“แวน เฮ้วซิ่ง” กลับมาอีกครั้งกับการพาทุกคนลุยที่เที่ยวสิงห์บุรีเมืองเก่า มาครั้งนี้ไม่ธรรมดา พาแวะถ่ายรูปเช็กอินแลนด์มาร์กเก่าชาวสิงห์บุรีอย่างเมืองทองรามา และไหว้พระชื่อดังที่วัดพระนอนจักรสีห์ฯ วัดโบราณคู่บ้านคู่เมือง สายบุญ สายเซลฟี เที่ยวครบ! และที่ห้ามพลาดร้านเด็ดชื่อดังที่ชาวสิงห์บุรีรู้จักเป็นอย่างดี ได้ยินมาว่ามีร้านที่เด็ดถึงขั้นบางคนเดินทางข้ามจังหวัดมาเพื่อกิน! จะเด็ดขนาดไหนนั้น เราไปเที่ยวพร้อม ๆ กันดีกว่าครับ!

1สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (จตุจักร)
เช้านี้เรามาเจอกันที่ “สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก” หรือที่เราเรียกกันว่า “ท่ารถตู้หมอชิต” นั่นเองครับ วันนี้ผมกำลังจะพาทุกคนเดินทางไปบุกที่เที่ยวสิงห์บุรีแบบเท่ ๆ กันเลย เพราะที่นั่นถือเป็นเมืองเก่าอีกเมืองหนึ่งที่น่าเที่ยวมาก ๆ สำหรับการเดินทางวันนี้ ผมจ่าย ”ค่าตั๋วรถตู้” (ราคา 120 บาท) ใครที่อยากไปเที่ยวแบบผม ก็ตามกันมาได้เลยง่าย ๆ ครับผม

2จำเนียรซาลาเปานมสด
ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินทางมาถึง ”จำเนียรซาลาเปานมสด” ร้านซาลาเปาเจ้าดังของที่นี่ มาถึงเนี่ยก็เจอคนต่อคิวกันเยอะเลยครับ ขายดีจริง ๆ ผมเลือกสั่ง ”ซาลาเปาไส้หมูสับและไส้เผือก” (ราคาลูกละ 8 บาท) ผมซื้อไป 4 ลูก จ่ายไปทั้งสิ้น 32 บาท ถูกแล้วก็คุ้มมาก ๆ ครับ เพราะซาลาเปาที่นี่ทำสด ๆ ใหม่ ๆ กันเลย กลิ่นก็หอมมาก ๆ คุณน้าเปิดฝาหม้อทีควันฟุ้งเลยครับ ใครที่มาที่นี่ รับรองว่าได้กินซาลาเปาร้อน ๆ ไส้แน่น ๆ กันแน่นอน~



3เมืองทองรามา
กินซาลาเปารองท้องกันไปแล้ว เดินตามตัวเมืองสิงห์บุรีมาไม่ไกล ก็มาเจอกับ ”เมืองทองรามา” แลนด์มาร์กเก่าของชาวสิงห์บุรีที่มีอายุกว่าหลายสิบปี แม้ตัวอาคารจะเริ่มสึกกร่อนไปตามกาลเวลา แต่เสน่ห์และความทรงจำของชาวสิงห์บุรีกับโรงภาพยนตร์เก่าที่นี่ไม่มีเสื่อมคลาย นี่แหละครับเสน่ห์ของการเที่ยวเมืองเก่า พอเข้าไปด้านในตัวอาคารแล้ว ที่นี่เป็นจุดเช็กอินถ่ายรูปที่เท่มาก ๆ แม้ภายนอกจะดูเก่า แต่ภายในอาคารทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความรุ่งเรืองในอดีต ทำให้จินตนาการว่าต้องมีหนุ่มสาวหลาย ๆ คน อาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ นัดเจอกันที่นี่ เหมือนกับยุคสมัยเราที่ตอนนี้นัดเจอกันในห้างสรรพสินค้าชั้นนำดัง ๆ แต่ผมมั่นใจว่าถ้าถามคนสิงห์บุรีว่าสมัยก่อนจุดนัดพบยอดนิยมคือที่ไหน ทุกคนก็ต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่แหละครับ



4Inkit cafe Analog
เดินเลยมาอีกนิดหน่อย ก็มาถึงร้าน ”Inkit cafe Analog” ร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ให้เข้ายุคสมัย Analog เหมือนกับชื่อของร้าน เป็นร้านเล็ก ๆ น่ารัก และอบอุ่นมาก ๆ เข้ามาด้านในจะได้ยินเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่กำลังบรรเลงเพลงไพเราะกลมกลืนกับบรรยากาศสบาย ๆ มีมุมที่นั่งรับรองลูกค้า มุมบาร์ และมุมของตกแต่งที่เหมือนได้ย้อนอดีตไปสมัยเด็ก ๆ มีทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียง มีทั้งขนมและของเล่นโบราณ นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ เข้ามาเลย ซึ่งไม่คิดมาก่อนว่าจะได้บรรยากาศแบบนี้ในร้านกาแฟเลยครับ

