ช่วงเริ่มต้นของวันที่ได้ทำงาน ได้เรียนอย่างหนัก บางครั้งพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว เหมือนเวลาผ่านไปเร็วจนเราแทบไม่รู้สึกอะไรเลย วาฬเลยอยากมีเวลาพักให้ตัวเองบ้าง กินอะไรตามใจปาก เดินเที่ยวชิลล์ ๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยใจ จึงชวนเพื่อนสาวพกกล้องออกลุยเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์กับ 3 ท่าน้ำสุดฮอตให้ครบรสทั้งกิน ชม ชิลล์ ที่ท่าพระจันทร์-ท่ามหาราช-ท่าเตียน เพราะแต่ละท่านั้นชุกชุมไปด้วยของดี ของเด็ด ทั้งกลิ่นอายความเก่าแก่วินเทจและความร่วมสมัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่สำคัญ...ถิ่นวาฬค่ะ!


1เติมแรงที่โรตีมะตะบะท่าพระจันทร์
เมื่อได้กาจุดหมายแรกที่ท่าพระจันทร์ ก็โบกเรือธงส้มนั่งรับลมแล่นมาลงที่ท่าพระจันทร์กันเลยค่ะ จุดเช็กอินแรกคือ โรตีมะตะบะท่าพระจันทร์ ร้านเด็ดท่าพระจันทร์อันเก่าแก่ยาวนานหลายสิบปี ร้านอยู่เกือบติดริมน้ำขนาบข้างกับท่าเรือ เมื่อเข้าร้านมาอาจงง ๆ ด้วยบรรยากาศชั้นหนึ่งที่ร้างไร้ผู้คนและร้อนจนตับแล่บ ให้เดินขึ้นมาบนชั้นสองเลยค่ะ ที่นั่งห้องแอร์เย็นฉ่ำ เมนูเด็ดแน่นอนว่าต้องเป็น “มะตะบะไก่” ( 40 บาท) , “เปาะเปี๊ยะฮ่องเต้ไส้รวม” (80 บาท) และ “โรตีกล้วย” (40 บาท) และ “ขนมปังหน้าหมู” (30 บาท) ขนมปังกรอบ ๆ กับเนื้อหมูรสเค็ม ที่ร้านยังมีเมนูทั้งกินเล่นกินจริงทั้ง กับข้าว อาหารตามสั่ง ส้มตำ ยำรสแซ่บอีกด้วยนะ อิ่มครบจบที่เดียว ขวัญใจชาวท่าพระจันทร์เลยล่ะ




2หนีร้อนมาพึ่งหมอดูดวงที่ท่าพระจันทร์
อยู่ ๆ อาการขนลุกซู่ก็เกิดขึ้นทันพลันด้วยอะไรบางอย่าง…น่าจะเป็นเพราะเพิ่งออกจากห้องแอร์มาจากอากาศร้อนทันควัน แต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อค่ะ ขณะที่กำลังเดินผ่านท่าเรือเพื่อไปยังท่าน้ำต่อไป สายตาของเพื่อนสาวดันไปเจอกับร้านดูดวงแห่งหนึ่ง เหมือนมีอะไรดึงดูดให้นางเข้าร้านไปพบหมอดูดวง และแล้วคำถามกับความสงสัยก็พรั่งพรูออกมาเชียวค่ะ

ไม่นานนักหลังจากการชิตแชตของหมอดูและเพื่อนได้จบลง บางคำถามก็มีคำตอบ บางคำตอบยิ่งเพิ่มคำถาม แต่บางทีคำถามก็ตอบได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่หมอดูฝีมือดีที่ไหนหรอกค่ะ เพราะมีแค่เราเท่านั้นแหละที่รู้จักตัวเองดีที่สุด ชะตาฟ้ากำหนดไม่สู้เรากำหนดเอง (แต่บางทีก็พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา...) วาฬเชื่อแบบนี้ :)

