คราวนี้ซังได้ฤกษ์งามยามดีกลับมาทักทายทุกคนกันอีกครั้ง แต่บอกเลยว่าคราวนี้ซังไม่ได้มาคนเดียวแบบเหงาๆ โดดเดี่ยวหัวจิตหัวใจ เพราะครั้งนี้ซังจะ พาหนุ่มขับรถเที่ยวตัวเมืองกาญจน์ เช็กอินแลนด์มาร์คใหม่ ถ่ายรูปปัง! โดยมี “ล็อตเต้” หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ มาอาสาพาขับรถตะลุยที่เที่ยวกาญจนบุรีแบบชิลๆ สบายๆ แถมยังได้เอนจอยด์ทริปแบบฉบับช่างภาพ 101 ตามลายแทงที่เที่ยวเมืองกาญจน์กันแบบคึกคักสุดๆ! เพราะบอกเลยว่าตอนนี้เมืองกาญจน์ที่นอกจากธรรมชาติจะสวยงามจับใจ เขายังมีแลนด์มาร์คแห่งใหม่เอาใจสายชอบแชะรูปแชร์ไว้อัปโหลดเรียกไลค์แบบรัวๆ อ้อ! เราแถมลิสต์ร้านอาหารเมืองกาญจน์และคาเฟ่เมืองกาญจน์ให้สายกินกันด้วยเช่นเคย เอาเป็นว่าครั้งนี้ซังกะล็อตเต้จะพาไปเช็กอินที่ไหนกันบ้าง ตามมาเลยค่า!
แผนที่เที่ยวกาญจนบุรี

1ถนนปากแพรก
ถ้าพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส (หรือบางคนนิยามว่า ชิโน-ยูโรเปียน) หลายคนอาจจะนึกถึงจังหวัดภูเก็ต แต่จะบอกว่าที่กาญจนบุรีก็มีชุมชนชิโน-โปรตุกีสเหมือนกัน (รวมอีกแห่งคือที่จังหวัดจันทบุรี) และถึงแม้จะมีระยะทางเพียง 2 กิโลเมตร แต่ถนนสายนี้นั้นได้เชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเกือบ 200 ปี หรือเทียบเท่าช่วงก่อตั้งเมืองกาญจนบุรีขึ้นใหม่ รวมถึงยังเกี่ยวเนื่องกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดจะเริ่มจากประตูเมืองกาญจนบุรีที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และชื่นชมต่อเนื่องได้กับทั้งภาพวาดบนผนัง ตึกรามบ้านช่อง และร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงเสน่ห์แบบเก่าก่อน รวมทั้งยังมีการดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันได้อย่างกลมกลืนเป็นอย่างดีอีกด้วย

2บ้านสิทธิสังข์
บ้านของตระกูลสิทธิสังข์ของ “ขุนขจิตระบิน สิทธิสังข์” ที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2463 หรือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผ่านไปประมาณ 1 ปี โดยเป็น 1 ในบ้านบนถนนปากแพรกแห่งนี้ที่ยังคงโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส รวมถึงสีเหลืองสดใสที่พร้อมต้อนรับพวกเราด้วยการเปิดชั้น 1 เป็นคาเฟ่ ส่วนชั้น 2 เปิดเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว และแน่นอนสายกินแบบพวกเราสองคนก็ไม่พลาดสั่งเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่มาลองชิม เป็น “เอซเปรซซ่า” (75 บาท) กาแฟผสมน้ำส้มและเพิ่มความซาบซ่าด้วยโซดา อีกแก้วเป็น “นมฟองฟู่” (60) ฟองนมนุ่มๆ รสกลมกล่อมหอมหวานด้วยคาราเมลและลาเวนเดอร์ ส่วนของหวานแนะนำเค้ก “นิวยอร์กชีส” (90 บาท) หรือถ้าใครสายครัวซองต์เขาก็มีให้เลือกหลายรสชาติเลยล่ะ






