มีเวลาว่าง ๆ 2-3 วัน กำลังมองหาที่เที่ยวต่างประเทศกันอยู่ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้ซังขอขันอาสา พาเที่ยวมาเก๊า! ที่เที่ยวต่างประเทศใกล้ ๆ สองชั่วโมงกว่าก็ถึง และที่สำคัญเดี๋ยวนี้มาเก๊าเขาฮิตไม่แพ้ใคร เอาใจสายฮิป สายชิล ให้หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางมาเที่ยวกันแบบจัดหนัก ทริปนี้เรามีไฮไลต์เด็ดเพียบบบ! ทั้งได้ข้าม สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก (สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า), ชมงานอาร์ตระดับโลก บอกเลยว่างานนี้ ใครไม่เก๊า เก๊ามา เอ้ยยย! มาเก๊า! เราจะไปลุยที่เที่ยวมาเก๊า เที่ยวกันให้มันจุใจ พร้อมแล้ว รัดเข็มขัดที่นั่ง เตรียมตัว Take Off ได้เลยค่ะ ลูกเรือซังจะพาไปทัวร์ดูว่าไปมาเก๊าเที่ยวไหนดี
แผนที่เที่ยวมาเก๊า - Day 1

ใครจะเดินทางไปเที่ยวมาเก๊า ก็มีหลากหลายวิธีให้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็นบินตรงไปลงมาเก๊า หรือลงเที่ยวฮ่องกง แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ไปมาเก๊าต่อ แต่ทริปนี้เรามีการเดินทางไปมาเก๊าที่ใหม่ สุด สุด! คราวนี้เราจะเลือกเดินทางโดยการข้าม “สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก” ไปเที่ยวมาเก๊ากันนน เย่! มีความตื่นเต้นสุด ๆ วิธีการเดินทางก็ไม่ยากเลยค่ะ ใครอยากรู้ก็ตามกันมาได้เลย หลังจากที่เราขึ้นเครื่องบินลำใหญ่ของการบินไทยกับโปรโมชั่นของ ynotfly ตั๋วเครื่องบินไป-กลับฮ่องกง (รวมภาษี) เพียง 7,595 บาท/คน กับน้ำหนักกระเป๋าถึง 20 กิโลฯ ดีเลยค่ะ ดิฉันจะได้ชอปแหลกได้อย่างหมดกังวล อาหารเสิร์ฟร้อน ๆ แถมที่นั่งก็สบาย~ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า หลับไปไม่ถึงตื่น เครื่องบินลำนี้ก็พาเรามาเทียบที่สนามบินฮ่องกงแล้ว

1 Hong Kong International Airport
วิธีการเดินทางไปนั่งรถบัสข้ามแม่น้ำก็ไม่ยากเลยค่ะ เดินหาป้ายรถบัสสาย B4 ที่อยู่ใน Hong Kong International Airport ตามป้ายมาเรื่อย ๆ จะมีป้ายรถบัสบอกเป็นระยะ ๆ ค่ะ ตามป้ายรถบัสสาย B4 รับรองว่าไม่หลงแน่นอน พอถึงป้ายก็รอไม่นานเลยค่ะรถบัสก็มาเทียบท่า ขึ้นรถบัสนั่งไปไม่ถึง 10 นาที เราก็จะถึงอาคาร HZMB Passenger Clearance Building ทีนี้เราก็ต้องผ่าน ตม. เพื่อเป็นการออกจากฮ่องกงไปมาเก๊า


2HZMB Passenger Clearance Building
ถึงเวลาที่พวกเรารอคอยแล้วค่ะ.. ครั้งแรกที่จะได้ข้ามสะพานข้ามทะเลที่ยาวววว.. ที่สุดในโลก ระยะทางกว่า 55 กิโลเมตร ไม่รอช้า เรารีบไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อข้ามสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า (Hong Kong-Zhuhai-Macao Bridge หรือชื่อย่อ HZMB) บอกเลยค่ะว่าซังเคยมาเที่ยวมาเก๊าแล้ว แต่ครั้งที่แล้วซังเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ คราวนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้นั่งรถบัสไปมาเก๊า และที่สำคัญคือจะได้ข้ามสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก บอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกก พร้อมแล้วเดินทางกันต่อเลยดีกว่า

จังหวะที่ลอดอุโมงค์ทะเล เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นม้ากกก ไม่เคยลอดอุโมงค์ใต้ทะเลที่ยาวขนาดนี้มาก่อน เผลอแป๊บเดียวรถบัสก็พาเรามาถึงท่ารถแล้วละค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเอง ชมวิวเพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีก็ถึงแล้ว