3 เติมน้ำตาลให้ร่างกายสดชื่นที่ Elmar Offwhite ท่ามหาราช
อากาศร้อนแสนร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ๆ เชียว แบบนี้เลยต้องขอพักเติมของหวาน เพิ่มน้ำตาลในเส้นเลือดยังท่าน้ำต่อไปที่ท่ามหาราช เพียงแค่เดินเท้ามาจากท่าพระจันทร์ก็ถึงแล้วค่ะ ร้านนี้ก็คือ Elmar Offwhite ร้านบิงซูน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะสไตล์เกาหลีกับสูตรลับเฉพาะที่ทางร้านคิดค้นขึ้นเอง บรรยากาศภายในร้านดีงามสะพานพุทธด้วยโทนสีขาวสะอาดตา พร้อมโซฟานั่งสบาย ๆ จึงสั่ง “Canary Mango” (ไซส์ S 195 บาท) เกล็ดหิมะละเอียดนุ่มลิ้น ที่สำคัญหวานน้อยค่ะ จะกินเปล่า ๆ ก็พอมีรสหวานให้ชื่นใจ หรือจะเทท็อปปิงเพิ่มก็ได้ มีทั้งหมด 3 อย่าง คือ คอร์นเฟลกซ์ นมข้นหวานและถั่วแดงบด และ “Rose Soda” (85 บาท) ซาบซ่ากลิ่นหอมกุหลาบเบาบาง สดชื่นมากมาย แก้วนี้มีคะแนนเต็มสิบ วาฬก็จะให้ร้อยไปเลยค่า!


4ปราบท้องให้สงบที่ท่าเตียนในร้านอาหารเวียดนาม Tonkin Annam
กว่าฝ่าฟันคลื่นน้ำและแสงแดดอันแรงกล้ามาถึงท่าเตียนได้ เล่นเอาบิงซูร้านที่แล้วละลายหายไปหมดเลยค่ะ ก็แหม่...เดินเที่ยวมาค่อนวันได้กินแต่ของจุกจิก มื้อต่อไปของหนักท้องขึ้นมาหน่อย ที่ร้านต้องกินอันนั้น เอ้ย! ร้าน Tonkin Annam (ตงกิน อันนัม) ร้านอาหารเวียดนามฉบับดั้งเดิมที่เน้นไปที่อาหารเวียดนามภาคเหนือและภาคกลาง โดยสูตรของที่ร้านมาจากต้นตระกูลเชื้อสายเวียดนามของเจ้าของร้านค่ะ

มีเมนูเด็ดประจำร้านคือ “แหนมเนือง” (250 บาท) ความพิเศษอยู่ที่แป้งห่อไม่ต้องแช่น้ำก่อน สามารถกินแป้งแห้งได้เลยค่ะ! แป้งจะกรอบละลายในปาก ส่วนเนื้อหมูนี่ก็ฉ่ำมาก ๆ ปรุงรสกลมกล่อมสุด แถมด้วยผักนานาชนิดและน้ำจิ้มรสเลิศ ส่วนอีกเมนูแปลกที่ไม่คอยกินมาก่อนคือ “บั๋นห์แบ่ว” (180 บาท) โดยจะหยอดแป้งเนื้อหนึบลงในถ้วยเล็ก โรยหน้าด้วยหมูผัดน้ำมันต้นหอมกับแคบหมู ราดน้ำจิ้มหวาน เป็นเมนูที่ให้รสสัมผัสใหม่มากเลยค่ะ นอกจากนี้ยังจัด “เปาะเปี๊ยะสดกุ้งและหมู” (130 บาท) กับ “เฝอไก่” (150 บาท) รสกลมกล่อมชวนเบิลจริง ๆ เล่นเอาอิ่มท้องอยู่หมัดก็มื้อนี้แหละ


