เข้าใกล้สิ้นปีแบบนี้ เราขอชวนทุกคนแพ็กกระเป๋าไปสัมผัสอากาศหนาวกันที่เมืองจีน! แน่นอนว่าขาช้อป ขาเที่ยวอย่างเรา ก็ต้องไป “เซี่ยงไฮ้” เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจ ที่มีทั้งความล้ำของจีนยุคใหม่ ผสมผสานไปกับวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม และ “หางโจว” เมืองสวยติดอันดับที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เพราะตอนนี้ Thai Vietjet เขามีไฟลท์บินตรงทั้งเซี่ยงไฮ้และหางโจวเลยค่ะ เที่ยวฟินได้ทั้งสองเมือง เก็บทุกจุดไฮไลต์ได้ง่าย ๆ จะบินไปลงเมืองหนึ่งกลับอีกเมืองหนึ่งก็ยังได้ สะดวกสบายสุด ๆ ! ที่ไหนน่าไป อะไรน่ากิน วันนี้เรารวมมาให้แล้ว มาดูกันเลยค่าา~

เซี่ยงไฮ้
มาเริ่มกันที่ “เซี่ยงไฮ้” หรือ “ช่างไห่” เมืองท่าศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเงิน การค้า และนวัตกรรมต่าง ๆ ของจีน ที่นอกจากจะมาพร้อมความล้ำฟีลหลุดไปโลกอนาคต ยังมาพร้อมศิลปวัฒนธรรมจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอีกด้วย แถมการเที่ยวเซี่ยงไฮ้ด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เพราะเป็นเมืองที่สะดวกสบาย เดินทางไปไหนมาไหนตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ง่ายมาก ๆ มีทั้งรถไฟใต้ดิน Metro ที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง เลือกได้ทั้งตั๋วรายเที่ยว บัตรเติมเงิน และ Day Pass ต่าง ๆ ส่วนใครอยากเที่ยวชิล ๆ ชมวิวระหว่างทาง พร้อมประหยัดงบแบบสวย ๆ ก็สามารถเลือกขึ้นรถบัสได้เช่นกัน หรือถ้าอยากเที่ยวสบาย ไม่ต้องเดินเยอะ ก็เรียกแท็กซี่ไปลงที่จุดหมายของเราได้เลย จะเดินทางข้ามเมืองหรือไป-กลับสนามบิน ก็มีรถไฟความเร็วสูง Maglev (Magnetic Levitation) ที่เร็วกว่า 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รับรองว่าถึงที่หมายรวดเร็วทันใจแน่นอนค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้

Jade Buddha Temple
“วัดพระหยก” หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากหยกขาวแกะสลักทั้งแท่ง คือองค์พระพุทธรูปปางนั่งมีความสูง 190 เซนติเมตร และองค์พระพุทธรูปปางไสยาสน์ความยาว 96 เซนติเมตร สามารถเข้าไปสักการะบูชาได้ เนื้อหยกสีขาวสว่าง สวยงามตระการตามาก ๆ ค่ะ

Jing’an Temple
มาทำบุญกันต่อที่ “วัดจิ้งอัน” วัดเก่าแก่โบราณที่มีอายุกว่า 800 ปี ตัวหลังคาวัดมีสีทองอร่ามสวยงาม ท่ามกลางตึกสูงในเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยนอกจากการกราบไหว้ทำบุญต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่คนเซี่ยงไฮ้นิยมทำกันคือโยนเหรียญขอพรเข้าไปในเจดีย์ธูป และแตะหยกเพื่อความโชคดี เพื่อน ๆ ก็สามารถไปลองขอพรกันดูได้นะคะ

People’s Square
ใครเป็นขาช้อป ได้เวลาเฉิดฉายแล้วค่ะ ที่ “People’s Square” ย่านช้อปปิงแบรนด์ดังที่อยู่ใกล้ถนนหนานจิงและ The Bund เป็นย่านที่มีตึกเก่าสไตล์ตะวันตก ได้ฟีลยุโรปสุด ๆ กดชัตเตอร์รัว ๆ เลยค่ะ แถมยังมีแลนด์มาร์คอย่าง Shanghai Urban Planning Exhibition Center, Shanghai Historical Museum และ Museum of Contemporary Art Shanghai ที่ให้เข้าไปเยี่ยมชมได้ ในสมัยก่อนย่านนี้เคยเป็นสนามแข่งม้า Shanghai Race Club ซึ่งปิดตัวไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันส่วนของสนามแข่งก็กลายมาเป็นสวนสาธารณะ People’s Park นี่เอง

