เมื่อหลายวันก่อนแซนด์ต้องไปทำธุระย่านสุขุมวิทหลายแห่งเลยค่ะ เดินทางไปตรงนี้ที ตรงนั้นที แล้วก็มาคิดได้ว่า ย่านสุขุมวิทนี่มัน Japanese Town แบบย่อม ๆ เลยนี่นา เดินไปทางไหนก็เจอแต่ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่น หรือกระทั่งร้านขายของ Imported จากญี่ปุ่น (แจมด้วยหนุ่มออฟฟิศชาวญี่ปุ่นชวนกร๊าวใจ!) จนรู้สึกว่าต้องหาวันมาตะลอนทัวร์ย่านสุขุมวิทแบบ One Day Trip สักวันให้ได้!

เคลียร์งานเรียบร้อย ก็ได้เวลาเที่ยวสไตล์ญี่ปุ่นตามแผนการค่ะ! ลองพักสายตาจาก Laptop ตรงหน้า ออกไปสูดอากาศดี ๆ แล้วใช้ชีวิตแบบ Nippon Style กันดีกว่าค่ะ ทุกคน! แต่จะเที่ยวคนเดียวก็เหงาไปหน่อย วันนี้แซนด์ขอพาหนุ่ม Nippon Boy คนดี มาเป็นนายแบบประจำทริปด้วยเลยแล้วกันค่ะ : )

เช้านี้อากาศค่อนข้างดี แดดไม่แรงมาก ใครที่ยังไม่ตื่นดี แซนด์ขอลากมาออกกำลังกายรับวิตามินยามเช้าไปด้วยกันที่ “Bangkok Batting Cages” สนามฝึกซ้อมเบสบอล ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ค่ะ สนามของที่นี่จะเหมาะสำหรับฝึกซ้อมเดี่ยว ๆ ค่ะ แค่หยอดเหรียญ เครื่องก็จะยิงลูกมาจากอีกฟากของสนามให้เสร็จสรรพ โดยที่เราสามารถเลือกได้ว่าอยากได้ความเร็วเท่าไหร่ ในราคาเพียง 25 ลูก 100 บาท เท่านั้น!

ออกแรงกันจนกระเพาะเริ่มร้อง ก็ได้เวลาของการตะลุยกินค่ะ เริ่มจากร้าน “Ramen Misawa” ร้านราเมงต้นตำรับจากโอซาก้า กับเมนูแนะนำของที่ร้าน “Japanese Wagyu Shabu Ramen” (235.-) ราเมงซุปกระดูกไก่ที่ถูกเคี่ยวอย่างพิถีพิถันจนได้รสชาติสุดเข้มข้น สำหรับเมนูนี้ ทางร้านจะวางเนื้อวากิวมาแบบดิบ ๆ แล้วค่อยนำมาเบิร์นไฟตรงหน้าเลยค่ะ นอกจากจะหอมเกินบรรยายแล้ว สัมผัสของเนื้อวากิวยังนุ่มละมุนสุด ๆ ซดพร้อมน้ำซุปก็ยิ่งกลมกล่อมได้ใจ แนะนำว่าไม่ควรพลาดเลย!

แค่เมนูแรกก็ติดใจเสียแล้ว ขอต่ออีกสักเมนูเลยแล้วกัน “Misawa Tsukemen” (195.-) เมนูทสึเคเมงที่ใครลองก็ต้องหลงรัก จุดเด่นของทสึเคเมง คือน้ำซุปรสเช้มข้นที่เสิร์ฟมาแยกกับเส้นหนานุ่ม วิธีกินคือ ให้ค่อย ๆ คีบเส้นแล้วจุ่มลงในน้ำซุปทีละนิด ลิ้มลองความกลมกล่อมฉบับชาวโอซาก้ากันทีละน้อย แต่รับรองว่าติดใจแน่นอน!


กินจนอยู่ท้อง ก็ต้องต่อด้วยของหวานสักหน่อย พูดถึงของหวานย่านสุขุมวิทแล้ว จะไม่พูดถึงร้าน “Custard Nakamura” ร้านเบเกอรีสไตล์ญี่ปุ่นไปก็คงไม่ได้ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อสุด ๆ ในเรื่องของขนมโฮมเมดที่รสชาติไม่ต่างจากการตีตั๋วไปกินที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ เมนูที่แซนด์มาซื้อบ่อย ๆ ก็ต้อง “Melon Bun” (22.-) ขนมปังกลิ่นเมลอนอบร้อน และเมนู Signature ของทางร้าน “Custard Pudding” (48.-) พุดดิงเนื้อเนียนนุ่ม กับความหอมของซอสคาราเมลที่กินเท่าไรก็ไม่เคยพอ



กินกันไปสองร้านแล้ว จู่ ๆ คุณนิปปอนบอยก็งอแงขึ้นมาว่า ‘มาทัวร์สไตล์ญี่ปุ่นทั้งที จะไม่มีร้านซูชิไม่ได้’ เอ้า! ก็ถูกของเขานะคะ งั้นแพลนต่อไป เอาเป็นร้าน “Masu” ร้านซูชิเล็ก ๆ ในซอยสุขุมวิท 39 แล้วกันค่ะ เมนูของที่ร้านนี้จะเน้นเป็นมากิที่ตกแต่งอย่างอลังการ (หัวเราะ) เริ่มจากออร์เดิร์ฟเบา ๆ “Assorted Usuzukuri” (490.-) เมนูปลาดิบรวมแล่บางราดด้วยน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล

“Chill Out Maki” (320.-) มากิที่ทำจากปลาทูน่าและปลาฮามาจิ ห่อด้วยแตงกวาแล่บาง ราดน้ำพอนสึปิดท้ายเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวเจือด้วยความเค็มบาง ๆ สดชื่นสมชื่อชิลล์เอาต์ ต่อด้วย “Masu Maki” (310.-) เมนู Signature ของทางร้าน มากิฟิวชั่นจากปลาทูน่า ฮามาจิ และอูนางิ ที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวหวานของซอสพริก และความเผ็ดเล็ก ๆ ของวาซาบิมาโย


ซัดอาหารญี่ปุ่นกันจนอิ่มแล้ว ก็อย่าลืมเดินเล่นให้อาหารย่อยกันที่ “Eco Ring Thailand” ร้านขายของนำเข้าจากญี่ปุ่นที่มีมากถึง 4 สาขาในไทย ภายในร้านจะขายของจำพวกเซรามิก เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า และกระเป๋า ซึ่งต่างก็มีทั้งของมือหนึ่งและมือสองที่น่าสนใจมากมายเลยค่ะ มาทีไรก็ได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านทู้กกที!


ช็อปปิงจนพอใจ ก็ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ ถึงจะตะลอนทัวร์ทั่วสุขุมวิทก็ไม่เหนื่อยเลย เพราะมีนิปปอนบอย ที่แปลงร่างเป็นสารถีประจำตัว พานั่ง All new Honda Super Cub 2018 รถจักยานยนต์สไตล์เรโทร ที่เห็นเมื่อไร ก็นึกย้อนไปถึงตอนเด็ก ๆ ทุกที เป็นรูปทรงที่คลาสสิกเหนือกาลเวลาจริง ๆ ค่ะ ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังรู้ว่าทรงนี้แหละเท่มากกก~ วินาทีที่ได้เห็นคุณสารถีจำเป็นขับคันนี้มารับ ในใจนี่คิดแค่ว่า “เจอกันจนได้นะคับ Finally ,Here I Come” คับไหน? ก็ Super Cub 2018 นี่แหละค่ะ เท่กว่านิปปอนบอยที่ขับมาอีก!

