จังหวัดนครราชสีมาหรือโคราช ประตูสู่แดนอีสานที่สถานที่เที่ยวเพียบ ทริปนี้พวกเรา Wongnai Travel ก็ชวนเดินทางมาเที่ยวแบบชิลล์ ๆ สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอดในหน้าฝน พากินอาหารบรรยากาศดี ๆ ทั้งที่พักสบาย กับกิจกรรมให้ทำเต็มไปหมดแบบไม่กลัวฝน พร้อมหรือยังครับ ตามมาเลย!
DAY 1
1อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
นั่นแหละครับ! มาถึงเมืองนครราชสีมาหรือโคราชทั้งทีจะไม่มาไหว้ ย่าโม “ท้าวสุรนารี” วีรสตรีของไทยได้อย่างไร เรามาไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่การเดินทางในครั้งนี้ โดยเส้นรอบ "อนุสาวรีย์ย่าโม" ยังคือเมืองเก่าของโคราชและยังเป็นถนนสายเก่าแก่และเป็นถนนเส้นหลักของเมืองที่คึกคัก มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านของฝาก ติดไม้ติดมือกันได้ด้วยครับ


2Yellow Pumpkin
หลังจากการสักการะย่าโม เพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว มาหาคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายสักหน่อยเพื่อปลุกความง่วงของการเดินทางออกจากเมืองหลวงแต่เช้าตรู่ ร้าน "Yellow Pumpkin" ถือว่าเป็น Hidden Place อย่างแท้จริงตั้งอยู่ตรงตรอก สำราญจิตร ที่คนพื้นที่เรียกว่าตรอกปลาทู แนะนำว่าต้องสังเกตดี ๆ นะครับ ภายในตกแต่งเรียบง่ายดูอบอุ่น มีเมนูขึ้นชื่ออย่าง Yellow Pumpkin Cheese Cake (95 บาท) รสชาติไม่หวานเกินไป กินง่าย ผิวสัมผัสเนียนนุ่ม ละลายในปากเลยทีเดียว แถมถ้ากินคู่กันกับ Matcha Latte (60 บาท) ที่รสชาติเข้มข้นก็ยิ่งขับกันให้ฟินยิ่งขึ้น ขอบอก!




3ผาเก็บตะวัน
เราเดินทางออกจากตัวเมืองโคราช ยิงตรงเข้าสู่วังน้ำเขียวที่เป็นจุด Checkpoint ของเราที่ต่อไปอย่าง "ผาเก็บตะวัน" ที่เป็นจุดชมวิวขึ้นชื่อของวังน้ำเขียวตั้งใจว่าจะมาชมพระอาทิตย์ตกบริเวณนี้ กลับฝนตกจ้า แต่บอกเลยว่าถึงฝนตกเราก็เห็นจุดชมวิวที่สวยงามไปอีกแบบ ที่เห็นหมอกไอฝนวิ่งผ่านทิวเขา สวยงามประทับใจดี

4โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว
ก่อนเข้าที่พักเราก็ยังแวะคาเฟ่บรรยากาศหลักล้านอีกหนึ่งที่ นั่นก็คือ “โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” ดื่มกาแฟท่ามกลางบรรยากาศฝนตกพรำ ๆ บอกเลยฟินสุด ๆ โดยเราเลือกเมนูอย่าง Latte (60 บาท) กับ Double Tea Milk (70 บาท) รสชาติกลมกล่อมแถมสีสันสวยงามอีกด้วย



5Coolliving Farmhouse
“Coolliving Farmhouse” พอเราเลี้ยวรถเข้ามาถึงพระเอก นางเอก น้องไมโล น้องน้ำค้าง น้องชมพู่ สุนัขประจำฟาร์มก็วิ่งเข้าต้อนรับกันอย่างเต็มที่ โดยที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้เข้าพักให้ได้ทำหลากหลายอย่างทั้งการปลูกผักออร์แกนิกอย่าง กรีนโอก เรดโอก ผักคอส และอื่น ๆ อีกเพียบที่เราสามารถเก็บมาทำกินได้เลย ผักออร์แกนิกของสวนนี้ก็ยังส่งไปขายถึงร้านอาหารใน กทม. อีก นอกจากผักที่ปลอดสารพิษสุด ๆ แล้วก็ยังมีของอย่าง ครีมบำรุงผิว ลิปสติก สเปรย์ดับกลิ่น ที่ล้วนทำจากของในฟาร์มที่ปราศจากสารพิษ 100% แน่นอน