Nanjing Road Pedestrian Street
มาช้อปต่อกันที่ “ถนนคนเดินหนานจิง” ย่านช้อปปิงที่แท้ทรูของเซี่ยงไฮ้ รอบข้างเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารมากมาย เรียกว่าแฮงก์เอาต์ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลยค่ะ โดยถนนหนานจิงจะแบ่งเป็นฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ส่วนมากจุดที่คนเดินกันจะเป็นฝั่งตะวันออกหรือ Nanjing East Road ระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร ยาวไปจนถึง The Bund เลยค่ะ

The Bund
เดินถนนหนานจิงกันจนหนำใจ มาชมวิวสวย ๆ ที่ “The Bund” หรือ “หาดไว่ทาน” ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ ที่มีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในหลาย ๆ ยุคสมัย ทั้งแบบโกธิค โรมาเนสก์ นีโอบาร็อค อาร์ตเดโค และอีกมากมาย ที่อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนได้ชื่อว่าเป็นปารีสตะวันออก ในบริเวณนี้จะมีรูปปั้นวัวกระทิงทองแดงให้เข้าไปลูบขอโชคลาภกันได้ด้วยนะคะ จุดนี้ยังเป็นจุดที่มองเห็นทิวทัศน์ฝั่งผู่ตงได้ชัดเจนที่สุด จะเห็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอย่าง Oriental Pearl TV Tower, Shanghai World Financial Center และ Shanghai Tower ราวกับได้เห็นเมืองในอนาคตเลย ที่สำคัญมาแล้วห้ามพลาด “The Bund Sightseeing Tunnel” อุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำที่เต็มไปด้วยแสงสี ให้เราเดินทางไปฝั่งผู่ตงได้ง่าย ๆ เที่ยวต่อได้แบบชิล ๆ

Oriental Pearl TV Tower
ข้ามมาที่ฝั่งผู่ตงกันบ้าง กับ “หอไข่มุกตะวันออก” อันเลื่องชื่อ หอส่งสัญญาณที่เป็นที่ทำการของสถานีวิทยุและโทรทัศน์เกือบ 20 สถานี แถมยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองจำลองโลกอนาคต และเมืองวิทยาศาสตร์แฟนตาซีให้เราได้เข้าชม พร้อมโรงแรมและร้านอาหารสุดหรูที่หมุนรอบตัวเองได้ และแน่นอนว่าต้องไปดูไฮไลต์อย่างจุดชมวิวที่ระดับความสูง 267 เมตร เห็นวิวเมืองเซี่ยงไฮ้ได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

Shanghai World Financial Center
อีกหนึ่งจุดชมวิวห้ามพลาดก็คืออาคาร “Shanghai World Financial Center (SWFC)” ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนยอดตึกที่เปิดเป็นช่องสี่เหลี่ยม จนได้รับฉายาว่า “ตึกที่เปิดขวด” ตึกนี้มีจำนวน 101 ชั้น และความสูงที่ 500 เมตร ซึ่งเราจะสามารถชมวิวได้ที่ชั้น 97 (439 เมตร) และชั้น 100 (474 เมตร) โดยสกายวอล์คที่ชั้น 100 ก็คือส่วนช่องสี่เหลี่ยมที่เห็นวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งนั่นเองค่ะ

Yu Garden
สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศเมืองจีนโบราณ ต้องไป “Yu Garden” หรือ “สวนอี้หยวน” สวนขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 400 ปี ตกแต่งในสไตล์จีนดั้งเดิม มีพืชพรรณและดอกไม้นานาชนิด สวนหิน ศาลากลางน้ำ และหินหยกขนาด 3.3 เมตร รอบนอกสวนยังมีถนนคนเดินให้เลือกซื้อของที่ระลึกต่าง ๆ รวมถึงร้านอาหาร และที่ห้ามพลาดก็คือร้าน Nanxiang Steamed Buns หรือเสี่ยวหลงเปายักษ์เสียบหลอดชื่อดังของเมืองเซี่ยงไฮ้