สำหรับราคากาแฟและเครื่องดื่มร้านนี้ ราคาย่อมเยากำลังดีมาก ๆ นักเรียนนักศึกษาดื่มกันได้สบายกระเป๋าเลยครับ ผมสั่ง “อเมริกาโนเย็น” (ราคา 40 บาท) กาแฟหอมมาก พี่เขาโชว์การทำกาแฟแบบสด ๆ ให้ดูเห็น ๆ กันเลยครับ โดยรวมประทับใจมากครับ ทั้งบรรยากาศร้าน ความน่ารักของพี่เจ้าของร้าน และที่สำคัญรสชาติของกาแฟ ส่วนใครที่อยากจะซื้อเมล็ดกาแฟกลับบ้าน ก็แนะนำเลยครับมีให้เลือกหลายแบบเลย

5ร้านบ้านผู้ใหญ่
ได้เวลาเดินทางออกนอกเมืองกันแล้ว ผมเช่ารถสองแถวหารกันกับทีมงาน “รถสองแถว” (ราคา 300 บาท) ตกคนละ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งเส้นทางที่เราจะไปมีทั้งร้านอาหารชื่อดัง และสถานที่ท่องเที่ยวครับ เรียกได้ว่าราคานี้คุ้มมาก ๆ คุณลุงพาเที่ยวตลอดทริป หลังจากได้รถแล้วก็ได้เวลาเติมพลังงานก่อนเที่ยวกันต่อ ผมแวะ “ร้านบ้านผู้ใหญ่” ร้านที่คนรักเนื้อจะต้องกรีดร้อง เพราะว่าราคาเนื้อที่นี่ถูกมาก ๆ!!


เข้ามาภายในร้าน บรรยากาศเย็นสบายมาก ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมแดดเปรี้ยง ๆ แบบนี้ถึงอากาศเย็นได้ ก็เพราะว่าทางร้านเอาใจลูกค้าด้วยการเนรมิตธารน้ำฝนที่ไหลลงจากหลังคา ทำให้เสมือนว่าเรานั่งกินเนื้อรสเด็ด ๆ ในวันฝนตกอากาศเย็นสบาย ขอบอกเลยว่าฟินมากจริง ๆ ครับ พี่ ๆ บริการดี น่ารักเป็นกันเอง แถมเมนูที่ผมสั่งมาเนี่ย เด็ดมาก! ผมสั่ง “กะเพราเนื้อเสื้อร้องไห้” (ราคา 40 บาท) โห ราคาดี เนื้อก็ดี สุดยอด! พี่เขาบอกว่าปกติคนแน่นร้าน บางวันก็หมดไว ใครที่อยากลองต้องรีบมานะครับ ได้ยินว่าบางคนเนี่ยถึงกับเดินทางข้ามจังหวัดมาชิมกันเลยทีเดียว


6วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
หลังจากอิ่มท้อง ผมก็พาทุกคนไปอิ่มบุญกันบ้างกับ “วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร“ วัดเก่าแก่ ที่มีความเชื่อว่าหากขอพรที่นี่ก็จะสำเร็จสมหวังดังที่ขอพร โดยของที่นิยมมาแก้บน อย่าง ไข่ต้ม หัวหมู และบายศรีครับ หลังจากที่ได้เห็นพระนอนแบบเต็ม ๆ ผมก็ทึ่งในความงดงามมาก ๆ สีทองที่เปล่งประกาย ทำให้จิตใจรู้สึกสงบผุดผ่องมาก ๆ ครับ โดยพระนอนจักรสีห์ พระพุทธรูปไสยาสน์หรือพระนอนขนาดใหญ่เนี่ย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยเลยครับ



ผมได้นำ “ดอกไม้ธูปเทียน“ (ราคา 20 บาท) ไหว้สักการะพระนอนที่ด้านนอกครับ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีศาลาไว้ฟังเทศนาธรรมกันด้วย ตอนผมมาได้ยินเสียงฟังแล้วเพลินมาก ๆ ครับ ใครที่อยากหาที่สงบจิตใจ ก็แนะนำมาได้ รับรองได้อิ่มบุญ และได้รูปสวย ๆ กลับไปด้วยแน่นอน หลังจากไหว้พระเสร็จ ผมเดินออกมาอีกนิดหน่อย ด้านหน้าวัดมีตลาดต้องชมด้วยครับ เลยแวะซื้อ “น้ำกระเจี๊ยบ“ (ราคา 20 บาท) แก้กระหายสักหน่อย ภายในตลาดมีทั้งของกิน ของฝาก หรือของใช้ของเล่นอีกมากมาย ใครที่อยากเดินเล่นดูของกันเพลิน ๆ ก็แนะนำเลยครับ