5เที่ยวชมแบบคนฮิปที่มิวเซียมสยาม
ขอมาเดินย่อยกันต่อที่ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ร่วมสมัยที่นำเสนอศิลปะ วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ผ่านสื่อ Media และงานศิลปะต่าง ๆ เกิดเป็นประสบการณ์ใหม่ของการเข้าพิพิธภัณฑ์เลยล่ะ โดยภายในจะมี นิทรรศการถาวร ที่จะเล่าถึงต้นกำเนิดของดินแดนสุวรรณภูมิ สยามประเทศ จนถึงยุคสมัยปัจจุบัน, นิทรรศการหมนุเวียน เป็นเรื่องราวหลากหลายที่ควรค่าแก่การเสพศิลป์ ทั้งด้านวิชาการ ศิลปะ การเมือง สังคม รวมถึงด้านอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และกิจกรรมเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อการเรียนรู้แต่สอดแทรกความสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยม เรียกได้ว่าสายศิลป์ สายเสพ สายชมหรือสายชิลล์หากได้มาที่ มิวเซียมสยาม เป็นต้องเต็มอิ่มทุกย่างก้าวเลยค่ะ
*ค่าเข้าชมนักเรียนนักศึกษาราคา 50 บาท, ผู้ใหญ่คนไทยราคา 100 บาท, ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติราคา 200 บาท


6กินข้าวเย็น ชมพระอาทิตย์ลาลับฟ้าที่ Supanniga Eating Room X Roots Coffee
การเที่ยวในพิพิธภัณฑ์นี่ก็ทำให้ท้องเริ่มเบาขึ้นมาใช่เล่นนะคะเนี่ย เลยเดินเท้ามากินมื้อเย็นที่ร้านน่านั่งบรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ Supanniga Eating Room X Roots Coffee ร้านอาหารไทยริมน้ำวิวสวยงามมื้อเย็นนี้จัดเต็มทั้ง “ย้ำถั่วพลูกุ้งสด” (190 บาท) รสยำแบบผู้ดี แซ่บนิด นัวหน่อย, “หมูชะมวง” (240 บาท) จานนี้จัดว่าเด็ด ได้รสหวานตัดกับรสเปรี้ยวเล็กน้อยจากใบชะมวง เนื้อหมูก็นุ่มลิ้น จานนี้กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ดีงามเลยค่ะ, “น้ำพริกไข่ปู” (240 บาท) เผ็ด มัน ตามด้วยเปรี้ยว กินกับผักสดเบรกความเผ็ดได้ดี วาฬขอปิดมื้อเย็นด้วย “กะหล่ำปลีทอดซีอิ๊ว” (170 บาท) ผักกะหล่ำหวานตัดกับซีอิ๊วเค็ม ๆ ได้ดีเลยล่ะจานนี้


นอกจากจะได้ซี้ดปากกับอาหารไทยรสจัดจ้านแล้วที่ร้าน Supanniga Eating Room X Roots Coffee ยังมีความพิเศษตรงที่เป็นการ X กันระหว่างร้านอาหารไทยต้นตำรับกับร้านกาแฟชื่อดัง กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ทั้งอิ่มท้อง และได้นั่งชิลล์จิบเครื่องดีเลิศ ๆ ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นที่กำลังลาท้องฟ้าสีครามลงแม่น้ำสีทอง ได้ทอดสายตามองตามเรือยาวที่ล่องฝ่ากระแทกคลื่นน้ำมันช่างเพลิดเพลินและสุขใจเสียจริง

วันนี้ทั้งวันจะว่าเหนื่อยก็เหนื่อยหลาย จะว่าสุขก็สุขมาก เพราะได้มาเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เที่ยวท่าน้ำ 3 ท่าที่ท่าพระจันทร์-ท่ามหาราช-ท่าเตียน ทั้งกิน ชม ชิลล์ ฟิน ครบทุกความสุขที่มนุษย์เงินเดือนจะมีได้ภายในหนึ่งวันสั้น ๆ แค่นี้ก็มีพลังเต็มเปี่ยมไว้รับมือทุกบอสใหญ่แล้ว :D