Tianzifang
มาเอาใจสายอาร์ต ที่ “ถนนเถียนจื่อฟาง” ถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านงานคราฟต์ คาเฟ่เล็ก ๆ และสตูดิโองานศิลป์ ในอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบเซี่ยงไฮ้และแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน แวะไปเสพงานศิลป์ เดินเล่นสบาย ๆ หรือจิบชากาแฟยามบ่ายก็เข้าท่า

Longhua Temple
อีกหนึ่งวัดที่สำคัญของเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็คือ “วัดหลงหัว” หรือ “วัดมังกรดอกไม้” วัดที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 20,000 ตารางเมตร อัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,700 ปี โดยมีจุดสำคัญที่เจดีย์หลงหัว เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม 7 ชั้น สูง 40 เมตร สร้างด้วยอิฐและบันไดไม้ รายล้อมด้วยราวระเบียง และกระดิ่งประดับทั้ง 8 มุม

Shanghai Disneyland Park
ปิดท้ายเมืองเซี่ยงไฮ้กันด้วย “Shanghai Disneyland Park” สวนสนุกแห่งที่ 6 ของดิสนีย์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองอยู่แค่ Disney World ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาเท่านั้นเองค่ะ แถมยังมีปราสาทที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งตัวปราสาทจะผสมผสานปราสาทในหลาย ๆ เรื่องราว พร้อมดอกโบตั๋นบนยอดปราสาทที่สูงที่สุด เพื่อสื่อถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ ตัวปาร์คแบ่งออกเป็น 7 โซนด้วยกัน ได้แก่ Mickey Avenue, Gardens of Imagination, Fantasyland, Treasure Cove, Adventure Isle, Tomorrowland, และ Toy Story Land โดยความพิเศษของ Shanghai Disneyland Park จะอยู่ที่การผสมผสานศิลปวัฒนธรรมจีนเข้าไปในตัวสวนสนุก อย่าง Wandering Moon Teahouse ร้านอาหารที่ออกแบบเป็นอาคารทรงจีนโบราณ คนรักดิสนีย์บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ

ร้านอาหารเซี่ยงไฮ้

Yang’s Fried Dumpling
มาเซี่ยงไฮ้แล้ว ต้องได้กินเมนูเสี่ยวหลงเปาทอด Yang’s Fried Dumpling เสี่ยวหลงเปาแป้งเหนียวนุ่มจี่กรอบ ๆ ใส่ไส้แน่น ๆ มีให้เลือกหลากหลายไส้ ทั้งหมู กุ้ง ปู ผัก และอีกมากมาย กัดเข้าไปมีน้ำซุปฉ่ำ ๆ รับรองว่าได้ชิมแล้วต้องติดใจแน่นอน

Lost Heaven
มาแถว The Bund แล้ว ต้องไปลอง Lost Heaven ร้านอาหารจีนสไตล์ยูนนานรสชาติจัดจ้านกลมกล่อม ขอบอกว่าร้านนี้เขาฮอตสุด ๆ เป็นร้านฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวเลยทีเดียวค่ะ ใครอยากไปขอแนะนำว่าให้จองก่อนนะคะ

Nanxiang Steamed Bun Restaurant
Nanxiang Steamed Bun Restaurant ร้านเสี่ยวหลงเปาชื่อดังในสวนอี้หยวน เป็นร้านเก่าแก่ มีหลายสาขา มาพร้อมเมนูไฮไลต์อย่างเสี่ยวหลงเปายักษ์ แป้งนุ่มไส้แน่น อัดแน่นไปด้วยน้ำซุป เวลากินก็ปักหลอดเข้าไปชิมน้ำซุปร้อน ๆ ก่อน เป็นเมนูสุดไอคอนิกที่ใครไปก็ต้องแวะซื้อค่ะ

Starbucks Reserve Roastery
โรงคั่วกาแฟสตาร์บัคส์ สาขาที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก กับอาคาร 2 ชั้น พื้นที่รวมกว่า 29,000 ตารางฟุต เป็นแลนด์มาร์คที่ใครมาเซี่ยงไฮ้ก็ต้องแวะมาค่ะ ตัวร้านจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ พร้อมโรงคั่วกาแฟภายในร้าน เมนูอาหารคาวหวานและเบเกอรีก็มีให้เลือกสั่งได้ ส่วนของฝากก็ละลานตาสุด ๆ บนชั้น 2 ยังมีโซน Teavana ที่เน้นเมนูชาเป็นหลัก ด้วยความที่ประเทศจีนมีวัฒนธรรมดื่มชากันมาแต่โบราณ สาขานี้จึงมีเมนูชาที่หลากหลายกว่าที่อื่น ๆ เลือกดมเลือกชิมได้แบบจุใจเลยค่ะ