3Wynn Palace
มาถึงท่ารถบัส ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเก๊าเสร็จเรียบร้อย แล้วก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรม “Wynn Palace” ไปที่จัดแสดงงาน "Wynn-Garden of Earthly Delights" จัดขึ้นวันที่ 6 มิถุนายน ถึง 6 ตุลาคม เดินเข้ามาในโรงแรมก็จะเจอ Art collection ที่ชื่อว่า "Floral Creation" ผลงานออกแบบโดยนักออกแบบช่ือดัง เพรสตัน เบลลีย์ แค่เดินเข้ามาล็อบบี้ก็ตื่นตากับความสวยงามอลังการแล้ว ดูแล้วเพลินสุด ๆ

แต่งานที่เราจะมาดูกันวันนี้ก็คือ “Wynn-Garden of Earthly Delights” เป็นงานที่รวบรวมงานศิลปะแบบร่วมสมัย และสมัยใหม่ที่แปลกตาจากศิลปินที่มีชื่อเสียงทั่วโลก มีการใช้เทคโนโลยีแบบล้ำ ๆ มาประกอบการจัดแสดง บอกเลยค่ะว่าเดินชมแล้วเพลินมาก ๆ ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ งานแต่ละชิ้นมีการเคลื่อนไหว ให้เราได้มีส่วนร่วมกับงานศิลปะหลายรูปแบบได้ไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็น LED, Digital Projection และอื่น ๆ อีกมากมายที่น่าสนใจจนแชะรูปเพลินจนเมมแทบเต็มเลยค่ะ



4Fontana
เดินชิล ชมงานอาร์ตกันจนเพลิน ขอแวะไปจิบ Afternoon Tea เดินกันไปไม่ทันเมื่อยน่องก็ถึงร้าน Fontana อยู่ในโรงแรม Wynn Palace นี่แหละค่ะ สะดวกสบายเหมาะกับลูกคุณฯอย่างเราสุด ๆ อิอิ เข้ามาในร้านก็สัมผัสได้ถึงความเป็นราชนิกุล เพราะด้านในตกแต่งได้หรูหราหมาเห่ามาก “The Signature Afternoon Tea” (ราคา 288 MOP) สำหรับ 2 คน พร้อมเสิร์ฟด้วย Savory Bites, Sweets, Scones and Madeleines, Coffee และ Tea or Hot Chocolate จิบชา กินขนมไป ชมน้ำพุไป เพลิดเพลินจนลืมเวลาเลยละค่ะ จิบชาเสร็จเราก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปนั่งกระเช้า (Sky Cab) ชมน้ำพุและทะเลสาบบริเวณหน้าโรงแรม บรรยากาศดี ๆ สำหรับที่นี่ ให้ไปเลย 10 10 10 คะแนนเต็ม!


5City of Dreams
ชมวิวอิ่มหนำ จิบชาชื่นใจ อิ่มท้อง อิ่มใจ ทางเราก็ขอเดินไปกันต่อที่จุดหมายต่อมาที่ไม่ใกล้ไม่ไกล เดินข้ามสะพานไปก็ถึงจุดหมายต่อไปของเราแล้วละค่ะ ทางเราจะไป City of Dreams เพื่อไปชมการแสดงที่ใคร ๆ ก็บอกว่าไม่ควรพลาด! อย่างโชว์ “The House of Dancing Water” ทางเราก็เข้าไปด้วยความไม่ได้คาดหวังอะไรค่ะ คิดว่าเป็นการแสดงโชว์ทางวัฒนธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่า.. ที่พูดมาคิดผิดถนัด! เพราะตลอดเวลาการแสดง จะได้ยินเสียงอู้หูวว อ้าหาาา จากเราตลอด 85 นาที ไม่มีหาว ไม่มีหลับ บอกใบ้ว่าทั้งฉาก ทั้งนักแสดง ทั้งเอฟเฟ็กต์ พูดได้คำว่าเดียวว่า “เอาอยู่” ค่ะ สมแล้วกับที่ถูกขนานนามว่าเป็นโชว์ระดับโลก สำหรับครั้งนี้เราเลือกที่นั่งราคา โซน A (ราคา HKD 980) หรือตกเป็นเงินไทยประมาณ 3,600 บาท อยากบอกคนที่ยังไม่เคยมาดูแล้วตัดสินใจอยู่ แนะนำ(เป็นอย่างยิ่ง)ค่ะ ว่าควรมาาา คุ้มค่าบัตรทุกบาททุกสตางค์ มันดีงามจริง ๆ คุ้ณณณ