7ตลาดโต้รุ่งสิงห์บุรี
“ตลาดโต้รุ่งสิงห์บุรี“ แหล่งรวมของกินเด็ด ๆ เพียบ! ชาวสิงห์บุรีคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ และร้านแรกที่ผมชิม “ขนมปังปอนด์ สังขยา” ผมสั่งเป็น “ขนมปังสังขยา” (ราคา 30 บาท) นึ่งร้อน ๆ สด ๆ ใหม่ ๆ หอมสังขยามาก ๆ ครับ ฟินมาก และใครที่อยากกินขนมหวานอื่น ๆ ที่นี่ก็มีตัวเลือกหลายอย่างเลย เช่น “บัวลอยไข่หวาน“ (ราคา 25 บาท) ราคาสบายกระเป๋ามาก ๆ แถมรสชาติเนี่ยดีเยี่ยม ผมประทับใจมาก ๆ ครับ



ก่อนกลับก็ขอแวะซื้ออะไรลงท้องสักหน่อย ระหว่างเดินทางจะได้ไม่หิว ผมแวะซื้อ “ข้าวเหนียวไก่ทอด“ (ราคา 20 บาท) แม่ค้าใจดีน่ารักมาก ๆ ครับ ใครที่อยากกินไก่ทอดกรอบ ๆ ก็ต้องที่ตลาดโต้รุ่งสิงห์บุรีแห่งนี้เลย และถัดมาข้าง ๆ ร้านไก่ทอด ก็มีร้านน้ำมะพร้าวน้ำหอมแท้ กลิ่นมะพร้าวสด ๆ หอมมากครับ ผมก็ได้อุดหนุน “น้ำมะพร้าว“ 1 ลูก (ราคา 20 บาท) พอจิบแล้วเนี่ย เย็นชื่นใจมาก ๆ วันนี้เนี่ย เรียกได้ว่าแวะที่เดียวแต่อิ่มพุงกางเลยครับ ฮ่า ๆ~


8เกษรา เบเกอรี
ก่อนเดินทางกลับ เดินมาไม่ไกลก็เจอกับร้าน “เกษรา เบเกอรี” ที่เขาดังเรื่อง “เค้กปลาช่อน” (ราคา 120 บาท) ผมเองก็สงสัยมากเลยครับว่าหน้าตาของเค้กปลาช่อนเป็นยังไง พอมาถึงแล้วก็ถึงกับร้องอ๋อ เจ้าเค้กปลาช่อนเนี่ย เป็นเค้กที่ผสมเนื้อปลาแท้ ๆ ลงไปกับเค้กครับ มหัศจรรย์มาก ๆ แถมหน้าตาของน้องปลาก็น่ารักซะด้วย ผมเลยไม่พลาดซื้อกลับบ้านเป็นของฝากครับผม

9ท่ารถสิงห์บุรี
หลังจากซื้อของฝากเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกันแล้วครับ ผมมาขึ้นรถที่ท่ารถสิงห์บุรี ที่เดียวกันกับที่เราลงรถมาเลยครับ ที่นี่จะมีรถตู้จอดรออยู่ มาซื้อตั๋วกลับกันได้เลย ราคา 120 บาท เหมือนขามาเลยครับ เรียกได้ว่าสะดวกมาก ๆ สำหรับการเดินทางมาก็ไม่ยากครับเพราะท่ารถจะอยู่ในตัวเมืองเลย เดินถึงกันได้เกือบหมดเลยครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับทริป “ไหว้พระนอนจักรสีห์ ลุยที่เที่ยวสิงห์บุรี เช็กอินถ่ายรูปชิลเมืองทองรามา“ ทริปนี้แวนใช้เงินไปเพียง “707 บาท” เท่านั้น เหลือเงินกลับบ้านตั้ง “93 บาท” ทริปนี้เที่ยวครบงบประหยัด ประทับใจผมมากครับ มีเวลา 1 วันก็เที่ยวสิงห์บุรีได้ ได้ทั้งไหว้พระ เช็กอินแลนด์มาร์ก ลุยร้านเด็ด ๆ แถมมีของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย สำหรับใครที่อยากติดตามทริปสนุก ๆ แบบเที่ยวตามสั่งกับผม ก็อย่าลืมติดตามเพจ Wongnai Travel นะครับ สำหรับทริปนี้ต้องขอลาไปก่อน เจอกันใหม่ทริปหน้าสวัสดีครับ~