Polux by Paul Pairet
Polux by Paul Pairet ร้านอาหารฝรั่งเศสที่แค่ไปกินขนมก็ฟินจะแย่ ตัวร้านจะอยู่ในย่าน Xin Tian Di ที่เป็นย่านช้อปปิงแบบหรูหราหน่อย ๆ ตัวร้านตกแต่งสไตล์ปาริเซียง พร้อมเมนูอาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิก เหมาะกับการไปเดตเป็นมื้อพิเศษมาก ๆ

Lady M Shanghai
Lady M Shanghai ร้านขนมหวานส่งตรงจากนิวยอร์ก ที่มาพร้อมเมนู Mille Crêpes ชื่อดัง ที่ผสมผสานเทคนิคการทำขนมฝรั่งเศส เข้ากับความละเอียดอ่อนแบบญี่ปุ่น แป้งเครปบางเฉียบสลับชั้นกับครีมรสละมุน ละลายในปาก มีหลากรสให้เลือกชิม ทั้งรสซิกเนเจอร์ ชาเขียว ช็อกโกแลต และอีกมากมาย

Cha’s restaurant
ร้านอาหารฮ่องกงสุดโฮมมี ที่ให้อารมณ์เหมือนกินข้าวที่บ้าน พร้อมเมนูคลาสสิกอย่างไก่ย่างซอส ก๋วยเตี๋ยวผัด ไข่ผัดกุ้ง ไก่ทอดครีมมะนาว และขนมปังลาวาอบเนยสุดฉ่ำ

Golden Jaguar
ใครเป็นสายกินคงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ Golden Jaguar กันมาบ้าง ร้านบุฟเฟต์ที่จัดหนัก จัดเต็ม กับเมนูอาหารนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิ เทปันยากิ ชาบู ติ่มซำ พาสต้า พิซซ่า เป็ดปักกิ่ง หมูหัน ขนกันมาเน้น ๆ ทุกสัญชาติ กินกันไม่หวาดไม่ไหวเลยละค่ะ

Laowang Hot Pot
มาเมืองจีนต้องได้กินหม้อไฟ! ขอบอกว่าที่ร้าน Laowang Hot Pot มีน้ำซุปให้เลือกเยอะมากก แต่ที่เด็ดก็คือซุปไก่และซุปกระเพาะหมูพริกไทย ที่เข้มข้นหอมยั่วใจสุด ๆ โดยร้านนี้เปิดตัวครั้งแรกที่เซี่ยงไฮ้ ก่อนจะขยายไปมากกว่า 70 สาขาทั่วประเทศจีนเลยทีเดียว

หางโจว
ต่อกันที่เมืองสวยขึ้นชื่อ อย่าง “หางโจว” ที่มาร์โค โปโล นักเดินทางชาวอิตาลี ขนานนามว่าเป็น ‘สวรรค์บนดิน’ ด้วยทิวทัศน์ทะเลสาบซีหูสุดตระการตา ห้อมล้อมไปด้วยทิวเขาสวยงาม ดังที่กวีจีนกล่าวไว้ว่า ‘หากฟากฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนผืนปฐพีก็มีซู – หัง’ ซึ่งซู ก็คือเมืองซูโจว และหัง ก็คือเมืองหางโจวนั่นเองค่ะ เมืองหางโจวมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,100 ปี และยังเป็น 1 ใน 7 เมืองหลวงเก่าของจีนอีกด้วย ปัจจุบันก็มีการผลักดันให้กลายมาเป็นแหล่งรวมเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีต่าง ๆ จนได้ชื่อว่าเป็น Silicon Valley ของจีนเลย ในหางโจวสามารถเดินทางได้ง่าย ๆ ด้วยรถบัส โดยนอกจากจะมีรถสายต่าง ๆ ยังมีรถสำหรับเที่ยวชมเมืองโดยเฉพาะให้ใช้บริการได้ด้วย ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดินในหางโจวเองก็มี แต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั่วถึงเท่ากับเมืองใหญ่ ถ้ากลัวขึ้นรถผิดสาย ก็สามารถเลือกขึ้นรถแท็กซี่ได้เช่นกันค่ะ ว่าแต่มีไฮไลต์อะไรเด็ด ๆ ที่ต้องไปบ้าง เรามาดูที่เที่ยวหางโจวกันเลยดีกว่าค่าา