6Lotus Palace
ตื่นตาตื่นใจ จัดหนักจัดเต็มกันมาทั้งวัน ท้องก็เริ่มร้องแล้วละค่ะ ถึงเวลาจะไปล่าของกินกันแล้ว หิว ๆ อย่างนี้ต้องไปหาอะไรร้อน ๆ หนัก ๆ กิน ทางเราขอเลือก "Hot Pot สไตล์จีน" มาเที่ยวมาเก๊าทั้งทีจะมากิน Hot Pot ธรรมดาก็ไม่หรูหราสมใจเรา ขอเลือกไปกินชาบูในโรงแรมปารีเซียนหรูกันที่ร้านอาหาร “Lotus Palace”

ถึงร้านแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงค่ะ วอร์มนิ้ว คีบตะเกียบรอ รอไม่นานเนื้อชุดใหญ่ก็จัดมาเสิร์ฟ ที่นี่เขามีน้ำซุปหม่าล่า และน้ำซุปกระดูกหมูให้เลือก ทางเราไม่อาจทนทานกับความเผ็ดซ่า เลยขอเลือกน้ำซุปกระดูกหมูมาแทน น้ำซุปเดือดเต็มที่ ได้เวลาส่งเนื้อชิ้นบางลงไปจุ่มในน้ำซุปพอให้เนื้อเปลี่ยนสี ก็รีบหนีบขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มเบา ๆ รีบเอาเข้าปากทันที… เนื้อละลายในปาก หอมเตะจมูก อื้อหืมมม ฟินสุด ๆ ไปเลยค่ะ จริง ๆ แล้วนอกจากชาบูสไตล์จีนแล้ว ร้านนี้ยังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกกินกันได้ด้วยนะคะ แต่อีกไฮไลต์ที่เราว่าเด็ดไม่แพ้ใครเลยคือเมนูของหวานอย่าง “Double-Boiled Peach Gum and Lily Bulbs with Sugar in Coconut” (ราคา 68 MOP) กินอิ่มแปล้ ก็มาเดินย่อยกันแถว หน้าหอไอเฟลจำลองหน้าโรงแรม ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอ ก็นั่งรถบัสไปโรงแรมของเรากันค่ะ


แผนที่เที่ยวมาเก๊า - Day 2

7Hotel Lisboa
ตื่นเช้าด้วยความสดชื่น~ หลังจากที่นอนพักผ่อนมาทั้งคืน ที่พักของเราทั้งสองคืนคือ “Hotel Lisboa” ก็แหม ธรรมดาก็ไม่ใช่ซังสิคะ จะมาเที่ยวทั้งที ขอนอนบนโรงแรมที่มีคาสิโนแห่งแรกของมาเก๊า แต่ทางเราไม่ได้ไปร่วมสนุกทำกิจกรรมอะไรกับเขาหรอกค่ะ ถึงห้องก็เช็กอินเตียง นอนหลับฝันดี หลังจากเที่ยวเต็มอิ่มมาทั้งวัน ตื่นเช้ามาก็สำรวจโรงแรมสักหน่อย บรรยากาศหน้าโรงแรม Hotel Lisboa ก็หรูหรา เหมาะกับการมาเดินลงบันได เฉิดฉายสุด ๆ ไปเลยค่ะ แอบกระซิบว่าเบเกอรีในไลน์อาหารเช้าของ Hotel Lisboa รสชาติเขาเลิศไม่ใช่เล่นนะเธอ บอกเลยว่าต้องลอง



8A-ma Temple
เริ่มทริปด้วยการไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย พาไปเช็กอินวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊าอย่าง “วัดอาม่า” ที่เพี้ยนมาจากคำว่า A Ma Goa (อาม่าก๊อก) แปลว่า อ่าวของอาม่า วัดนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมาเก๊าที่ใครมาเยือนต่างก็พากันมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ทางเราขอแนะนำให้มาช่วงเช้า เพราะอากาศจะไม่ร้อน และคนไม่ค่อยเยอะด้วยค่ะ นอกจากจะไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว บริเวณรอบ ๆ วัดอาม่า ก็มีมุมให้ถ่ายรูปอยู่เพียบ!


