เพียงแค่ฝนตกลงที่หน้าต่างในบางครา~ เพียงแค่ฝนตกลงในวันหยุดในตอนเช้า~ รถก็อาจจะติดนิดนึง!! แต่ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้แพรจะพาทุกคนไปเที่ยวชิค ๆ แบบไม่ต้องง้อรถ ฝ่าฝน นั่งมอเตอร์ไซค์อะไรทั้งสิ้น ขอแค่มีบัตร BTS 1 ใบ กับรองเท้าคู่ใจ 1 คู่ ก็พร้อมตะลุยกิน เที่ยว ถ่าย ย่านฝั่งธนฯ กันแล้ววว~
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่เคยไปก็ไม่ยากค่ะ แค่นั่ง BTS ไปลงสยาม แล้วเปลี่ยนเส้นทางไปสายบางหว้า จากสยามไล่ไปก็มี สถานีราชดำริ-ศาลาแดง-ช่องนนทรี-สุรศักดิ์-สะพานตากสิน-กรุงธนบุรี-วงเวียนใหญ่-โพธิ์นิมิตร-ตลาดพลู-วุฒากาศ-บางหว้า แต่วันนี้เราจะไปทัวร์กัน 3 สถานีได้แก่ สะพานตากสิน, กรุงธนบุรี, และวงเวียนใหญ่ ค่ะ
เริ่มจากสถานีวงเวียนใหญ่กันก่อนเลย และแน่นอนอยู่แล้วว่าเที่ยวสไตล์ Wongnai เนี่ย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พอเพื่อน ๆ ลงจาก BTS ปุ๊บ ให้เดินมาลงที่ทางออก 4 ตรงมานิดจะเจอ ซอยกรุงธนบุรี 4 เดินเลี้ยวเข้าไปประมาณ 20 เมตร ก็จะเจอกับร้าน Sorry I'm Hungry Burger Cafe อยู่ทางซ้ายมือ โดยทางร้านใช้พื้นที่ชั้นล่างเป็นร้านอาหาร ซึ่งมีทั้ง indoor และ outdoor ส่วนข้างบนเขาเป็น Hostel ไว้ให้บริการที่พักค่ะ
มากันที่เมนูแรกกันเลยค่ะ เดินมาร้อน ๆ ก็นั่งพักที่โซน outdoor หน้าร้านจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ กันสักหน่อย กับ Chocolate Oreo Frappe (60 บาท) ช็อกโกแลตรสเข้มข้น ปั่นรวมกับโอริโอ กินพร้อมวิปครีมนุ่ม ๆ ด้านบน ฟินจนหยุดดูดไม่ได้แน่นอนนน
ต่อกันด้วยเมนูแนะนำประจำเดือนอย่าง Hungry Pirate Burger (199 บาท) เบอร์เกอร์ชิ้นโตที่ใช้เนื้อถึง 150 กรัม ราดด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรโฮมเมด ท็อปด้วยสับปะรด กุ้ง และ พริกหวานย่าง ประกบด้วยขนมปังเนื้อนุ่ม แถมยังมีเฟรนช์ฟรายส์กรอบ ๆ มาให้กินคู่กัน ลงตัวสุด ๆ และไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเลือกเนื้อเป็นหมูหรือเนื้อวัวก็ราคาเดียวกันคุ้มไปอีกกก หรือถ้าใครไม่จุใจกับปริมาณ อยากจะอัพไซส์เป็น XL ก็เพิ่มอีกแค่ 60 บาทเท่านั้นค่ะ
เหลือบไปเห็นเบอร์เกอร์ชิ้นยักษ์นี้ในเมนูก็อดใจสั่งมาไม่ได้ กับเมนู Hungry Rocket Burger (เนื้อหมู 269 บาท, เนื้อวัว 289 บาท) ที่ใช้เนื้อปริมาณถึง 400 กรัม!!! ระหว่างเนื้อแต่ละชั้นเขาก็แทรกด้วยชีสเยิ้ม ๆ ตบด้วยการราดซอสบาร์บีคิวโฮมเมด ฟินเพลินจนลืมอ้วนกันไปเลยค่ะ และยังคุ้มได้อีกแค่เพิ่มเงินเพียง 30 บาท ก็จะได้อิตาเลียนโซดามากินคู่กัน ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีสุด ๆ แถมเลือกได้ถึง 3 รสชาติ ทั้ง Blue Hawaii, Strawberry, และ Apple soda