สถานที่ท่องเที่ยวในหางโจว

Xixi National Wetland Park
“สวนสาธารณะแห่งชาติซีซิ” เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดกว่า 10 ตารางกิโลเมตร ภายในแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือโซนตะวันออก โซนกลาง และโซนตะวันตก ซึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปเที่ยวกัน จะเป็นโซนตะวันออก เพราะตรงนี้จะมีธรรมชาติสวย ๆ พร้อมหมู่บ้านชาวประมง เป็นบ้านเรือนน่ารัก ๆ มีเรือแจวให้นั่งชมรอบ ๆ ได้ มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ แบบจุใจ บริเวณนี้จะมีอาคารนิทรรศการผ้าไหมหางโจว สินค้าขึ้นชื่อของเมือง และนิทรรศการวิถีชีวิตชาวบ้านให้ได้ชมกันด้วยค่ะ

Lingyin Temple
ต่อกันที่ “วัดหลิงอิ่น” วัดพุทธเก่าแก่กว่า 1,600 ปี ที่ใหญ่ที่สุดบนเทือกเขาอู่หลิน นอกจากตัววัดที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกราบไหว้บูชาแล้ว จุดเด่นของวัดนี้คือรูปสลักหินทางศาสนาที่มีชื่อว่า เฟย์ไหลเฟิง หรือ ยอดเขาบิน เพราะมีลักษณะแตกต่างจากสภาพแวดล้อมราวกับบินมาตกลงตรงนี้ จึงได้มีการสลักรูปพระอรหันต์กว่า 400 องค์ลงบนภูเขาหินปูนนี้ เพื่อไม่ให้บินไปที่อื่น

West Lake
จะบอกว่านี่เป็นไฮไลต์ของเมืองหางโจวก็คงไม่ผิดนัก เพราะบริเวณ “ทะเลสาบซีหู” คือจุดที่ทำให้หางโจวได้ชื่อว่าสวรรค์บนดินนั่นเอง กับทะเลสาบน้ำจืดใสสะอาดขนาดกว่า 3 กิโลเมตร รายล้อมด้วยภูเขา 3 ลูก พร้อมสิ่งก่อสร้างตามศิลปวัฒนธรรมจีนโบราณต่าง ๆ ที่อยู่รอบทะเลสาบ และบนเกาะเล็ก ๆ เป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืมทีเดียวค่ะ จะนั่งชมวิวที่ริมฝั่ง ถ่ายรูปกับเก๋งจีน นั่งเรือแจวรับลม หรือเช่าจักรยานมาปั่นรอบทะเลสาบก็ได้บรรยากาศดีสุด ๆ

Leifeng Pagoda
“เจดีย์เหลยเฟิง” หรือที่รู้จักกันในนามเจดีย์นางพญางูขาว ตำนานความรักอมตะของจีน ซึ่งในเรื่องนางพญางูขาวก็ถูกจองจำอยู่ในเจดีย์เหลยเฟิงนี่ละค่ะ ดั้งเดิมแล้วตัวเจดีย์ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ของแคว้นอู๋เยว่ เพื่อเฉลิมฉลองการตั้งครรภ์ของพระสนมคนโปรดนั่นเอง โดยตัวเจดีย์องค์จริงที่สร้างขึ้นเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงฐานเจดีย์เท่านั้น และถูกรักษาไว้ภายในเจดีย์อีกทีหนึ่ง ส่วนตัวเจดีย์ที่เราเข้าไปชมกัน จะเป็นองค์ที่ถูกสร้างครอบลงไปเมื่อปี ค.ศ. 1999 สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองหางโจวได้แบบ 360 องศาเลย มีลิฟต์ให้บริการสะดวกสบายมาก ๆ แถมยังมีภาพแกะสลักตำนานนางพญางูขาวจัดแสดงอยู่ด้วย ขาเดินลงก็สามารถแวะชมกันได้