นอกจากนั้นก็ยังมีเก็บเสาวรสที่สวน ที่นำมาทำทั้งไอศกรีมหรือแยมก็ฟินทั้งคู่ หรือการหยอดเมล็กผักโดยมีทริกการหยอดด้านก้นของเมล็ดลงในช่องปลูกเพื่อช่วยให้โตได้ง่าย ทั้งเก็บไข่จากน้องไก่ก้นอวบ ๆ เพื่อนำมาทำกินในอาหารวันมื้อนี้



ยังมีส่วนของคาเฟ่อีกที่แนะนำแต่บอกไว้ก่อนนะต้องจองล่วงหน้าเนื่องจากส่วนประกอบของเมนูเป็นของออร์แกนิกล้วน ๆ บางทีอาจจะยังมีไม่พอบริการ และมื้อนี้ก็ยังได้กินผักสด ๆ ที่เก็บมากันเองโดยมีเมนูให้กินเพียบทั้ง “ชุดน้ำพริกหนุ่มหมูสับ” (250 บาท) ชุดใหญ่ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ต้มที่เราเก็บมาเองก่อนหน้านี้คู่กับผักสดผักลวกในฟาร์ม บอกเลบว่าผักของที่นี่กรอบมากกก “ผัดผักคอส” (120 บาท) “ผัดกะหล่ำปลีที่มีตามฤดูกาล” (120 บาท) หรือของหากินยากอย่าง “แกงเปรอะ” (150 บาท) ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์กินคู่กับข้าวสวยแล้วเจริญอาหารจริง ๆ ตบด้วยไอศกรีมเสาวรสที่เราเพิ่งเก็บมาเมื่อกี้ (อีกแล้ว) แถมยังได้ทำเองเรียกได้ว่าทำไปชิมไปเลยทีเดียว จบมื้อนี้แบบสุขภาพดีหนังท้องตึง เปรมจริง ๆ




ที่พักของที่ Cooling Farmhouse มีสองแบบทั้งแบบบ้านหลังเดี่ยว ที่มีอยู่ 6 หลังราคาเริ่มต้น 3,600 บาท กับแบบห้องที่มี 5 ห้อง ราคาเริ่มต้น 1,900 บาท เหมาะกับการมาทำกิจกรรมและพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ทุกวัน แต่บอกก่อนนะครับว่าที่นี่ไม่มี Wifi เพราะอยากให้แขกที่เข้ามาพักได้มาพักผ่อนอย่างแท้จริง



DAY 2
6The Birder's Lodge
หลังจากได้หลับเต็มตานอนเต็มอิ่มในฟาร์มสเตย์ในคืนเมื่อวาน เช้ารับอรุณรุ่งวันนี้เราเดินทางเข้ามาสู่ “The Bider’s Lodge” ร้านบรรยากาศร่มรื่นกลางเขาใหญ่ ตกแต่งแบบบ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางป่าใหญ่ เป็นร้านคาเฟ่ที่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารในแบบฟิวชัน ไทย-ยุโรป มุมสวย ๆ ในร้านเยอะมากเราเลยถ่ายรูปอวดเพื่อนซักหน่อย มีเมนูเด็ดอย่าง “ซี่โครงหมูตุ๋นซอสบาร์บีคิว” (285 บาท) ถูกตุ๋นมาจนเปื่อยแบบเอาส้อมจิ้มก็หลุดแล้ว นุ่มสุด ๆ ต่อกันที่ “Pepperoni Pizza” (350 บาท) แป้งบางกรอบรสชาติดั้งเดิม ต่อด้วยเค้ก “Premium Daily Gelato” (55 บาท) “Pender & Young Coconut Cake” (55 บาท) เหมาะจะกินคู่กับเครื่องดื่มดี ๆ “Orange Firecracker” (95 บาท) “Thai Tea Affogato” (95 บาท) ที่ถูกจัดวางมาอย่างสวยงาม แต่รสชาติก็ดีไม่แพ้กัน