3Skywalk
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองกาญจน์ที่จะไม่พลาดและไม่อยากให้ทุกคนพลาดเช่นกัน เพราะ Skywalk แห่งนี้จะพาเราไปชื่นชมและใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วยมุมมองใหม่ๆ ที่บอกเลยว่าน่าประทับใจมาก ด้วยความสูง 12 เมตร และความยาว 150 เมตร ตัวพื้นสร้างจากกระจกใสแข็งแรง เมื่อเริ่มเดินจะมองเห็นแม่น้ำด้านล่าง ส่วนด้านข้างจะเป็นหมู่เกาะชุมชนริมน้ำ ชาวแพ และนักท่องเที่ยวลอยแพ ไล่ไปทางซ้ายจะเป็นวัดถ้ำเขาแหลม พร้อมพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาว ส่วนทางขวาจะเป็นมุมที่เห็นสะพานพระสังฆราชและหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวรฯ และที่ถือเป็นไฮไลท์คือทางด้านซ้าย เราสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำสองสี ซึ่งก็คือลำน้ำแควใหญ่และแควน้อยไหลมาบรรจบกันนั่นเอง (มีค่าบริการ 60 บาท รวมค่ารองเท้าสำหรับใส่เดินบน Skywalk)



4 ครัวคุณตุ้ม
ตะลอนเช็กอินถ่ายรูปตามแลนด์มาร์คสุดปังของเมืองกาญจน์จนหิวตาลาย แต่เราก็จะไม่ง่ายในเรื่องอาหารการกิน เลยขอฝากท้องไว้กับ “ครัวคุณตุ้ม” ร้านอาหารอันโด่งดังของเมืองกาญจน์เปิดมากว่า 20 ปีที่เริ่มจากเปิดร้านเล็กๆ ใต้ถุนบ้านเสิร์ฟอาหารรสมือแม่ จนใครหลายคนติดใจและต้องขยายเป็นร้านอาหารใหญ่โตจริงจังนั่นเอง ส่วนอาหารบอกเลยว่ามีเยอะมากๆ เลือกไปรักพี่เสียดายน้องไป จนตัดสินใจสั่งมาเป็น “ไก่ซัดเกลือ” (300 บาท/ตัว) ไก่ทอดกรอบนอกนุ่มใน ด้านนอกโรยดอกเกลือจากจังหวัดสมุทรสาคร เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน ส่วน “สะตอกะปิกุ้ง” (160 บาท) ก็จัดเต็มทั้งเครื่องและรส “ต้มยำปลาคัง” (180 บาท) ปลาสดมาก แถมรสชาติยังจัดจ้านโดนใจ หรือใครชอบสายแกงป่าเขาก็มีให้เลือกใส่เนื้อสัตว์ตามใจฉัน ณ จุดๆ นี้เติมข้าวรัวๆ กันไปเลย!



5โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี
เป็นอีกแลนด์มาร์คของเมืองกาญจน์ที่สายชอบถ่ายรูปต้องไม่พลาดเด็ดขาด! เพราะ “โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” ยังคงความเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์นด้วยการออกแบบโดยวิศวกร และนายช่างจากเยอรมนีในช่วงก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งยังเป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ของประเทศไทย (ที่แรกคือโรงงานกระดาษที่ตำบลสามเสน กรุงเทพฯ ) และยังถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงสังคมจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมของกาญจนบุรี จึงได้รับการขนานนามว่า “มิวเซียมอุตสาหกรรมแห่งแรกของไทย” โดยปัจจุบันที่นี่ก็ยังโครงสร้างและอาคารที่เคยมี รวมถึงเครื่องจักรผลิตกระดาษ ซึ่งเหลือเป็นชิ้นสุดท้ายของโลกที่ประเทศไทยอีกด้วย (ค่าบริการฟรี โดยสามารถเยี่ยมชมและถ่ายรูปได้เฉพาะด้านนอกอาคาร)