9Penha Church
ไหว้พระที่วัดอาม่าเสร็จ ก็นั่งรถขึ้นเขาไปต่อกันที่ “โบสถ์เพนญ่า” (Penha Church) อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวมาเก๊าที่ทางเราแนะนำว่าไม่ควรพลาด~ ตัวโบสถ์ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดยอดเขา Barra Hill นอกจากความสวยงามและความสงบของโบสถ์ที่ควรค่าแก่การมาเยือนแล้ว บนโบสถ์เพนญ่า ยังสามารถมองเห็นวิวมาเก๊า อ่าวบาร์ร่า มาเก๊าทาวเวอร์ และฝั่งเมืองจูไห่ได้อย่างชัดเจน ตรงบริเวณโบสถ์อยู่สูงพอให้ได้หอบ แต่รับประกันความคุ้มค่าเหนื่อยค่ะ เพราะปีนขึ้นมาครั้งเดียว ได้ทั้งชมวิว ได้ทั้งชมโบสถ์ และน่องขาที่เสียไปค่ะ เคล็ดไม่ลับคือ นอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว คู่รักก็มักจะชวนกันมาถ่ายเวดดิ้งกันที่มุมบันไดด้านข้างของโบสถ์ ใครอยากชวนแฟนมาถ่ายรูปหวาน ๆ ให้มาเก๊ามดขึ้น ก็เชิญชวนกันมาได้เลยค่ะ ส่วนคนโสดอย่างเราก็บ่ยั่นค่ะ ยืนหนึ่งก็ถ่ายได้เหมือนกัน 555


10Kun Iam Statue
ในเมื่อเรามาสายบุญ ไหว้พระทำบุญกันมาตั้งแต่เช้า ก็ขอไปไหว้พระกันต่อให้ครบครัน ไหน ๆ ก็มาเที่ยวมาเก๊าทั้งทีที่ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล (Kun Iam Statue) อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ที่ตั้งเด่นให้เห็นจากระยะไกล ยื่นออกไปทะเล จากความตั้งใจของโปรตุเกสที่อยากสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับมาเก๊าในโอกาสที่ส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับจีน โดยจะมีจุดขอพรรับฮวงจุ้ยอยู่ตรงพื้นบริเวณที่มีรูปดวงตา บอกชื่อ อายุ แล้วตะโกนขอพรดัง ๆ เสร็จแล้วก็เดินทะลุไปด้านหลังก็จะได้เห็นวิวมาเก๊าฝั่งไทปาด้วย

ใต้ฐานของเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล (Kun Iam Statue) ที่เป็นโดมเหมือนดอกบัว จะเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์ส่งเสริมศาสนาที่มีข้อมูลเกี่ยวกับพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื้อ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อของที่ระลึก และหนังสือเกี่ยวกับธรรมะสถาบันวัฒนธรรมได้ที่นี่ เขาว่าจะมีจุดฮวงจุ้ยดีมีลักษณะเป็นกระจกแปดเหลี่ยม ที่สามารถขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมได้อีกด้วย สายมูต้องห้ามพลาด จะได้เฮง ๆ ปัง ๆ กันถ้วนหน้านะคะ ;)


11Imperial Court - MGM Macau
เดินสายไหว้พระกันมาตั้งแต่เช้า ท้องเริ่มร้อง (เรียกหาของกิน) อีกรอบ เลยรีบมุ่งหน้าไปหาของเด็ด ๆ กินกันมาเที่ยวมาเก๊าทั้งทีจะไม่พลาดเมนูขึ้นชื่ออย่างติ่มซำ!! มื้อนี้เราขอแว่บไปกินติ่มซำในโรงแรมหรูอย่าง MGM Macau ที่ร้าน “Imperial Court” เรื่องรสชาติกับคุณภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ดีงามพระรามแปด วัตถุดิบที่คัดสรรมาก็พรีเมียม เมนูที่เรากรี๊ดมากคงหนีไม่พ้น ขนมจีบ ที่มีเนื้อกุ้งเน้น ๆ อยู่ด้านใน นอกจากเมนูติ่มซำที่นี่ยังมีเมนูอาหารจีนอีกมากมายให้เลือกกินกันได้ ในส่วนขนมหวานก็ไม่น้อยหน้าค่ะ จัดเรียงกันมาแบบกินแทบไม่ทัน รสชาติละมุนชวนฝันทุกเมนู เวลาเปิด-ปิด วันธรรมดาก็คือ 11.00-15.00 น. และช่วง 18.00-23.00 น. วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดเวลา 10.00-15.00 น. และช่วง 18.00-23.00 น.