7PB Valley
แวะกันต่อเลยที่ PB Valley มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการชมองุ่น ชิมไวน์ กินอาหารมื้อเย็น แบบสำราญใจ PB Valley ถูกตั้งอยู่ในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ถูกล้อมรอบด้วยหุบเขาที่มีสภาพบรรยากาศเหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่น มีกิจกรรมชมองุ่น (ผู้ใหญ่ 320 บาท, เด็ก 250 บาท) ที่เราได้สัมผัสกับไร่เขียวบรรยากาศเย็นสบายอย่างใกล้ชิดพื้นที่ของการปลูกไร่องุ่นมีกว่า 250 ไร่ใช้ทำไวน์และอีก 50 ไร่เป็นองุ่นสำหรับกิน นอกจากนั้นในพื้นที่ก็ยังมีการปลูกพืชอื่น ๆ อีกอย่าง มะเขือเทศ เมลอน อโวคาโด โดยองุ่นทำไวน์ของไร่จะมีลักษณะลูกเล็กน้ำเยอะ เปลือกหนา ที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการทำไวน์


โรงกลั่นไวน์เขาใหญ่ไวน์เนรี ถูกก่อตั้งในปี คศ.1989 ทั้งยังเป็นโรงบ่มไวน์ที่ใหญ่สุดในอาเซียนตลอดการเยี่ยมชมจะมีวิทยากรมาดูแลคอยให้คำอธิบายอย่างใกล้ชิดเรียกได้ว่าให้ความรู้เรื่องไวน์กันเต็มที่ ถังบ่มไวน์ของที่ไร่จะมีทั้งถังจากฝรั่งเศสกับอเมริกา ทั้งสองถังจะให้คาแรกเตอร์กลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกัน

และแล้วจุดชิมไวน์ที่เฝ้ารอก็มาถึง มีไวน์ขึ้นชื่อของไร่ให้เราได้ชิม ทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว หรือหากคนที่ไม่ดื่มไวน์ก็ยังมีน้ำองุ่นให้เราได้ลองด้วย มีทริกหลัก ๆ คือการ ดู ดม อม กลืน เพื่อให้เราเข้าใจถึงเอกลักษณ์ของไวน์ตัวนั้น ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


ที่นี่ก็มีห้องอาหาร The Great Hornbill สุดหรู บรรยากาศดี มีเมนูเด็ดอย่าง “เมี่ยงใบองุ่น” (200++ บาท) ที่โดดเด่นด้วยการใช้ใบองุ่นจากไร่ที่มีรสชาติเปรี้ยวฝาด กินผสมกับเครื่องเคียงเมี่ยงเข้ากันเป็นอย่างดี “ลาบปลาตะเพียน” (420++ บาท) ทอดมาอย่างดี รสชาติจัดจ้าน มีเกล็ดช่วยสร้างเทกซ์เจอร์ กรุบ ๆ เพลินดี หรือ “ไก่แอฟริกัน” (480 ++ บาท) เนื้อแน่นกลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับซอสพริกกะเหรี่ยงเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ



8อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ที่เที่ยวอมตะแบบถ้ามาเที่ยวโคราชก็ต้องแวะมาทุกที เพราะมาทีกี่ทีก็ยังรู้สึกดี ๆ เสมอ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ที่พื้นที่กว้างครอบคลุมไปถึง 4 จังหวัดทั้งสระบุรี โคราช ปราจีนบุรี นครนายก มารอบนี้ฝนตกปรอย ๆ อากาศเย็นสบาย สดชื่นรีเฟรชพลังการทำงานให้กลับมาเต็มอีกครั้ง!


MAP 2 วัน 1 คืน เที่ยวธรรมชาติรอบโคราช

สรุปค่าใช้จ่าย 2 วัน 1 คืน เที่ยวธรรมชาติรอบโคราช
ค่าน้ำมัน 3,000 บาท
ค่าอาหาร 3,500 บาท
ค่ากิจกรรมที่ PB Valley 320 บาท
ค่าที่พัก Cooliving Farmhouse 1,900 บาท
ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 50 บาท ต่อคน
รวม 8,770 บาท

เห็นไหมละครับว่าแค่ 2 วัน 1 คืน เราสามารถมาเที่ยวได้เต็มอิ่มขนาดนี้เลยทีเดียว หากใครมีเวลาหยุดสั้น ๆ ทริปนี้เหมาะสมมาก ๆ นอกจากนี้ภายในเวลาสั้น ๆ หากใครจะหาที่เที่ยวนอกเหนือจากโคราช เราแนะนำ 1 วันที่นครปฐม ก็เต็มอิ่มแถมยังได้กินอาหารออร์แกนิกฟิน ๆ เป็นอีกทริปที่น่าสนใจเช่นกันครับ