สอบถามเพิ่มเติม 089 000 3150 , 081 013 0361
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ Sorry I'm Hungry Burger Cafe
ไปต่อกันอีกร้านใกล้ ๆ กัน แค่เดินข้ามฝั่งไปลงทางออก 3 แต่แหมมาเที่ยวทั้งทีก็อยากจะมีรูปชิค ๆ อัพลงไอจีสักหน่อย ตากล้องของเราเลยจัดให้มาสองแชะ ติด #streetstyle ชิค ๆ คูล ๆ :D
กลับมาที่เรื่องกินของเรากันต่อกับร้านที่มีชื่อเก๋ ๆ อย่าง The Clock Out หลังจากลงมาจากทางออก 3 ให้เลี้ยวเข้าซอยข้าง 7-Eleven ร้านจะอยู่ด้านหลัง Comet Office ตรงข้ามกับคอนโด Hive เลยค่ะ เดินเข้ามาภายในร้านก็จะสะดุดตากับการตกแต่งแบบ Cozy Modern ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบาย ๆ มีความชิคแต่ไม่ถึงกับหรูจนไม่กล้านั่ง ได้นั่งเสพย์บรรยากาศดี ๆ กินอาหารสไตล์ยุโรปฟิวชัน ชีวิตชิคไปอี๊กกก
เติมความกระปรี้กระเปร่ากันสักหน่อยด้วย Caffe Latte (75 บาท) กับลวดลายลาเต้อาร์ตรูปหัวใจสุดคิวต์ ที่ไม่ได้มีดีแค่ถ่ายรูปสวย แต่กาแฟเขาก็เข้มข้นรสนุ่ม หอมนวล จิบเพลิน ๆ รออาหารกันไปค่ะ
รอสักพักอาหารจานแรกก็มาเสิร์ฟ กับเมนู Seared Scallops with Foie Gras (440 บาท) หอยเชลล์อเมริกาตัวโต เนื้อนุ่มละมุน ย่างในกระทะจนสุกหอม ท็อปด้วยฟัวกราส์ย่าง กินคู่กับผักผัดเนยหลากชนิด ถือเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้อย่างดีเลยค่ะ
ต่อกันด้วย Sirloin-Australian Grass-fed beef (ขนาด 300 กรัม 630 บาท, 600 กรัม 920 บาท) หรือสเต็กเนื้อสันนอกออสเตรเลียนุ่ม ๆ ย่างมาอย่างดีตามระดับความสุกที่สั่งเป๊ะ ๆ ซึ่งในวันนี้แพรสั่งแบบ Medium-rare มาชิม ถ้าเนื้อไม่ดีจริง ความสุกระดับนี้จะกินให้อร่อยยากมาก แต่ทางร้านก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว เนื้อมีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นเครื่องเทศ กินคู่กับกระเทียมย่างเพิ่มความฟิน แถมมีซอสให้เลือกถึง 2 ชนิด ทั้งซอสเห็ดและน้ำจิ้มแจ่ว
กินคาวไม่กินหวานก็ไม่ใช่แพรแน่นอน ล้างปากกันด้วย Pana Cotta Raspberry (120 บาท) เนื้อขาว เนียน นุ่ม กินคู่ซอสราสเบอร์รีเข้มข้น รสหวานอมเปรี้ยวเข้ากั๊นเข้ากัน แถมยังมีบลูเบอร์รีสดเพิ่มความสดชื่นเข้าไปอีก เลิศเวอร์!
เอาใจคนรักช็อกโกแลตกันบ้างกับ Nutella chocolate milkshake (150 บาท) มิลค์เชครสนูเทลล่าเข้มข้น โปะด้วยไอศกรีมช็อกโกแลตลูกโตกับวิปครีมนุ่ม ๆ ตักกินพร้อมกันได้รสช็อกโกแลตเต็ม ๆ แถมได้ความละมุนจากวิปครีมมาแทรก พูดเลยว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม!
ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้น ขอตบท้ายด้วย Strawberry Maple Toast (195 บาท) ขนมปังชิ้นเบิ้มเนื้อนุ่ม อบมาร้อน ๆ ข้างบนกรอบหอมเนยสุด ๆ โปะด้วยไอศกรีมวานิลลารสละมุน บีบวิปก้อนโตไว้ข้าง ๆ จากนั้นราดซอสสตรอว์เบอร์รีหวานอมเปรี้ยวลงไป ช่วยตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี หรือถ้าใครหวานไม่พอ เขาก็มีเมเปิลซีรัปมาให้ ไว้ราดเพิ่มกันตามใจชอบเลยล่ะค่ะ
สอบถามเพิ่มเติม 092 962 2279
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ ร้าน The Clock Out (เดอะคล๊อคเอาท์)
จากนั้นเราก็จะเดินทางกันต่อ แบกพุงมุ่งหน้าไปยัง BTS สถานีกรุงธนบุรี ทางออก 2 เมื่อลงบันไดมาก็ให้เดินตรงไปเรื่อย ๆ ประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอร้าน สมศักดิ์ปูอบสาขา 2 กับกุ้งและปูอบวุ้นเส้นในตำนานย่านฝั่งธนฯ ซึ่งทางร้านเขาขายแค่ 4 เมนูเท่านั้น มีกุ้งอบวุ้นเส้น ปูอบวุ้นเส้น หอยแครงลวก และหอยแมลงภู่ลวก แต่ปูมีให้เลือก 3 แบบทั้งปูเนื้อ ปูใหญ่ และปูไข่ ใครชอบอะไรก็เลือกกันตามสบายเลยค่ะ ในวันนี้แพรเลือกมาลองชิม 2 เมนู ก็คือปูไข่อบวุ้นเส้น (400 บาท) กับหอยแครงลวก (70 บาท)
ในส่วนของปูไข่นั้นคือดีมากกกกก กอไก่ล้านตัว ปูสดเนื้อแน่น แถมไข่ปูก็อบมาสุกกำลังดี มัน ๆ เยิ้ม ๆ กินคู่กับวุ้นเส้นคลุกน้ำซอสขลุกขลิก น้ำตาแทบไหลกับความฟินนี้ แล้วถ้าใครอยากแซ่บขึ้นไปอีกก็สามารถกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของทางร้าน ที่แซ่บสะใจครบรส สมกับเป็นร้านในตำนานจริง ๆ ค่ะ
แต่น้องหอยแครงลวกของเราก็เด็ดดวงไม่แพ้กัน เนื้อหอยที่ลวกมาสุกกำลังดี เนื้อสด แน่น หวาน ไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ มื้อนี้เรียกได้ว่าฟินจนต้องร้องขอชีวิต!
สอบถามเพิ่มเติม 089 494 1000
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ สมศักดิ์ปูอบสาขา 2
กินของแซ่บกันจนปากเบิร์น ก็ต้องดับความเผ็ดร้อนด้วยของหวานกันสักหน่อยย ให้เพื่อน ๆ เดินกลับมาทาง BTS เดินเลยตึกศรีไทยมานิดเดียวก็จะเจอกับร้าน Take a shot coffee bar ร้านเล็ก ๆ แต่คุณภาพคับจาน
ดูนาฬิกาแล้วเริ่มจะใกล้ค่ำ กินกาแฟเข้าไปอีกคงจะได้คึกยันเช้า เลยถามพนักงานถึงเมนูเด็ดของทางร้านที่ไม่ใช่กาแฟ เขาก็แนะนำมาว่าแก้วนี้เลย Kyoto Matcha Latte (80 บาท) ซึ่งลองชิมดูก็ไม่ผิดหวัง เพราะได้กลิ่นหอมของชาเขียวแท้เต็ม ๆ คำ รสชาติก็หวานกำลังดี เพิ่มความนุ่มละมุนด้วยฟองนมด้านบนไปอีก ใครเป็นแฟนชาเขียวต้องลองมาโดนกันค่ะ
ต่อกันด้วยเค้กแนะนำของทางร้าน กับเมนู Pandan Coconut Cake (80 บาท) หรือเค้กมะพร้าวใบเตยเนื้อนุ่มมมมม ซึ่งชั้นตรงกลางเค้าใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนมาด้วยผสมกับครีมหวาน ๆ มัน ๆ กินกับเนื้อเค้กกลิ่นใบเตยเนื้อนุ่มฟู เข้ากันสุด ๆ เราคอนเฟิร์ม!!