12Macao Museum of Art
หลังจากที่จัดติ่มซำระดับพรีเมียมมาจนอิ่มแปล้ ก็มีพลังพร้อมไปเดินเสพงานอาร์ตกันต่อ ทริปนี้เราจะชมงานอาร์ตอย่างเต็มที่ ไปค่ะ เราไปกันต่อที่อีกหนึ่งไฮไลต์ของเราทริปนี้ เพราะช่วงที่เราเดินทางไปทาง การท่องเที่ยวมาเก๊าประจำประเทศไทย บอกเราว่า ที่นี่กำลังมี "Art Macao" ซึ่งได้จัดงานแสดงศิลปะหลายสไตล์ทั้ง Visual Arts, Performing Arts, Installation Arts และอื่น ๆ อีกมากมายที่ “พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า” (Macao Museum of Art) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งที่จัดแสดงงาน และที่นี่ถือเป็นอาร์ตมิวเซียมแห่งเดียวของมาเก๊า ใครเป็นสายอาร์ตต้องตกหลุมรักที่นี่แน่นอนค่ะ

Macao Museum of Art มีทั้งหมด 5 ชั้น นิทรรศการหมุนเวียนกันไป และที่สำคัญคือ เข้าฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ละงานที่จัดแสดงที่นี่ก็น่าสนใจทั้งนั้น อย่างนิทรรศกาล "Beauty in the New Era-Masterpieces from the Collection of the National Art Museum of China" และอีกหนึ่งงานที่เราชอบมาก ๆ เลยก็คือ Strolling and Feeling: Watercolour Paintings of Lai Ieng ที่เป็นงานแสดงภาพวาด วิถีชีวิต บ้านเมือง และผู้คนของมาเก๊าผ่านภาพวาดสีน้ำ ทำให้ซังนึกถึงภาพสถานที่ที่เคยไป เป็นความรู้สึกที่พิเศษไปอีกแบบค่ะ ตัวงานจะจัดถึงช่วงเดือนตุลา ใครอยากมาเที่ยวตามก็จองตั๋วกันมาโลดค่าา เพราะนอกจากนิทรรศกาลที่พูดมาข้างต้น ยังมีนิทรรศกาลที่น่าสนใจ หมุนเวียนให้ได้ชม


13Lord Stow’s Bakery
ถึงอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เรารอคอย นั่นก็คือออ.. เวลาที่เราจะได้ชิมทาร์ตไข่ต้นตำรับชื่อดัง ที่ถ้าได้ยินชื่อต้องร้องอ๋อ อย่างร้าน “ร้านลอร์ดสโตว์” (Lord Stow’s Bakery) ร้านสาขาแรกในมาเก๊าที่ย่านโคโลอาน แค่เดินไปเฉียดหน้าร้านก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นจาง ๆ จนอดใจแทบไม่ไหว พุ่งตรงไปสั่งมาชิมให้รู้กันไปเลย ทาร์ตไข่สีเหลืองทอง อบมาร้อน ๆ ความหอมเตะจมูกอย่างจัง กัดไปพร้อมกับทาร์ตสัมผัสกรอบ รสชาติตัดกันกำลังพอดี… อร่อยสมกับเป็นต้นตำรับทาร์ตไข่ของมาเก๊าจริง ๆ ค่ะ


14Coloane Village Colorful Walls
หลังจากที่ฟินกับทาร์ตไข่ต้นตำรับแล้ว เราก็เดินเล่นชม “หมู่บ้านโคโลอาน” (Coloane Village) กันต่อ หมู่บ้านโคโลอาน หมู่บ้านน่ารัก ๆ ริมทะเล มีตรอกซอกซอยเล็กเต็มไปหมด เดินชมหมู่บ้าน แล้วก็เดินเล่นริมทะเลได้แบบเพลิน ๆ ระหว่างเส้นทางจะมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขนมให้แวะเข้าไปชิมกันได้ แต่อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เราอยากจะแนะนำก็คือ “บ้านสีพาสเทล” บ้านเก่าสไตล์โปรตุเกสที่ซ่อนตัวอยู่ น่ารัก และดีต่อใจ เอาใจสายมุ้งมิ้ง ใครที่มองหาที่เที่ยวใหม่ ๆ ก็มาเช็กอินกันได้ รับรองว่าต้องตกหลุมรัก ถ่ายรูปไม่พักแน่นอน


15Cafe Nga Tim
เดินเลยบ้านสีพาสเทลมาอีกนิด ก็จะเจอกับร้านอาหารเย็นของเราวันนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ ว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีขุมทรัพย์ของเด็ดอยู่! พูดแล้วไม่รอช้า เห็นโบสถ์เซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย จะเจอกับร้าน “Cafe Nga Tim” ร้านอาหารโปรตุเกสที่อร่อยจนใคร ๆ ก็บอกต่อ ของอย่างนี้สิบปากว่าก็ไม่เท่ากินเองใช่ไหมล่ะค่ะ ทางเราจะขอพิสูจน์ด้วยตัวเอง! เอ้า! ชิม!