6Mulberry Mellow
ปิดท้ายทริปถ่ายรูปตามรอยแลนด์มาร์คปังๆ ในเมืองกาญจน์ทั้งที เราว่าที่นี่แหละตอบโจทย์! “Mulberry Mellow” คาเฟ่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติพาชุบชูใจเราแบบสุดๆ ด้วยทั้งต้นไม้ละลานตา และต้นจามจุรีต้นใหญ่สะดุดตา แถมยังมีบึงน้ำ และมองเห็นภูเขาล้อมรอบ ก็คือตกหลุมรักบรรยากาศกันล่วงหน้าไปแล้ว ซึ่งถ้าใครชอบบรรยากาศแบบ Outdoor จะบอกว่าที่นี่เขามีเก้าอี้ผ้าใบจัดแจงให้เหมือนเรามาปิกนิกเก๋ๆ กันเลย แต่ถ้าอากาศไม่เป็นใจหรือใครอยากตากแอร์เย็นๆ เขาก็มีโซน Indoor ที่น่านั่งไม่แพ้กัน

มาพูดเรื่องเมนูกันบ้าง โดยแต่เดิมร้านมีธุรกิจฟาร์มมัลเบอร์รีออร์แกนิกมาตรฐาน USDA และชาออร์แกนิก “Mulberry Mellow” จึงเป็นคาเฟ่ที่ชูจุดเด่นของมัลเบอร์รี หรือลูกหม่อนให้เราได้ลิ้มลองกันหลากหลายเมนู อย่างสายไอศกรีมต้องลอง “Mulberry Soft Serve Ice cream” (60 บาท) ส่วนสายเค้กเขาก็มี “Mulberry Cake” (105 บาท) หรือ “Mulberry Cheese Chocolate Cake” (105 บาท) ที่ดีงามไม่แพ้กัน ส่วนเครื่องดื่มก็แนะนำ “Sparking Mulberry” (70 บาท) มัลเบอร์รีโซดาซาบซ่า หรือจะเป็น “Mulberry Smoothie” (80 บาท) ก็สดชื่นแบบสุดๆ


ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว และ ถึงแม้จะเป็น 1 Day Trip ที่ทั้งซังและล็อตเต้พากันขับรถตระเวนเช็กอินตามแลนด์มาร์คหลายที่ในเมืองกาญจน์ตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่เราทั้งสองคนรู้สึกตรงกันว่าเอ็นจอยด์และเดินทางได้สะดวกกายสบายใจมากๆ ต้องยกความดีให้กับ All-New Yaris Cross จาก Toyota รถ Suv ไฮบริดน้องใหม่ที่ดีไซน์ภายนอกด้วยสไตล์ Solid x Dynamic ส่วนด้านในก็สะท้อนเอกลักษณ์ของสไตล์สปอร์ตพรีเมียมได้เท่เอามากๆ แถมยังเป็นเครื่องยนต์ Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันได้ถึง 26.3 กม/ลิตร

ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็คือหายห่วง All-New Yaris Cross จาก Toyota คือมีครบทั้ง Toyota Safety Sense ระบบความปลอดภัยที่มี Adaptive Cruise Control แบบ All-Speed รวมถึงยังมีกล้องมองรอบคัน ระบบเตือนมุมอับสายตา และระบบเตือนขณะถอยรถ แถมเบาะยังนั่งสบายด้วยทรงสปอร์ตที่รับตำแหน่งร่างกายได้อย่างเหมาะเจาะ นอกจากนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่อง PM 2.5 เพราะเขามีระบบกรองฝุ่น PM 2.5 มาให้เสร็จสรรพ

และถ้าใครเป็นสายชอบฟังเพลงระหว่างเดินทาง รับรองประทับใจ Wireless Apple CarPlay / Android Auto ที่เชื่อมต่อแบบไร้สายได้ง่ายๆ และถ้าสายแบกเหมือนเราสองคนวันนี้ที่แบกอุปกรณ์ถ่ายรูปแบบจริงจัง All-New Yaris Cross จาก Toyota ก็ยังมีพื้นที่เก็บของท้ายรถ (Luggage space) เก็บของได้จุใจ และเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ให้เต็มที่ในทุกๆ ด้าน รวมถึงตอบโจทย์กับครอบครัวที่มีสไตล์แอคทีฟ ไปไหนไปกัน ก็คือมูฟชีวิตไปให้สุดๆ สมกับการใช้งานแบบผสมผสาน Urban x Adventure ได้อย่างลงตัว