Hefang Street
ปิดท้ายทริปหางโจวกันด้วย “ถนนเหอฟาง” หรือ “ชิงเหอฟาง” ที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบซีหู ถนนโบราณที่เต็มไปด้วยร้านค้า ของฝาก ของกิน และสารพัดยาจีน ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ยาจีน หรือร้านยาโบราณกว่าพันปีอย่าง Baohetang ร้านยาในตำนานเมือง และจุดเช็กอินที่ห้ามพลาดในย่านนี้ ก็คือรูปหล่อทองคำพระสังกัจจายน์ แวะมาแล้วอย่าลืมเข้าไปขอพร ขอโชคลาภ ให้ทำมาค้าขายดีนะคะ

ร้านอาหารหางโจว

Grandma’s Home
Grandma’s Home ร้านอาหารจีนท้องถิ่นที่เสิร์ฟในสไตล์ครอบครัว ด้วยเมนูพื้นเมืองต่าง ๆ ที่มาในราคาเป็นมิตร อย่างหมูย่าง กุ้งผัด ปลานึ่ง แถมมีหลายสาขาให้เลือกไป ใส่ชื่อไว้ในแพลนเที่ยวหางโจวรับรองว่าไม่ผิดหวัง
Hupan Ju
แวะมาจิบชาหลงจิ่ง ของขึ้นชื่อเมืองหางโจว ที่ Hupan Ju Tea House ที่นอกจากจะมาพร้อมอาหารและน้ำชารสเลิศ ยังอยู่ใกล้กับทะเลสาบซีหู มองออกไปได้ทิวทัศน์ของทะเลสาบคู่กับเจดีย์เหลยเฟิงอีกด้วย วิวร้อยล้านสุด ๆ
28 Hubin Road
28 Hubin Road เป็นภัตตาคารในโรงแรม Grand Hyatt Hangzhou ริมทะเลสาบซีหู ที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย เสิร์ฟเมนูเจ้อเจียงดั้งเดิมต่าง ๆ รวมไปถึงเมนูเด็ดอย่างไก่ขอทาน และพีระมิดหมูตงพอ แล่เป็นแผ่นบาง นุ่มละลายในปาก
Zhiweiguan
Zhiweiguan ร้านอาหารเก่าแก่ในเมืองหางโจวที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1913 ที่ขึ้นชื่อว่าส่งกลิ่นหอมจนคนต้องจอดรถ ลงจากหลังม้าเข้ามาชิมอาหารในร้านเลยทีเดียว ด้วยเมนูอาหารท้องถิ่นปรุงแบบดั้งเดิมที่คนหางโจวก็แวะเวียนมากินกันไม่ขาด มาแล้วต้องได้ลองค่ะ
Xiaolao Wonton
ถึงจะเปิดมาไม่นาน แต่ Xiaolao Wonton ก็ครองใจคนท้องถิ่นมาแล้วมากมาย ด้วยเกี๊ยวไส้ต่าง ๆ ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ แป้งเหนียวนุ่ม และไส้ที่ทำเองในร้าน พร้อมซุปรสเข้มข้นกลมกล่อม
บอกเลยว่า “เซี่ยงไฮ้” และ “หางโจว” น่าเที่ยวสุด ๆ รับรองว่าได้ไปแล้วจะได้มุมมองใหม่ ๆ กลับมาแน่นอนค่ะ ใครอยากไป อย่าลืมขอวีซ่ากันให้เรียบร้อย ใช้แค่หนังสือเดินทาง รูปถ่าย ใบจองที่พัก และใบจองตั๋วเครื่องบินเท่านั้นเองค่ะ แถมตอนนี้ยังบินง่าย กับ Thai Vietjet บินตรงได้ทั้ง 2 เมือง จะบินลงเมืองหางโจวแล้วกลับจากเซี่ยงไฮ้ หรือบินไปเซี่ยงไฮ้แล้วกลับจากหางโจวก็ยังได้ สะดวกสบายสุด ๆ สามารถเข้ามาจองตั๋วได้ที่ VietJetAir.com แล้วเตรียมขอวีซ่า แพ็กกระเป๋าไปเที่ยวจีนกันได้เลย หรือถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปสอบถามกันได้ที่ Facebook VietJetThailand และที่ Instagram thaivietjet.official เลยค่ะ สายเที่ยว สายชิล ทริปนี้ห้ามพลาดเลย!