เมนูที่สั่งมาก็เพียบโต๊ะแทบไม่พอวาง ทั้ง “กุ้งล็อบสเตอร์ผัดเนย” (ราคาตามน้ำหนัก), “ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว” (ราคาตามน้ำหนัก), “ปูผัดกระเทียมพริกไทย” (ราคาตามน้ำหนัก), “หมูหัน” หอม ๆ หนังกรอบกรุบ, “ข้าวผัดกุ้ง” และ “ผักบุ้งผัดกะปิ” หลังจากที่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ทางเราขอยืนยันว่ารสชาติดีจริงงง ชวนบอกต่อ เนื้อสด ๆ ทั้งเนื้อปลา เนื้อกุ้ง หรือเนื้อปู ทุกอันคือสดมาก ใครแวะมาเที่ยวที่หมู่บ้านโคโลอาน ขอบอกต่อเลยว่าลองมาชิมที่ Cafe Nga Tim! รับรองว่าต้องฟินเหมือนเราแน่นอน ><

16Taipa Food Street
ที่สุดท้ายที่ซังจะพาไปปิดท้ายวันก็คือ “Taipa Food Street” (Rua do Cunha) หรือในนามหมู่บ้านไทปา (Taipa Village) ถ้าจะหาคำอธิบายง่าย ๆ สำหรับถนนเส้นนี้ ขอเรียกว่า สวรรค์ของคนรักการกิน เพราะตลอดถนนเส้นนี้เป็นทั้งแหล่งรวมของฝากเรียงรายตลอดสองข้างทาง แล้วยังมีร้านอาหารเด็ด ๆ ร้านขนมดี ๆ อยู่เพียบ เดินตั้งแต่ปากซอยไปท้ายซอยก็อิ่มได้แบบไม่ทันรู้ตัว เพราะเผลอเดินชิมไปทั่ว พ่อค้ามาขายก็ยื่นให้สุดฤทธิ์ จะปฏิเสธก็กลัวเสียน้ำใจ (จริง ๆ คืออยากกินเองล้วน ๆ 5555) ของฝากที่ขายก็จะมี หมูแผ่น ทองพับ คุกกี้อัลมอนด์ ถนนเส้นนี้ก็มีร้านคุกกี้ที่โด่งดังระดับมิชลิน การันตีที่คนต่อแถวย้าวว ยาววว ก็คงต้องเชื่อแล้วละค่ะว่าของเขาดีจริง ชวนชิมกันขนาดนี้ ขอไปร่วมต่อแถวซื้อด้วยคน นานแค่ไหนก็ไม่มีบ่นค่ะ #วิถีเด็กอ้วน

สำหรับใครที่ยังติดใจทาร์ตไข่เจ้าดัง ก็มีร้าน Lord Stow’s Bakery มาเปิดสาขาที่นี่ด้วย สามารถแวะเข้าไปชอปเป็นของฝากได้ ถ้ายังไม่จุใจ อีกร้านที่เราจะชวนชิมคือร้าน “Sweet Time” มองด้านหน้าอาจจะคิดว่าไม่มีอะไรพิเศษ แต่บอกเลยว่ามันมีเมนูลับ ๆ ขนมที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักอย่าง “Serradura” หรือ Macau Sawdust Pudding ขนมดั้งเดิมของมาเก๊า ได้รับอิทธิพลจากขนมโปรตุกีส ตัวเนื้อมีสัมผัสคล้าย ๆ ไอศกรีมวานิลลาเนื้อแน่น ๆ แต่ไม่หวานเท่า รสชาติกลมกล่อม หวาน หอม กำลังดี ท็อปอัปด้วยคุกกี้ครัมเบิ้ลบดละเอียด กินพร้อมกับด้านล่างเข้ากั๊น เข้ากัน


ถ้าเดินเลยมาอีกนิด จะเห็นว่ามีมุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ อยู่อีกเพียบ ยิ่งถ้าเป็นบรรยากาศตอนกลางคืน จะมีแสงไฟนวล ๆ รูปถ่ายออกมาให้ฟีลเท่ ๆ เหงา ๆ โอ๊ยยยย สายแชะต้องได้กดชัตเตอร์กันเพลินแน่นอน พูดแล้วก็ขอจัดไปสักหนึ่งช็อต

