อากาศจะร้อนเพียงใดเราก็ไม่หวั่น ทำงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์เราก็เลยมีทริปคูล ๆ ไปบุกสถานที่ท่องเที่ยวไว้ถ่ายรูปฮิป ๆ ที่จังหวัดเพชรบุรี หากเพื่อน ๆ จะมาเที่ยวเพชรบุรี, เที่ยวหัวหินหรือหาที่เที่ยวชะอำก็สามารถขับรถไกลออกมาอีกสักนิด หรือจะไปเช้าเย็นกลับจากกรุงเทพ ฯ ก็มาได้ที่ “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย” อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สถานที่สุดฮิปที่มี "สะพานไม้" ยื่นไปกลางทะเล ไปแล้วถ้าไม่เก็บภาพกลับมาถือว่าไปไม่ถึง มาเที่ยวแล้วยังได้ความรู้แถมยังได้ถ่ายรูปแบบคูล ๆ มาอวดเพื่อน ๆ อีกแบบนี้ไม่รอช้าแล้ว ตัดสินใจเก็บกระเป๋ามากันเลย

มาถึงด้านหน้าพวกเราก็ไม่รีรอรีบมาลงทะเบียนสำหรับเข้าโครงการกันเลย ที่โครงการมีรถให้เรานั่งชมสถานที่กันด้วยนะ จะจอดที่จุดเดียวเพื่อรอให้นักท่องเที่ยวขึ้นรถไปพร้อม ๆ กัน แล้วรถจะพาเราไปลงยังจุดที่เป็นป่าชายเลนเพื่อเดินไปยังสะพานไม้ แต่วันนี้มากันทั้งทีพวกเราขอปั่นจักรยานทัวร์แบบไม่กลัวร้อนซะหน่อย ที่โครงการให้เช่าจักรยานคันละ 20 บาท/3 ชั่วโมง มาทั้งทีไม่มีพลาดแน่นอน


โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งอยู่ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ที่เน้นการใช้ธรรมชาติบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่ทะเลและลำคลอง จึงทำให้ที่โครงการนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรีที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ มาแล้วได้ความรู้อีกทั้งยังเป็นการพักผ่อนไปในตัวอีกด้วย


ปั่นจักรยานมาคนละคันก็แว๊นซ์กันสักหน่อย ถนนในโครงการเวลาปั่นจักรยานก็ต้องระวังกันนิดนึงนะ เพราะเป็นทางที่เป็นดิน ปั่นซิ่งมาก ๆ อาจมีอาเฮียที่อยู่ในบ่อน้ำบำบัดด้านข้างมาตัดหน้า วันนี้เราโชคดีมาก ๆ เจออาเฮียตัวบิ๊กเบิ้มกำลังจับปลากินในน้ำเลย

มาถึงจุดบำบัดน้ำอีกหนึ่งจุดที่จัดว่าต้องจอดจักรยานเพื่อถ่ายรูป เป็นจุดที่โครงการนำหญ้ามาใช้ในการบำบัดน้ำเสียนั่นเอง ได้โลเคชันเก๋ ๆ ไปอีกแบบ ทริปนี้เราคิดกันไว้ว่าอยากจะตั้งชื่อเป็น ท่าเดียวเที่ยวทั้งทริป เราจะเน้นนั่งทำหน้านิ่ง เต่เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ในรูปเห็นนิ่ง ๆ แบบเนี๊ยะแต่ตัวจริงขยับได้นะจ๊ะ





ระหว่างทางที่เราจะปั่นไปป่าชายเลน เพื่อไปที่สะพานไม้กลางทะเลไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะที่โครงการจะมีป้ายบอกตลอดทางเลยนะ กินลมชมธรรมชาติให้เต็มที่!

