จะกลับมาท่องเที่ยวที่นี่อีกแน่นอน
แหล่งท่องเที่ยวของบรรดานักเดินทางสายบุญเดินทางไปยังวัดแชกุงหมิวหรือวัดกังหัน ซึ่งเป็นวัดที่คนไทยนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมากับทัวร์ก็จะมีไกด์เป็นคนแนะนำการไหว้ว่าต้องไหว้ที่ตรงไหนก่อน-หลัง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาด้วยตนเองก็จะมีป้ายแนะนำการไหว้ไว้ให้ เมื่อสักการะบูชา ขอพร ทำบุญเสร็จ ก็จะมีร้านค้าเล็กๆ ขายพวกวัตถุมงคลให้แก่นักท่องเที่ยวที่อยากนำกลับไปสักการะ เช่น สร้อยกังหัน, พวงกุญแจกังกัน, กังหันตั้งโต๊ะ เป็นต้น แม่ค้าสามารถพูดสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ หลังจากนั้นเดินทางต่อด้วยรถไฟไปยังวัดหวังต้าเซียนหรือวัดด้ายแดงที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้ามาสักการะบูชา ในเรื่องของความรัก ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนโสดทั้งหลาย เชื่อไม่เชื่อก็ต้องมาลองดูกันนะ ซึ่งจะมีวิธีการผูกด้ายแดงเพื่อขอพรไว้ ที่บริเวณด้านนอกวัดหวังต้าเซียนจะมีการขายวัตถุมงคงทั้งสร้อยข้อมือ ด้ายแดง ปี่เซียะ กังหัน เรียกได้ว่าครบทุกอย่างที่คนอยากจะซื้อในราคาที่ถูกกว่าบริเวณวัดกังหันเสียอีก แต่จะเป็นของแท้หรือไม่นี่ต้องลองดูกันเอง เมื่อทำบุญเสร็จก็เดินทางขึ้นรถไฟกลับไปเดินช้อปรองเท้าต่อที่ Mong Kok แวะชิมชาไข่มุกที่มีกลิ่นหอมน้ำตาลจากร้าน The Alley ที่มีวิธีการแนะนำการดื่มคือ ดูด 1 ครั้ง แล้วคน 9 ครั้ง ทุกขั้นตอนของการชงชาไข่มุกจะมีการตวงหรือชั่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำชา หรือไข่มุกก็ตามเพื่อให้ได้สัดส่วนที่เท่ากันและรสชาติที่ลงตัว ก่อนที่จะนั่งรถไฟ Airport Express ไปยังสนามบินเพื่อเดินดูสินค้าที่ Duty Free ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