แผนที่เที่ยวมาเก๊า - Day 3

17Ruins of St. Paul’s
เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของทริปกันแล้ว ขอเรียนตามตรงนะคะว่าถ้านึกถึงมาเก๊าแล้ว สถานที่เที่ยวมาเก๊าที่นึกถึงแรก ๆ คงจะหนีไม่พ้น “โบสถ์เซนต์ปอล” (Ruins of St. Paul’s) โบสถ์เก่าที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่เช็กอิน ที่ใครมาเที่ยวมาเก๊าก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่าเป็นโบสถ์ที่หลงเหลือเพียงซากด้านหน้าของอาคาร ซึ่งทางขึ้นไปจะเป็นบันไดหิน และซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลจะอยู่ด้านบนสุด เนื่องจากถูกไฟไหม้อยู่หลายครั้ง จนล่าสุดก็ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ จนกลายเป็นกำแพงโบสถ์ที่สวยงามที่เราได้เห็นในปัจจุบัน แต่ ๆ สิ่งที่คิดกับความเป็นจริง มักจะอยู่ตรงข้ามกันเสมอใช่ไหมล่ะคะ

ทางเรามีจุดถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่สามารถถ่ายให้เห็นประตูโบสถ์ได้โดยไม่ต้องคอยหลบผู้คน หรือแม้แต่ต้องนั่งจิ้มคนออกในโปรแกรมแต่งภาพ มาค่ะ ตามดิฉันมา.. จุดที่เราบอกจะอยู่ด้านขวาของประตูโบสถ์ ตั้งต้นที่แถวบันไดหน้าโบสถ์ มองไปทางขวาจะเห็นทางเดินเล็ก ๆ เป็นบันไดให้เดินไปข้างบน นั่นละค่ะ เดิน (ปีน) บันไดขึ้นมาเรื่อย ๆ ประมาณ 3 ชั้น จะเห็นกับต้นไม้ใหญ่และเก้าอี้นั่ง หันหน้ามาทางโบสถ์จะเห็นหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่ ใช่แล้วค่ะ มุมนี้แหละ มุมลับที่ถ่ายรูปมาเก๊าที่ใครหลายคนไม่รู้.. นี่กระซิบบอกแค่เพื่อน ๆ ชาว Wongnai Travel เท่านั้นนะคะ แค่นี้เราก็จะได้รูปเลิศ ๆ ไม่ซ้ำใครไปประดับโปรไฟล์แล้วค่ะ


18Senado Square
อีกที่เที่ยวมาเก๊าที่ฮอตฮิต ติดภาพจำไม่แพ้กันเลยก็คือ “Senado Square” ตัวตึกรามบ้านช่องก็เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกสกับวัฒนธรรมจีน ทางเดินต่าง ๆ มีกิมมิกตกแต่งด้วยกระเบื้อง และหินโมเสสหลากสีเป็นลายคล้ายคลื่นทะเล ทำให้เราเพลิดเพลินกับความสวยงาม และเพลิดเพลินกับมุมถ่ายรูป ที่มีให้ถ่ายกันได้ไม่หวาดไม่ไหว~ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าเปิดเรียงรายกันตลอดสองข้างทาง ทั้งหมูแผ่น ทาร์ตไข่ และร้านอาหารเด็ด ๆ ตั้งอยู่เพียบบบ ใครมาเที่ยวมาเก๊า แนะนำต้องมาเก็บเช็กลิสต์ที่ Senado Square ด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง!

19ถนนแห่งความรัก (Love Lane)
อ้อ ๆ อีกจุดถ่ายรูปนึงที่เราอยากจะบอกต่อก็คือ “ถนนแห่งความรัก” มุมถ่ายรูปใหม่ ๆ ไม่ซ้ำใคร มุมฮิตที่คุณจะได้เห็นเสี้ยวของซากประตูโบสถ์ ถ่ายยิงขึ้นไปทั้งเท่ ทั้งคูล พิกัดก็อยู่ตรงข้าง ๆ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลนี่เองค่ะ จะอยู่ด้านซ้ายมือของโบสถ์ เป็นเหมือนถนนเล็ก ๆ แต่ความคิวต์เต็มพิกัด มีตึกผนังสีชมพูตัดกับหน้าสีเขียว แล้วยังมีต้นไม่น่ารัก ๆ วางเรียงกัน ใครอยากหามุมฮิป แปลกใหม่ไม่ซ้ำกัน ให้รีบมาเช็กอินกันด่วน


20IAM Building
โอ๊ย คุณคะ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ ทางเรามีอีกมุมชิค ๆ จะมานำเสนอส่งท้ายทริปกันที่ "IAM Building" ภายในเป็นห้องสมุด และนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะการแสดงเชิดสิงโต เดินขึ้นบันไดที่มีพื้นหลังเป็นกระเบื้องสไตล์บาร็อคลายกระเบื้องสีน้ำเงินขาว เดินขึ้น เดินลง เผลอแป๊บเดียวได้รูปเพียบแบบไม่ทันรู้ตัว >< ตรงนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ตรงข้ามกับ Senado Square นี่เอง เดินข้ามถนนก็ถึงเลย ใครอยากได้มุมใหม่ ๆ แวะมาถ่ายกันได้เลยค่า