เมื่อมาถึงทางเข้าป่าชายเลนเพื่อน ๆ ต้องจอดจักรยานไว้ด้านหน้าแล้วค่อยเดินเข้าไป ระยะทางระหว่างทางเข้าไปจนถึงทะเลก็ประมาณ 850 เมตร เดินไม่ต้องกลัวร้อนกันเลย เพราะมีต้นโกงกางให้ร่มเงาตลอดทาง แล้วยังมีป้ายที่คอยให้ความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนอีกด้วยนะ



ระหว่างทางที่เราเดินเล่นในป่าชายเลน จะได้ยินเสียงเหมือนคนดีดนิ้วตลอดทางเลย นั่นคือเสียงของกุ้งดีดขันนั่นเอง เป็นเพราะเวลาที่มันเคลื่อนที่ในโคลนมันดีดตัวเองทำให้เกิดเสียง แต่เสียดายวันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาโชว์เพื่อน ๆ เพราะหาตัวกุ้งไม่เจอ เลยนำภาพปูก้ามดาบมาฝากเเทนแล้วกันนะคะ


เดินมาเรื่อย ๆ ก็ถึงสะพานไม้จุดไฮไลต์ของโครงการกันแล้ว นักท่องเที่ยวจะผลัดกันมาหามุมกล้องเพื่อให้ได้รูปเด็ด ๆ กลับไป พวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้นว่าแล้วก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปนั่งถ่ายกับมุมสุดฮิปที่มาแล้วพลาดไม่ได้กันเลยดีกว่า~


ระหว่างที่ถ่ายรูปกันอยู่เราก็เห็นพี่ ๆ เดินกันอยู่กลางทะเล แถมมีกะละมังพกกันไปคนละใบ เลยแอบถามว่าพี่ ๆ มาทำอะไรกันหรอคะ พี่ ๆ ก็เล่าให้ฟังว่า ช่วงนี้เป็นช่วงน้ำลด ชาวบ้านในบริเวณนี้จะมาหาหอยกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกหอยแครง หาได้ก็นำไปขาย ใช้เวลาหากันทั้งวันจนพระอาทิตย์ตกดิน น้ำจะขึ้นก็กลับขึ้นฝั่ง เป็นอีกอย่างที่ทำให้พวกเราเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่เลยล่ะค่ะ

ถ่ายรูปกันจนเพลินก็ได้เวลากลับแล้ว ขากลับเราปั่นจักรยานนำไปคืนแล้วก็แวะซื้อของฝากภายในโครงการ มาแหลมผักเบี้ยของฝากขึ้นชื่อก็คือ “สาหร่ายพวงองุ่น” ขายเป็นกล่อง กล่องละ 50 บาท ซื้อไว้กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ทางร้านจัดเป็นชุดมาให้ เด็ดจริงอะไรจริงค่ะ

ถ่ายรูปฮิป ๆ กันจุใจแล้วตบท้ายด้วยของฝากเด็ด ๆ ก็ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมโครงการได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 น. - 17.30 น.หากเพื่อน ๆ มาเที่ยวหัวหินก็สามารถขับรถมาเที่ยวที่โครงการได้ ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อากาศดี ๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับมาปล่อยใจไปกับทะเลเลยทีเดียว ทริปหน้าเราจะไปที่ไหนกันต่อ ฝากเพื่อน ๆ ติดตามได้ทางเพจ หัวหินกินอะไรดี ได้เลยนะคะ สำหรับทริปวันนี้ขอตัวไปก่อน บ๊าย บาย :)
การเดินทาง
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางเลียบชายทะเลจากอำเภอบ้านแหลมไปยังหาดเจ้าสำราญ หากมาจากทางอำเภอเมือง จ.เพชรบุรี ให้มองตามป้ายไปหาดเจ้าสำราญ ถึงแยกก่อนเข้าหาดเจ้าสำราญให้เลี้ยวซ้ายประมาณ 3 กิโลเมตร ทางเข้าโครงการแหลมผักเบี้ยอยู่ข้างวัดสมุทรโคดม