มากันที่เมนูสุดท้ายของร้านนี้ กับ Thai Tea Crepe (80 บาท) เครปเค้กรสชาไทยสีส้มล่อตาล่อใจเหลือเกิน จนอดที่จะสั่งมาชิมไม่ได้ พอได้ลองชิมแล้วก็เข้าใจว่าเลือกไม่ผิด เพราะตัวแป้งเครปมีความเหนียวนุ่มมากอะไรมาก วิปครีมที่แทรกอยู่แต่ละชั้นก็นุ่ม หวาน มันกำลังดี เพิ่มพลังทำลายล้างด้วยซอสชาไทยเพิ่มรสและกลิ่นให้เข้มข้นขึ้นไปอีก ใครที่ชอบชาไทยล่ะก็พลาดไม่ได้กับเมนูนี้
สอบถามเพิ่มเติม 093 936 9662
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ ร้าน Take a shot coffee bar
พักเรื่องกินไว้สักแป๊บ แล้วไปสู่ช่วงเวลาที่นักโซเชียลทั้งหลายรอคอย กับวิวถ่ายรูปเรียกยอดไลก์สุดชิค เพียงแค่ท่านนั่ง BTS ต่ออีกนิดมาลงสถานีสะพานตากสิน ลงมาจากบีทีเอสก็ให้เดินขึ้นบันไดข้าง ๆ ท่าเรือ เพื่อขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานตากสินกัน!! และจากการคำนวณเวลาอย่างดี ทำให้เรามาทันเวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี จึงได้ภาพชิค ๆ คูล ๆ มาดังนี้เจ้าค่ะ
เดินถ่ายรูปกันจนเริ่มเหนื่อย ก็เลยหิวอีกแล้ว(?) ค่ะหิวก็ไปกินกันต่อ ถือว่าเป็นมื้อเย็นก่อนกลับบ้าน ซึ่งมาแถวนี้จะพลาดไปไม่ได้กับร้าน ทิพหอยทอดภูเขาไฟ ร้านเก่าแก่ในตำนานที่เปิดมากว่า 46 ปีแล้ว! ถ้าไม่เด็ดจริงก็คงไม่อยู่มาได้นานขนาดนี้
ประเดิมกันที่เมนูแรกกันเลยกับ หอยทับหอย (80 บาท) หรือหอยแมลงภู่เน้น ๆ ทอดกรอบ แป้งบางกำลังดี ราดด้วยออส่วนหอยนางรมที่ผัดแบบโบราณ ทำให้ได้ความนุ่มของแป้งและฉ่ำจากตัวหอยแบบสุด ๆ กินคู่กับซอสพริกของทางร้าน เรียกได้ว่าจานเดียวได้ทั้งนุ่มทั้งกรอบ กลับบ้านไปนอนตายตาหลับได้แล้วค่ะ
ค่ะมาที่เมนูสุดท้ายของวันแล้วจริง ๆ ทุกคนคงบอกว่าพอเถอะ กินอะไรกันขนาดนั้น 55555 กับเมนูไข่เจียวหอยนางรม (55 บาท) แค่ฟังชื่อก็ตาลุกกันแล้ว ซึ่งเขาทอดไข่เจียวมาแบบนุ่ม ๆ และที่ฟินคือตักไปตรงไหนก็เจอหอย หอย หอย หอยเต็มไปหมด! กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ถือจบวันกันไปแบบสวยงาม
จบกันไปแล้ว 1 วัน กับทริปตะลุยกินแหลกแบกพุงกลับบ้านเลียบ BTS ฝั่งธนฯ ที่แพรนำมาฝากกันวันนี้ แถมยังได้รูปสวย ๆ ชิค ๆ เอาไว้อัพอวดเพื่อนอีก การเดินทางก็ง่ายลืมขึ้น BTS แป๊บ ๆ ถึง ไม่ต้องอารมณ์เสียกับรถติด แต่ละร้านลงจาก BTS ก็เดินแค่นิดเดียว ขอแค่มีบัตรบีทีเอส 1 ใบกับใจรักการกิน ก็ไปเที่ยวฟิน ๆ แบบนี้กันได้แล้วค่ะ!
สอบถามเพิ่มเติม 02 233 1116
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ ร้าน ทิพหอยทอดภูเขาไฟ
ครบแล้วจ้า~ เป็นยังไงบ้างสำหรับ One Day Trip 'ตะลุยกิน เที่ยว ถ่าย 1 วันชิค ๆ ตามเส้น BTS ฝั่งธนฯ' มีแต่เมนูน่ากิน ๆ ทั้งนั้นเลย ใครสนใจสามารถไปตามรีวิวของเราได้เลย ส่วนใครที่ชอบเที่ยวแบบ One Day Trip เรามีอีกหนึ่งทริปมาแนะนำอย่างย่านสุขุมวิท 26 ย่านฮิตของคนกรุงเทพฯ กดอ่านรีวิวเพิ่มเติมกันเล๊ยย~ 1 Day Trip ซอกแซก 4 ที่เที่ยวสุขุมวิทซอย 26
ติดตามเรื่องราวท่องเที่ยวใหม่ ๆ และน่าสนใจได้ที่เพจ Wongnai Travel คลิกเลย!!