21Taipa Ferry Terminal
เดินเล่น ถ่ายรูปจนเพลิดเพลิน ซื้อของฝากจนเต็มไม้เต็มมือ ก็ถึงเวลากลับบ้านแล้วละค่ะ โดยขากลับเราเลือกใช้วิธีการนั่งเรือ Ferry เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ อิอิ เราก็เดินทางมาขึ้นเรือเฟอร์รี่มาเก๊า “Taipa Ferry Terminal” ท่าเรือเฟอร์รี่มาเก๊าที่จะพาเรากลับไปที่ฝั่งฮ่องกง และนั่งเครื่องบินกลับบ้านกัน อ้อ! จะบอกว่าตอนขาออกจากมาเก๊า เราได้ทำการเช็กอินที่ท่าเรือไปเลย และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจากที่นี่ไปเลย โดยที่ไม่ต้องผ่านด่านอีกตอนถึงฮ่องกง จะตรวจคนเข้าเมืองอีกทีก็ตอนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ สะด๊วก สะดวกเลยค่ะ หลังจากเรือมาเทียบท่า เราก็เดินขึ้นเรือไปตามเลขที่นั่ง บรรยากาศในเรือก็สะดวก สบาย หายห่วงค่ะ ที่นั่งนุ่ม ๆ สำหรับใครที่เมาเรือง่าย ก็แนะนำว่าให้กินยากันไว้ ไม่งั้นอาจเมาเรือได้นะคะ เพราะบางทีคลื่นลมแรง ทำให้เรือโคลงอยู่บ้าง แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เมาเรือ ก็หายห่วงค่ะ เดินทางได้สบาย ชิล ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลับไปหนึ่งตื่นก็ถึงพอดี


และแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องโบกมือลามาเก๊า ขอบอกเลยค่ะว่าเต็มอิ่ม อิ่มตา.. ได้ชมงานศิลป์ อิ่มใจ.. กินจนแน่นพุง แล้วยังได้เดินเล่น ชมวิถีชีวิตของคนมาเก๊าอีก ใครคิดว่าไปมาเก๊าเที่ยวไหนดี ก็สามารถมาเที่ยวตามกันได้! ถ้าจะให้เทียบมาเก๊ากับอะไรสักอย่าง ก็คงจะยากสักหน่อยค่ะ เพราะเป็นเมืองที่มีความผสมผสาน ดึงเอาจุดเด่นของแต่ละวัฒนธรรมมารวมกันได้อย่างลงตัว เป็นเมืองที่ใครก็ยากที่จะเลียนแบบ เป็นที่เที่ยวต่างประเทศที่เราอยากจะชวนทุกคนมาเที่ยวด้วยกัน หลังจากที่เที่ยวกันมา 3 วัน มีอีกหลายมุมที่เรายังไม่ได้เดินทางไป ขอบอกเลยว่ามีรอบหน้าแน่นอน!

สำหรับใครที่อยากจะมาเที่ยวมาเก๊าฟีลลิ่งสะดวกสบาย สไตล์คุณหนู(กำมะลอ)แบบซังก็เข้าไปดูโปรโมชั่นเด็ด ๆ ได้ฟรีโรงแรมในมาเก๊า 1 คืน แค่ 8,990 บาท ฟรี! น้ำหนักโหลด 20 kg. พร้อมบริการแบบ Full Service ฟรี! ซิมเน็ต 5 วัน 4G Ultimate Pass กันได้ที่ https://www.ynotfly.com/airlines/thaiairways.html ก่อนไปก็อย่าลืมดูข้อมูลที่ สายมูห้ามพลาด! 6 ที่ไหว้พระขอพร เที่ยวฮ่องกง เสริมมงคลตลอดปี แล้วทริปหน้าซังจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวไหน ก็กดไลก์ กดติดตามเพจ Wongnai Travel รอได้เลย ทางเราพร้อมเก็บกระเป๋าพาไปเที่ยวแบบรัว ๆ ไม่กลัวเบื่อ
ยังมีทริปต่างประเทศน่าสนใจอีกเพียบ ไปดูกันค่ะ
สายมูห้ามพลาด! 6 ที่ไหว้พระขอพร เที่ยวฮ่องกง เสริมมงคลตลอดปี
เที่ยวไต้หวัน ตะลุยเถาหยวน - เมืองน่ารักที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้!
เที่ยวฟินแลนด์แบบฟิน ๆ ไปฟาร์ม Husky ขี่ Reindeer เล่น Snowmobile